เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาสักอย่างเนี่ย นอกจากการแก้ปัญหากันหัวหมุนแล้ว อีกสิ่งที่เรามักจะทำอย่างแข็งขันคือการหาต้นเหตุของเรื่องนั้น แล้วหยุดยั้งเจ้าต้นเหตุเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องชวนหัวแบบนี้ขึ้นอีก แต่ทว่าการขุดคุ้ยหาต้นตอนั้น เราต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะได้เจอสิ่งที่เป็นสาเหตุของมันจริง ๆ ไม่เช่นนั้นการคว้าสิ่งไหนขึ้นมามั่วซั่วอาจนำมาสู่ตรรกะวิบัติที่เรียกว่า ‘SLIPPERY SLOPE’ ทางลาดชันที่จะพาเราไปสู่เหตุการณ์คนละเรื่องกับเรื่องราวในตอนแรก ฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เชื่อไหมว่าคนเรามักจะมีข้ออ้างแบบนี้กันอยู่บ่อย ๆ มาทำความรู้จักกับตรรกะวิบัติชนิดนี้ พร้อมกับทางหนีทีไล่เมื่อเจอคนที่ใช้ตรรกะขาด ๆ แหว่ง ๆ แบบนี้ ‘SLIPPERY SLOPE’ ทางลาดชันสู่เหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง มาดูกันเต็ม ๆ ว่า เจ้า ‘SLIPPERY SLOPE’ เนี่ย มันคือความไร้เหตุผลยังไงกัน พูดให้เห็นต้นสายปลายเหตุง่าย ๆ คือ “A ทำให้เกิด B ที่จะทำให้เกิด C และ D และ E ไปเรื่อย ๆ จนถึง Z เพราะฉะนั้น A ทำให้เกิด Z นั่นเอง” ป้าบเข้าให้ แค่นี้ก็งงแล้วว่า A มันจะไปยัน Z ได้จริงหรอ
คุณเคยเจอคนตรงหน้าที่แค่ฟังคำที่เขาพูดแล้วรู้สึกว่า “เออ! กูยอม กูต้องยกนิ้วให้” หรือแค่บางประโยคที่ส่งออกมาก็มีพลังทำให้เรารู้สึกนั่งไม่ติดต้องลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างแล้วเพราะถ้าปล่อยให้นั่งเฉย ๆ จากนี้วินาทีเดียวก็สายเกินไปบ้างไหม ถ้าคุณเคยเจอ เขาคนนั้นคือคนที่ช่วย UNLOCK POTENTIAL บางอย่างในตัวคุณ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตลอดการทำงานและตลอดปี 2018 ที่ผ่านมาพวกเราร่วมเฟ้นหาบุคคลเจ๋งจากหลากที่มาที่มีความหลากหลายมานั่งพูดคุยประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจเพื่อมาส่งต่อพลังงานถึงกัน เพราะเราเชื่อว่ากระแสที่ดีจะเหนี่ยวนำเรื่องดีเข้ามา เมื่อคุณคบใครย่อมได้ถ่ายเททัศนคติบางอย่างจากเขามาด้วย ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาทั้ง 5 คนจากนี้จะเป็นคนที่คุณคุ้นเคยหรือไม่ก็ตาม แต่พวกเขาคือ 5 คนสุดท้ายในปีนี้ที่เราลงความเห็นแล้วว่าคุณควรทำความรู้จัก เพราะคุณจะได้เก็บเกี่ยวพลังไปใช้ในปีหน้าอย่างแน่นอน ความไร้สาระ คือความสดแจ้งเกิดฝัน หนึ่งคนที่พิสูจน์ว่าแพสชั่นแม่งไม่ต้องเป็นเรื่องที่มีสาระอะไรก็ได้ แต่ว่าได้สาระเหี้ย ๆ ปีนี้เราต้องยกตำแหน่งให้เขาคนนี้ “เย่ – ธนวัฒน์” นักคราฟต์ดาบ Lightsaber ที่เลือกออกจากงานประจำที่รัก มาหาความไร้สาระที่ “รักมากกว่า” “ผมรักงานประจำที่ทำมากเลยนะ ผมชอบแอนิเมชั่น ชอบ CG มีความฝันที่อยากทำหนังใหญ่ อยากมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่พอทำอยู่ 3-4 ปี เริ่มรู้สึกว่าไม่ไปไหนซักที มาถึงจุดนึงก็เริ่มคิดว่ากูจะนั่งอยู่หน้าคอมตรงนี้ไปตลอดหรอวะ พอดีกับที่ช่วงนั้นเริ่มสะสม Lightsaber เริ่มสั่งมาโมดิฟายเก็บและโมขายไปด้วย
หลายครั้งที่ขัดใจกับการกระทำของใครสักคน แล้วอยากจะเข้าไปบอกตรง ๆ ว่า “นายทำงี้ไม่ได้ว่ะ” แต่ด้วยสถานะ ความปากไว หรือความอ่อนไหวของคนฟังที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าใคร Sensitive กับเรื่องราวหรือคำพูดแบบไหน จนทำให้ต้องเก็บคอมเมนต์ไว้ในใจ แต่ถ้าไม่พูดเลยก็คงไม่ได้ เพราะในเมื่อจุดประสงค์ของเราจริง ๆ คือการติเพื่อก่อ ไม่ใช่เพื่อความสะใจส่วนตัว ยิ่งในการทำงาน การคอมเมนต์กันถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป UNLOCKMEN อยากชวนใครที่อึดอัดอยากจะติเตียนใคร แต่กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด ด้วยเทคนิคเจ๋ง ๆ ที่เราแนะนำ ตำหนิให้ถูกคน ก่อนอื่นเลยต้องหาให้ถูกตัวซะก่อน ปัญหานี้มักเกิดในกลุ่มคนทำงานนี่แหละ บางครั้งมองในภาพรวมเราก็เดาไม่ออกว่าใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องกันแน่ จะไปติเขาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะถ้าหากอีกฝ่าย Strike Back กลับมาว่า “ไม่ใช่กู” “กูไม่ได้ทำ” เรานี่แหละที่จะหน้าแตกแบบเต็ม ๆ ทางออกของเรื่องนี้ง่ายมาก ๆ ถ้าไม่ทุ่มเทความสนใจตั้งแต่แรก จนรู้หมดว่า Process นี้ใครทำ ก็ต้องมีสปายคอยสอดส่องว่า ใครรับผิดชอบจุดไหน จะได้จับมือมาดมกันได้ถูกคน ดูสถานะ บางครั้งดูแค่เจ้านายกับลูกน้องมันยังไม่พอ ง่าย ๆ เลย เราจะไม่ตำหนิหัวหน้าทีมเหมือนกับเด็กฝึกงานหรือน้องใหม่
การพูดคุยด้วยตัวหนังสืออย่างการ Chat มักจะเกิดปัญหาความเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเนื่องจากในตัวหนังสือไม่มีน้ำเสียง เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนต้องเคยเจอกับเรื่องชวนหัวร้อนอย่างนี้กันมาบ้าง แต่น้ำเสียงเจ้ากรรมนั้น ใช่ว่าพอมีแล้วมันจะช่วยให้ทุกอย่างไหลลื่นไปได้ง่าย ๆ เพราะการพูดคุยกันต่อหน้าก็เกิดปัญหาชวนหัวร้อนได้ไม่แพ้กัน พอบทสนทนาคุกรุ่นทีไรเป็นต้องเหงื่อแตกกันทุกที หัวร้อนบ้าง ลนบ้าง อย่าเพิ่งสติแตก ควรหาแผนสำรองทางหนีทีไล่เตรียมไว้เสมอ เจอเรื่องให้ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ไม่ต้องกังวลไป งัดไม้เด็ดออกมาสู้แบบเซียน ๆ UNLOCKMEN แนะนำเทคนิคดี ๆ เอาไว้ใช้เวลาบทสนทนามันเริ่มไปทาง Negative คุมสถานการณ์ให้ได้ ก่อนจะมีฝ่ายไหนสติแตกขึ้นมาก่อน เพราะนั่นจะทำให้เรื่องยุ่งเหมือนหูฟังพันกันในกระเป๋า จนเลยเถิดไปมากกว่าการทะเลาะกันในบทสนทนา ร้อนนักพักเสียหน่อย หัวร้อน ควันออกหูเมื่อไหร่ รีบหยุดบทสนทนาไว้เดี๋ยวนั้น บอกไปแบบแมน ๆ เลยว่าตอนนี้กำลังเดือดปุด ๆ กันทั้งคู่ ไม่ควรจะต่อล้อต่อเถียงกันตอนนี้ พักยกกันสักหน่อย อัดบุหรี่กันสักตัวสองตัวแล้วค่อยกลับมาคุยก็ยังไม่สาย ไม่ใช่แค่ตอนที่สัญญาณของความเกรี้ยวกราดมาถึงเท่านั้น ตอนที่เริ่มหลงประเด็นกันแล้ว ก็เป็นอีกสถานการณ์ที่ควรพักครึ่งกันก่อน ห้านาที สิบนาที หรือเป็นชั่วโมงแล้วแต่จะตกลงกัน อย่ายั่วโมโห เห็นอยู่ว่าไฟลุกก็อย่าไปเติมเชื้อไฟให้มันโหมแรงขึ้น ยิ่งความสัมพันธ์มันพังจากการทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระมากเท่าไหร่ ตอนกลับไปญาติดีกันมันยิ่งกระอักกระอ่วน อย่าลืมว่าก่อนหน้าที่จะเถียงกันด้วยเรื่องชวนเสียสติเหล่านี้ คนนี้คือเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง คนรัก
หลายคนคงรู้สึกเหมือนกันว่าคนไทยมีพรสวรรค์เรื่องอารมณ์ขันกันไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะมุกคำผวน คำคล้องจอง คำพ้องเสียง หรือมุกสองแง่สองง่ามยิ่งเป็นสิ่งที่ Expert เข้าไปใหญ่ เราเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Page Facebook ที่เอาแต่โพสต์เกี่ยวกับมุกตลก ถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจคนไทยจำนวนมาก การันตีด้วยยอดไลก์หลักแสนถึงหลักล้าน UNLOCKMEN อยากพาทุกคนมาพูดคุยกับเจ้าของ Page Facebook ที่กำลังมาแรงในตอนนี้อย่าง “JOOK GRU” ที่เราอาจคุ้นหูคุ้นตากันดีสำหรับมุกตลกสามช่องของเขา บางคนอาจขำจนท้องแข็ง บางคนก็ขำแห้ง ๆ ยิ้มมุมปาก แต่ก็ยังได้พลังบวกกระตุ้นอารมณ์ขันให้กับวันที่เหน็ดเหนื่อยได้แหละน่า มาดูกันว่าจากมุมมองของเจ้าของมุกตลก อะไรที่ทำให้ตัวละครสุดกวนอย่าง จุ๊ก และ อาแปะ เป็นขวัญใจของแฟน ๆ ได้ขนาดนี้ และเส้นทางกว่าจะมาเป็นเพจหลักแสนที่ครองใจคนอ่านในเรื่องความฮา เขาต้องเจออะไรมาบ้าง เรานัดคุณสมูธที่ร้านกาแฟย่าน RCA ในบรรยากาศสบาย ๆ และเริ่มต้นพูดคุยกันถึงที่มาของเพจ และเราก็ต้องเซอร์ไพรส์เมื่อความตั้งใจแรกเริ่ม มันไม่ได้มาจากการอยากเล่นมุกตลก และคุณสมูธเองก็ไม่ได้อินกับ Page ตลกมากนัก มาดูเหตุผลและที่มา ช่วยเล่าที่มาของ JOOK GRU หน่อย “จริง ๆ JOOK GRU ไม่ได้มาจากการทำเพจครับ มันเริ่มจากการที่เราทำสติกเกอร์ LINE
“แพสชัน” “ความฝัน” สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ คำสองคำนี้แม่งโคตรมีความหมาย และพวกเราใช้ทั้งชีวิตเพื่อตามหามัน แต่ก็ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถค้นเจอมันได้ง่าย ๆ บางคนตั้งแต่เรียนจบ จนมาทำงานทุกวันนี้อาจจะยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความฝันที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร สำหรับชาว UNLOCKMEN คนไหนคิดว่ากูอาจจะไม่เจอความฝันและแพสชันอีกแล้วในชีวิตนี้ ลองมารู้จักกับเขาคนนี้ก่อน เพราะเขาจะเปลี่ยนความคิดของคุณด้วยความกล้า มุมมองและความคิดที่เขามีจากทุกสิ่งที่เขาเลือกทุ่มให้กับมัน นั่นคือการเป็น “Videographer” หากคุณเป็นคนที่อยู่ในสาย Travel Video ชื่อของ “ขุน” – โชติพงษ์ เอกเสน น่าจะเป็นหนึ่งใน Videographer ที่คุณเคยได้ยินหรือผ่านตาจากผลงานสุดเฉียบมากมายของเขา แต่สิ่งที่เจ๋งและเราอยากให้คุณได้ทำความรู้จักมากกว่ามันอยู่ที่ความกล้าเลือกตัดสินใจสวนทางกับคนอื่น เดินออกจาก Comfort Zone โดย drop เรียนมหาวิทยาลัยมาทุ่มเทตามฝันอย่างสุดตัวจนเกิดโปรเจกต์สนุก ๆ มากมายที่วันนี้ความชอบมันสร้างมูลค่าได้ อะไรคือเบื้องหลังของการตัดสินใจครั้งนั้น ความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่เขาต้องพบเจอ ถ้าคุณพร้อมแล้ว จากนี้ลองมารู้จักเขาไปพร้อมกัน UNLOCKMEN : แนะนำตัวหน่อยครับ ว่าเป็นใคร ทำอะไรอยู่ตอนนี้ ขุน : ชื่อขุนครับ ปีนี้อายุ 22 เมื่อก่อนเป็นนักศึกษา ตอนนี้เป็น Drop-Out Boy ก็คือดรอปเรียนออกมาทำตามความฝันของตัวเองครับ เพราะว่าเชื่อในความฝันนะ
สำหรับคนที่เริ่มศึกษาเรื่องราวการลงทุน ค้นหาข้อมูลอัพเดตการลงทุนในอินเตอร์เน็ตในช่วงนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเพจ “ลงทุนแมน” เพจการลงทุนที่เล่าเรื่องธุรกิจการลงทุน ข้อมูลบริษัท ตัวเลข งบการเงินมากมายให้สนุก และอ่านเข้าใจได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งทีมงาน UNLOCKMEN เองก็เป็นหนึ่งในแฟนเพจที่ติดตามตั้งแต่ในเพจมีคนอยู่เพียงหลักพัน ซึ่งเวลาเพียงไม่นานจนถึงตอนนี้ เพจลงทุนแมนมีคนติดตามมากกว่าสามแสนคน อะไรเป็นจุดแข็งให้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แนวคิดการลงทุนให้ประสบความสำเร็จในสไตล์ของลงทุนแมนเป็นอย่างไร เรารู้ว่าคุณก็อยากรู้เหมือนเรา ลงทุนแมนเริ่มต้นได้อย่างไร อะไรเป็นแรงจูงใจในการทำเพจนี้ ต้องบอกก่อนว่า เราชอบเรื่องการลงทุนเป็นอย่างมาก เลยอยากลองแชร์เรื่องราวการลงทุนในภาษาที่เข้าใจง่าย จึงได้เริ่มลองทำเพจ “ลงทุนแมน” นี้ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจการลงทุน ซึ่งตอนแรกที่เขียนก็แปลกใจว่าทำไมคนแชร์กันมาก ก็เลยลองเขียนดูอีก ปรากฏว่าคนแชร์กันมากอีก สุดท้ายจากการตอบรับของคนอ่านที่มีมากมายเกินที่คาดคิด จึงเป็นแรงจูงใจให้ตั้งใจทำเพจนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้การลงทุนอย่างจริงจังขึ้นมา ทำเพจมาไม่นาน แต่มียอด Follower เยอะมาก คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนติดตามมากขนาดนี้ สาเหตุที่ยอด follower เยอะ คงไปตอบแทนคนที่ติดตามไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เดาจากคนที่มาคอมเมนต์ คงเป็นเพราะการเล่าเรื่องที่อ่านและเข้าใจง่าย เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจใกล้ตัวเขา เป็นเรื่องที่เขาก็อยากรู้ แต่ไม่เคยมีใครมาหาข้อมูลให้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเขาได้ประโยชน์จากความรู้ที่เราหามาให้ เขาเลยเลือกที่จะติดตาม เพื่ออยากได้ความรู้แบบนี้อีก จุดเด่นของลงทุนแมน ที่ต่างจากเพจการลงทุนอื่น ๆ คืออะไร ลงทุนแมนไม่เหมือนเพจอื่นตรงที่ ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้เชียร์หุ้น