Business

CONVERSATION WITH KHUN : TRAVEL VIDEOGRAPHER ที่จุดประกายให้กับ VIDEOGRAPHER ในไทย

By: anonymK May 3, 2018

“แพสชัน” “ความฝัน” สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ คำสองคำนี้แม่งโคตรมีความหมาย และพวกเราใช้ทั้งชีวิตเพื่อตามหามัน แต่ก็ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถค้นเจอมันได้ง่าย ๆ บางคนตั้งแต่เรียนจบ จนมาทำงานทุกวันนี้อาจจะยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความฝันที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร สำหรับชาว UNLOCKMEN คนไหนคิดว่ากูอาจจะไม่เจอความฝันและแพสชันอีกแล้วในชีวิตนี้ ลองมารู้จักกับเขาคนนี้ก่อน เพราะเขาจะเปลี่ยนความคิดของคุณด้วยความกล้า มุมมองและความคิดที่เขามีจากทุกสิ่งที่เขาเลือกทุ่มให้กับมัน นั่นคือการเป็น “Videographer” 

หากคุณเป็นคนที่อยู่ในสาย Travel Video ชื่อของ “ขุน” – โชติพงษ์ เอกเสน น่าจะเป็นหนึ่งใน Videographer ที่คุณเคยได้ยินหรือผ่านตาจากผลงานสุดเฉียบมากมายของเขา แต่สิ่งที่เจ๋งและเราอยากให้คุณได้ทำความรู้จักมากกว่ามันอยู่ที่ความกล้าเลือกตัดสินใจสวนทางกับคนอื่น เดินออกจาก Comfort Zone โดย drop เรียนมหาวิทยาลัยมาทุ่มเทตามฝันอย่างสุดตัวจนเกิดโปรเจกต์สนุก ๆ มากมายที่วันนี้ความชอบมันสร้างมูลค่าได้ อะไรคือเบื้องหลังของการตัดสินใจครั้งนั้น ความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่เขาต้องพบเจอ ถ้าคุณพร้อมแล้ว จากนี้ลองมารู้จักเขาไปพร้อมกัน

 

UNLOCKMEN : แนะนำตัวหน่อยครับ ว่าเป็นใคร ทำอะไรอยู่ตอนนี้

ขุน : ชื่อขุนครับ ปีนี้อายุ 22 เมื่อก่อนเป็นนักศึกษา ตอนนี้เป็น Drop-Out Boy ก็คือดรอปเรียนออกมาทำตามความฝันของตัวเองครับ  เพราะว่าเชื่อในความฝันนะ เราเชื่อในการทำตามความฝัน

 

UNLOCKMEN : อะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะดรอปเรียนแล้วมาทางนี้ กลัวไหมว่าจะสมัครงานลำบากเพราะเรียนไม่จบ หรือวางแผนการเป็นนายตัวเองยังไงบ้าง

ขุน : ก่อนอื่นคือ ผมทำงานมาตั้งแต่ .5 แล้ว เราเข้าใจว่าการเรียนรู้มันไม่ได้จบที่มหาวิทยาลัย นอกมหาวิทยาลัยมันมีอะไรมากกว่าด้วยซ้ำ แล้วผมก็มีความสุขตั้งแต่ .5 มันได้เรียนรู้ได้เจอผู้คน มันดีกว่าการที่คนอื่นบอกให้กูเรียนอย่างนี้แล้วกูก็เรียนแล้วก็ค้นหาว่าเราชอบอะไร แล้วก็มาเจอตอนปีสอง ปีสามก็เลยดรอปเลย เพราะที่จริงชีวิตคนเราแม่งมีจำกัดนะ ถ้าตัดสินใจอะไรได้ก็ตัดสินใจซะ ผมอาจจะตายก่อนแม่ผมก็ได้ แล้วผมต้องทำอะไรอีกสองปีที่ผมไม่ได้ชอบหรอ 

คือผมมั่นใจไงว่าผมไม่ต้องเรียนจบก็ได้เพื่อที่จะมีชีวิตที่มีความสุขและตามความฝัน สุดท้ายโจทย์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะต้องเรียนจบก็ได้ บางคนอาจจะไม่จำเป็น แต่เราต้องเข้าใจตัวเองว่าเส้นทางของเราคืออะไรกันแน่ เพราะเส้นทางจริง ของเราตอนเรียนจบไปทำงานก็ต้องเรียนรู้ใหม่อยู่ดี เพราะฉะนั้นเส้นทางของตัวเองหาให้เจอ เส้นทางมันไม่เห็นต้องเหมือนกันทุกคนก็ได้

เรื่องงานเดือนแล้วที่ผมเข้ามาก็มีงานมาเลยเพราะผมตัดวิดีโอเล่น คือเราไม่ได้ออกมาด้วยความเสี่ยงระดับนั้น หมายถึงรูปแบบการทำฟรีแลนซ์มันประมาณนี้เราทำได้ ยุคสมัยนี้อะไรก็เป็นวิดีโอหมด แย่สุดเราก็เป็นฟรีแลนซ์ถ่ายตามงานก็ได้ หรือถ่ายปริญญาก็ได้ คือไม่ได้ผิดนะแค่ไม่ได้อยู่ในความฝันของเราไง แต่อย่างน้อยพวกนี้ก็สร้างรายได้ได้

 

UNLOCKMEN : แล้วสิ่งที่ทำอยู่ เขาเรียกว่าอะไร

ขุน : เรียกง่ายๆ ก็เป็นวิดีโอครับ วิดีโอท่องเที่ยว คือผมย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว ประมาณช่วงปี 2 ก็คือเราชอบทำวิดีโอ บวกกับชอบเที่ยว มันก็เลยเลยรวม กันกลายเป็นว่า วิดีโอท่องเที่ยว แล้วว๊อคหรือวีล็อคเนี้ย อาจจะเป็นส่วนหนึ่งแขนงหนึ่ง ของพวกวิดีโอพวกนี้เท่านั้นเอง

 

UNLOCKMEN : อะไรคือแรงบันดาลใจให้เราสร้างวิดีโอพวกนี้ขึ้นมา

ขุน​: อืมแรงบันดาลใจเรื่องการสร้างวิดีโอ คือเราได้แรงบันดาลใจมาจากคนอื่น พอเราได้รับมาเสร็จ ไอ้เหี้ย! เรารู้สึกว่าแรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อกันได้เว้ย  ก็เลยคิดว่ามันก็น่าจะดีถ้าเราทำแล้วเราส่งต่อให้กับคนอื่นได้บ้าง สำหรับผม แรงบันดาลใจมันคือการรับมา ส่งต่อไป รับมา ส่งต่อไป มันอาจจะไม่มีใครเป็นเจ้าของก็ได้ แค่ต้องส่งต่อไปเรื่อย แค่นั้นเองแล้วมันก็สนุก สิ่งที่สำคัญคือแม่งสนุก สนุกก็คือทำ ไม่สนุกก็คือไม่ทำแค่นั้นครับ

 

UNLOCKMEN : เรามีไอดอลไหมหรือเราดูงานจากไหนมา เลือกไหมว่าจะไปสายไหน

ขุน : คือไอดอลมันมีหลายประเภทนะ แต่ล่ะด้านก็ไม่เหมือนกัน ไอดอลวีดิโอก็คนแรกคือ แซมโฟเดอร์ น่าจะรู้จักทุกคนอยู่แล้วต้องเคยเห็นถ้าในนี้นะ เทเลอร์ คัต ไม่รู้เยอะแยะ พวกนี้วัยรุ่นทั้งหลายแหล่แม่งใช้ชีวิตดูเป็นความฝันมากเลย อายุเท่ากันนะเว้ยพี่ แต่ความสำเร็จแม่ง เที่ยวมาไม่รู้ตั้งกี่ที่ ทำอะไรมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่อย่างแล้วเขาก็คือผู้นำในสาขา Travel Video คือไอดอลด้านวิดีโอ แต่ถ้าด้านอื่นน่าจะเป็นพวก top 10 นักธุรกิจ Bill Gates , Steve Jobs Larry Page ใครก็แล้วแต่ที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จในนามของแบรนด์ผมว่ามันน่าตื่นเต้นมากกว่าการประสบความสำเร็จคนเดียว  มันเป็นกลุ่มองค์กรที่มันเปลี่ยนโลกเลย ไม่ใช่ใครที่แค่อยากเท่และอยากดัง คุณค่ามันมากกว่านั้น ความเชื่อมันมากกว่าการเอาตัวรอดแค่คน หนึ่ง

จริง คือแรงบันดาลใจยุคนี้มันเยอะนะ ครึ่งหนึ่งมันมาจากตัวเองอีกครึ่งมาจากแรงบันดาลใจ ไอ้นี้มันต้องเป็นความชอบของเราจริงๆ ไม่ใช่ว่าถูกปลุกด้วยอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด มันต้องมีเรื่องที่ตัวเองชอบจริง และได้แรงบันดาลใจมาควบคู่มันน่าจะไปด้วยกันทั้งสองอย่างแหละ ครึ่ง คนเราดูคำคมทุกวันแล้วมึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตหรอ ก็ไม่ใช่มันก็ต้องมาจากตัวเราเองด้วยครึ่งหนึ่ง

 

UNLOCKMEN : แล้วการสร้างวิดีโอของขุน มันมีการเตรียมตัวยังไงบ้าง เราคิดงานยังไงหรือแค่ไปด้นสดเอาหน้างานเลย เรามีแนวเป็นของตัวเองไหม วิดีโอท่องเที่ยวของเราใส่ความเป็นตัวเองยังไงบ้าง

ขุน: คือตอนแรกมันเริ่มด้วยความสนุก มันไม่ใช่งานสำหรับเรา เจออะไรก็ถ่าย อยากถ่ายอะไรก็ถ่าย อยากเล่าอะไรก็เล่า เห็นอะไรก็หยิบตรงนั้นมาตามความรู้สึก แต่พอวันหนึ่งเราอยากจะพัฒนา อยากจะทำอะไรที่ดูจริงจังมากขึ้น ดีมากขึ้น แน่นอนว่าทุกเรื่องในชีวิตแม่งต้องวางแผนอยู่แล้ว เช่น มันต้องคิดว่าเราต้องการจะสื่ออะไร อยากจะให้คนเห็นอะไร หรือเราเองในฐานะคนทำอยากจะเห็นอะไรด้วยซ้ำ จริง มันคือการทำเพื่อตอบโจทย์ตัวเองด้วยซ้ำ ถ้ามองว่าเป็นการทำวิดีโอส่วนตัวนะ

จริงๆ ไอ้สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ผมคิดว่ามันคือแนวของยุคสมัยนี้แหล่ะ ที่ทุกคนนิยมทำกัน คือ Travel Videos ก็จะเห็นความหวือหวาตื่นเต้น  Zoom-In Zoom-Out Transition มากมายก่ายกอง แต่ผมว่ามันยังไม่ถึง ตัวผมเองยังไม่ถึงขนาดที่เรียกว่านี้คือสไตล์ของผมได้ แต่มันคือแค่ความเจ๋งของในยุคนี้ ที่เรากำลังทำอยู่มันอาจจะเรียกว่า Travel Videos ก็เป็นไปได้หรือเรียกว่าอะไรหล่ะ Montage เจ๋ง มั้งครับ เพราะงั้นวันหนึ่ง ทุกคนก็อาจจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง ผมเองก็เหมือนกัน เราก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในด้านของ Travel Videos นี้แหล่ะ ในฐานะ Travel Videos Photographer

 

UNLOCKMEN : จะเรียกว่าเราเจอสิ่งที่ใช่ก่อนคนอายุเท่ากันได้หรือเปล่า แล้วมันทำให้เรารู้สึกโตกว่าคนอื่นหรือโดดเดี่ยวบ้างไหม

ขุน : บางทีเจอกับไม่เจอมันพูดยากนะ ผมว่าบางทีแม่งเจอแล้วแต่ว่าไม่ตัดสินใจหรือว่าไม่สุดไง คือผมทำอะไรผมทำสุดทุกอย่างอยู่แล้วถึงแม้เราจะเจ๊งในสายนั้น เมื่อก่อนขายของก็เจ๊ง เจอว่านี่ไม่ใช่กูละ แต่ผมก็เคยสุดมาทุกอย่างไง จะเรื่องอะไรในชีวิตเราต้องสุดกับมันก่อน ถึงจะรู้ว่าแม่งได้หรือไม่ได้ เผลอ ชีวิตเราหรือคนอื่น อาจจะเจอแล้วก็ได้นะ แต่ไม่ได้สุดกับมันหรือเราไม่กล้าเสี่ยงกับมันจนมันกลายเป็นแค่ความฝัน

ผมไม่ได้มองว่าผมโตกว่านะ แต่ผมแค่มองว่าผมเดินคนละทางกับคนส่วนใหญ่ เพราะแต่ล่ะคนสุดท้ายเรียนจบก็แตกแขนงกันออกไปมันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี ผมแค่ตัดสินใจว่ากูทำก่อนนะ เลือกที่จะทำตอนนี้เลยก็แค่นั้น บางครั้งเราจะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรือแตกต่างอยู่ดี ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในสาขานั้น กลุ่มวิดีโอบัฟเฟอร์เองก็มีเต็มไปหมด แต่เส้นทางของเราก็มีเราแค่คนเดียว มันไม่มีทางซ้ำกับใครหรอกเพราะงั้นต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

 

UNLOCKMEN : เวลาออกไปทำผลงานเรารู้สึกเบื่อหรือเหนื่อย

ขุน : เหนื่อย ก็ท้อ ก็ปกติป่ะวะ ทุก งาน ทุก ๆ ความฝัน แต่มันเป็นเรื่องดีนะเว้ยพี่ เพราะมันได้เช็กว่าเราได้ทำอะไรลงไป ท้อมันก็ดีนะจะได้รู้ว่าไอ้ทางที่เราไปมันมีใจหรือเปล่า แต่เราท้อ เราเหนื่อย ไม่ใช่เพื่อล้มเลิกนะ มันเพื่อถามตัวเองว่าเอาไงต่อเว้ย พรุ่งนี้เอาไงต่อจะสู้ไหมหรือจะกลับไปตามหาตัวเองอีกรอบหรอ หาจนตายก็ไม่เจอหรอกถ้าเหนื่อยท้อแล้วก็หยุดอ่ะ แก้ปัญหาด้วยการถามตัวเองว่าต้องสู้ต่อหรือเปล่า ในเรื่องที่เราไม่อยากสู้แล้วก็ไม่จำเป็นอ่ะ ถามใจตัวเองเรื่อย ถ้ามันใช่ก็ต้องต่ออ่ะ

 

UNLOCKMEN : พอใจกับงานของตัวเองหรือยัง? วางแผนหรืออนาคตตัวเองไว้ยังไง รู้สึกว่ามันน่าเบื่อแล้วหรือว่าจะไปให้ได้มากกว่านี้

ขุน : จริง แล้วผมไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไรมาก อาจจะรู้จักในวงการมั้งเพราะถ้าเป็น Facebook คนยังน้อยอยู่เลย 6,000-7,000 คนเอง เราก็พอใจนะ แต่ถ้าคนอื่นไม่พอใจก็ไม่พอใจดิ การทำแต่ละวีดิโอแม่งคือสุดของกูละ อีกนิดกูตายแล้ว ความรู้ทั้งหมดแม่งอยู่ในวีดิโอนั้นนะ กูสุดแล้วนั้นคือสิ่งที่เราพอใจ แต่ส่วนที่จะทำให้ยังไม่พอใจกับงานที่เราทำคือ งานที่เราทำก็รู้ว่าเดี๋ยวเราไปได้มากกว่านี้ อันนี้ผิดแต่ครั้งหน้าเราจะไปได้ไกลกว่านี้นะเว้ย มันเป็นทั้งความสุข และความกระตือรือร้นที่จะทำต่อ

ตอนนี้ยังสนุกกับงานด้านวิดีโออยู่นะ เรื่องเที่ยวความตั้งใจที่อยากไปถึงผมก็ทำอยู่ในโปรเจกต์ Now นะตั้งใจอยากให้มันเป็นทีม เป็น The Brand ขึ้นมา จริง ผมชอบธุรกิจนะ เรียนด้านบริหารธุรกิจ Marketing ด้วย อยากสร้างให้เป็นแบรนด์ที่มันให้กำลังใจคน คือกูไม่ได้เป็น Video photography ที่เก่งที่สุดนะ แต่กูจะเป็นเจ้าของแบรนด์ เห็นตัวเองสร้างกลุ่มก้อน กลุ่มคน สร้างแบรนด์ขึ้นมาประมาณนั้นครับ

 

MISSION UNLOCKGUY อยากถ่าย STYLE ขุน ต้องทำยังไง ?

การเตรียมตัว

ขุน : กล้อง เลนส์ ก็พอ แต่พอเราตั้งใจทำเดี๋ยวก็มีอะไรเพิ่มมาเรื่อย ผมว่าสำคัญคือเตรียมว่าอยากจะถ่ายอะไรมากกว่า เตรียมความรู้สึกตรงนั้นไปให้มาก

 

สมมติจะไปถ่ายเสาชิงช้าอย่างนี้ต้องเตรียมอะไรยังไงบ้าง สำหรับคนไม่เคยทำ

ขุน : ก็ถ่ายไปก่อนว่ะพี่ บางทีเราคิดเยอะจนไม่ได้กดชัตเตอร์ว่ะพี่ สมัยนี้มันไม่ใช่กล้องฟิล์มนะเว้ย มันลบทิ้งได้ทำไปก่อนไม่มีผิดถูก เดียวประสบการณ์มันมาเอง ว่าเราเดินผ่านตรงนี้น่าจะมีอันนี้นะ น่าจะทำอันนี้นะเดียวมันเกิดกระบวนการพัฒนาเอง ผมว่าสิ่งที่มันช้าเพราะเราไม่ตัดสินใจจะทำกับทุกเรื่องเลยนะ ยังไงก็ได้ถ่ายมาก่อน

 

คนที่อยากทำแต่ไม่รู้อะไรเลยทำยังไง หรือคนที่มีแรงบันดาลใจแต่ข้ออ้างเยอะ อยากเติมความมั่นใจต้องทำไงบ้าง

ขุน : คำแนะนำคือน่าจะดูให้เยอะที่สุด เพราะผมดูจนผมรู้สึกว่าผมต้องทำแล้ว ส่วนคำแนะนำที่ดีน่าจะรู้สึกอยากมากพอต่างหาก อะไรที่พึ่งพาตัวเองได้ก็พึ่งพาตัวเองว่ะ สุดท้ายแล้วระบบการศึกษาอะไรก็แล้วแต่มันอยากให้เราศึกษาเองป่ะวะ อาจจะเป็นผู้มีประสบการณ์เจอใครก็ถามได้ ถามถึงวิธีคิด เพราะวิธีการมันหากันได้

เรื่องความมั่นใจ ผมยังไม่มั่นใจเลย มันไม่มีใครมั่นใจ 100 % แล้วถึงจะทำนะ เอาแค่ระดับหนึ่งก็พอแล้ว และตัดสินใจ การไม่ตัดสินใจทำให้ชีวิตช้าทุกอย่าง อย่ากลัวโน่นกลัวนี่ เหี้ยใครก็กลัวไม่กลัวนี่แปลกละ ไม่ใช่คนละ อาจจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ก็ได้ กลัวไม่ได้ทำ กลัวว่าไอ้ที่มึงคิดจะเป็นแค่ความฝัน เพราะตอนออกมาผมก็กลัว เห็นกระแสเพื่อนไปสมัครงานก็กลัวนะกลัวจะไม่ได้ทำ คนเราผลักดันด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผล

 

UNLOCKMEN : มีอะไรที่อยากจะ UNLOCK ตัวเองไหม ยังขาด อยากจะทำ

ขุนถ้าพูดถึงสิ่งที่อยากจะ UNLOCK ก็น่าจะเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวมั้งพี่ เรารู้สึกอยาก UNLOCK ความเห็นแก่ตัวที่เกิดขึ้นมาในในใจเราทิ้งไป เพราะตอนแรกเราแค่อยากทำเพื่อแรงบันดาลใจของคนอื่น ทำเพื่อให้คนอื่นได้ดูและรู้สึกบางอย่าง หรือหวังแค่เขาได้ยินเรื่องราวของเราและมันสามารถสร้างแรงบันดาลใจกับเขา แต่พอเราทำไปสักระยะประมาณปีนึง จากที่เราตั้งใจไว้แค่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น แต่เรากลับมาโฟกัสที่เรื่องความสำเร็จส่วนตัวไปซะอย่างนั้น และพอสิ่งที่ทำมันไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่เราต้องการ เรากลับรู้สึกแย่อย่างไม่น่าเชื่อ กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายสิ่งที่เราทำทั้งหมดก็แค่ทำเพื่อตัวเอง สนใจแค่ตัวเอง มองแค่ตัวเองว่าเออกูไม่ได้ตังค์ กูควรจะมีนั่นมีนี่ ซึ่งมันคือความเห็นแก่ตัวนะ

ทั้งที่เราน่าจะใช้พลังอีกด้าน ใช้ความรู้สึกที่เคยมีเมื่อตอนเริ่มต้น อยากทำงานด้วยความรู้สึกให้จริง ๆ มากกว่านี้ ซึ่งมันทำได้ยากนะ แต่เราอยาก UNLOCK  ความเห็นแก่ตัวที่ก่อตัวขึ้นมาในใจให้สำเร็จ เพราะจริง ๆ แล้วเราเชื่อว่ามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีทุกอย่างจนเต็มก่อนแล้วค่อยให้คนอื่น แต่การให้คนอื่นตอนเราไม่มีได้นี่โคตรเก่งเลย

ท้ายนี้ UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้กับใครก็ตามอยากมีชีวิตตามฝัน อย่าเพิ่งปล่อยผ่านสิ่งที่ลงมือทำในวันนี้ ไม่แน่ว่าความฝันมันอาจจะอยู่ใต้พรมของคุณ ขอเพียงทำให้สุด กัดไม่ปล่อยเช่นเดียวกับที่ขุนบอกกับเรา 

“ผมยังไม่มั่นใจเลย มันไม่มีใครมั่นใจ 100 % แล้วถึงจะทำนะ…อย่ากลัวโน่นกลัวนี่ เหี้ยใครก็กลัว ไม่กลัวนี่แปลกละ ไม่ใช่คนละ แต่เราสามารถใช้ความกลัวให้เป็นให้เป็นประโยชน์ได้นะ กลัวไม่ได้ทำ กลัวว่าไอ้ที่มึงคิดจะเป็นแค่ความฝันอะไรแบบนี้

 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line