

Entertainment
Tom Hanks จากเด็กบ้านแตก สู่เจ้าพ่อผู้ทำเงินใน Box Office สูงที่สุดแห่งวงการฮอลลีวู้ด
By: unlockmen August 7, 2015 11251
เชื่อว่าหากพูดถึงนักแสดงมากความสามารถที่ไม่ว่าจะพลิกบทบาทอย่างไรก็ทำให้คนดูเชื่อไปหมด ชื่อของเขาคนนี้คงเด้งออกมาเป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน เขาคนนี้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้แก่วงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์ที่เขาเล่นสร้างรายได้อย่างถล่มทลายทั่วโลกหลายต่อหลายเรื่อง อีกทั้งเขายังเคยสร้างปรากฏการณ์ทำรายได้ให้แก่ภาพยนตร์ที่เขาเล่น เกิน 100 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือราวๆ 3,500 ล้านบาท ติดต่อกันถึง 7 เรื่องแห่งการออกฉาย อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าตำนานก็คงยาก ใช่แล้วครับ คนที่เรากำลังพูดถึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ นักแสดงมากความสามารถผู้เป็นตำนานแห่งวงการฮอลลีวู้ด Tom Hanks
Tom Hanks เกิดที่เมืองคอนคอร์ด มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 1956 โดยเขามีแม่เป็นพนักงานโรงแรม และมีพ่อเป็นผู้ปรุงอาหารในห้องครัว ซึ่งต้นตระกูลของฝั่งแม่ของเขามีถิ่นกำเนิดมาจากโปรตุเกศ และต้นตระกูลทางฝั่งพ่อก็อพยพมาจากประเทศอังกฤษ ทำให้เขาถือเป็นนักแสดงอีกหนึ่งคนที่ไม่มีเชื้อชาติอเมริกันในสายเลือดเลย
ทอมเติบโตมาในตระกูลที่เคร่งครัดในศาสนาคริสต์นิกายแคธอลิก ทำให้ชีวิตของเขาดำเนินอยู่ในร่องในรอย แม้เข้ามาในวงการที่ถือว่าเป็นวงการที่สามารถยั่วยุให้คนเสียคนได้อย่างที่สุดอย่างวงการฮอลลีวู้ด ชีวิตของทอมก็ไม่เคยเป๋ออกนอกลู่นอกทางแม้แต่ครั้งเดียว
ในปี 1960 เมื่อทอมอายุได้เพียง 4 ขวบ แม่กับพ่อของเขาก็ได้แยกทางกัน โดยทอมตามไปอาศัยอยู่กับพ่อ พร้อมกับพี่น้องอีกสองคน โดยที่น้องชายคนเล็กสุดของเขาอาศัยอยู่กับแม่ น่าแปลกที่น้องชายคนเล็กสุดของครอบครัว สุดท้ายก็กลายมาเป็นนักแสดงในวงการอีกคนหนึ่ง เขาคนนั้นก็คือ James Mathew Hanks นั่นเอง
โดยทอมเคยให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร Rolling Stone ว่า ชีวิตของเขาในวัยเด็ก เป็นปกติธรรมดา และไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นเลย เขาเป็นเด็กที่เคร่งครัดอยู่ในศาสนา ถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโบสถ์ในการร่วมพิธีต่างๆ อีกด้วย อีกทั้งที่โรงเรียน เขาก็ไม่ได้ป็อปปูลาห์ หรือเป็นที่นิยมแก่บรรดาอาจารย์ หรือเพื่อนนักเรียนแต่อย่างใด แถมยังเป็นเด็กขี้อายอีกต่างหาก
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ทอมในวัยหนุ่มผู้มีความหลงใหลในการแสดงก็ได้ไปศึกษาเกี่ยวกับทางด้านละครเวที ที่วิทยาลัย Chabot และย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียร์ ในสาขาเดียวกันภายหลังต่อมา ทอมได้ให้สัมภาษณ์ว่า การเรียนในห้องเรียนสำหรับเขา แทบไม่ได้รับความรู้อะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ เลย จนกระทั่งเขาได้พบ Vincent Dowling ผู้เป็นเจ้าของโรงละครเวทีสุดคลาสสิคที่ประสบความสำเร็จแห่งหนึ่งในมลรัฐโอไฮโอ ซึ่งเขาผู้นี้ได้เป็นผู้ปลูกฝังศาสตร์การแสดง และความรู้ทางด้านเทคนิคต่างๆ ให้แก่ทอมในอนาคต โดยทอมได้ดรอปเรียน และไปฝึกงานอยู่กับเขาผู้นี้ในระยะเวลาถึง 3 ปี ทำให้ทอมได้รู้ถึงหลักการจัดแสง เทคนิคทางการแสดง การจัดการระบบต่างๆ ของละครเวที และความรู้ด้านดีไซน์
ในปี 1979 ทอมก็พาตัวเองเข้าไปตามหาความฝันในเมืองที่เป็นมหานครของโลกอย่างนิวยอร์ก โดยเขาได้เริ่มสร้างหนังทุนต่ำ ที่เขาเองนั่งแท่นเป็นผู้กำกับ ในชื่อเรื่องว่า He Knows You’re Alone (1980) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนในที่สุดโชคชะตาก็พาทอมให้ได้มีโอกาสได้รับงานแสดงในภาพยนตร์ซีรี่ย์บนจอโทรทัศน์ในช่อง ABC โดยซีรี่ย์เรื่องแรกที่เขาได้ทำการแสดงก็คือ Bosom Buddies โดย ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ Ian Praiser ได้เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งไว้ว่า ครั้งแรกที่เขาเห็นทอมในกองถ่าย เขารู้ทันที ว่าน่าเสียดายนักที่เด็กคนนี้จะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน เขาหมายถึงวงการซีรี่ย์ เพราะเขาเห็นแววทันทีว่าทอม จะต้องกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในวงการภาพยนตร์ ในอีกไม่เกิน 2 ปีนั้นแน่นอน
ในปี 1993 ก็เป็นปีที่ชีวิตของทอมได้เปลี่ยนไปตลอดกาล ภาพยนตร์ที่เขาได้ทำงานแสดงได้รับกระแสตอบรับอย่างท้วมท้น จนเปลี่ยนให้เขาจากคนธรรมดา กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในข้ามคืน กับภาพยนตร์เรื่อง Sleepless in Seattle นอกจากนี้ยังตามมาด้วยเรื่อง Philadelphia จากภาพยนตร์เรื่องหลัง ทำให้เขาได้รับรางวัล Golden Globe ไปอีกต่างหาก
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในปี 1994 ทอมก็ได้ทำการแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้เป็นประวัติศาสตร์ของยุคนั้น ในภาพยนตร์เรื่อง Forest Gump โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ กวาดรายได้ไปมากกว่า 600 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือราวๆ 1,900 ล้านบาท บนบ็อกซ์ออฟฟิศ อีกทั้งเขายังคว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม จากเวที Academy Awards และ Oscar มาถึงสองเวที ซึ่งทอมได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ครั้งแรกที่ผมอ่านบทภาพยนตร์เรื่อง Forest Gump ผมสัมผัสได้ถึงความหวังในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ผมคอยไขว่คว้ามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังคงไขว่คว้ามันอยู่แม้ในปัจจุบัน” ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่นักวิจารณ์ลงความเห็นกันว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ “สมบูรณ์แบบที่สุด” อีกด้วย
หลังจากนั้นทอมก็ได้รับบทบาทให้เแสดงในวงการนี้มากมาย อย่างเรื่องที่โด่งดัง อาทิเช่น Apollo 13, Saving Pirate Ryan, The Green Mile, Cast Away, Catch me if you can, The Davinci Code อีกทั้งปัจจุบันเขายังเพิ่มบทบาทตัวเองเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ และทีวีซีรี่ย์ชื่อดังอีกด้วย เช่น Band of Brothers, The Pacific
โดยรายได้ยอดรวมทั้งหมดของเขาใน Box Office จากชีวิตการแสดงภาพยนตร์ทั้งหมด สนธิอยู่ที่ 8,400 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือราวๆ 294 ล้าน-ล้านดอลลาห์สหรัฐ ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่ทำเงินสูงที่สุดให้แก่ภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ดไปเป็นที่เรียบร้อย
เห็นไหมครับ เรื่องของเขาคนนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ไม่จำเป็นว่าคุณจะโตมาในลักษณะครอบครัวแบบไหน ไม่จำเป็นว่าคุณจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หากคุณมีความฝัน คุณมีความใฝ่รู้ คุณพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะให้ความฝันที่อยู่ในหัวของคุณปรากฎภาพขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง สักวันหนึ่ง ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จก็จะมาเยือนคุณแน่นอน เหมือนเขาคนนี้ เจ้าพ่อแห่งวงการฮอลลีวู้ด Tom Hanks