จากเด็กหนุ่มเกเร สู่ CEO อายุน้อยที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก Kevin Plank

โลกนี้สร้างกีฬาขึ้นมาเพื่อเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งในการแข่งขันที่ต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะ ต้องห้ำหั่นกัน แต่ใครจะคิดว่านอกจากการแข่งขันในสนามแล้ว อุปกรณ์ที่ใส่เพื่อการเล่นกีฬาจะกลายมาเป็นสงครามอุตสาหรกรรมได้ มีแบรนด์มากมาย พยายามคิดค้นนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการรีดสมรรถภาพในการเล่นกีฬาออกมาให้ได้มากที่สุด

และหากพูดถึงวงการเสื้อผ้ากีฬาแล้ว หากเราไม่นับ Adidas และ Nike แบรนด์พี่ใหญ่ที่ครองตำแหน่งเจ้าตลาด Sportswear มาอย่างยาวนาน ชนิดที่แบรนด์อื่นๆ ยากจะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นได้ หรือแบรนด์ไหนที่มีแววหน่อย สุดท้ายก็โดนซื้อไปโดยบริษัท Adidas หรือ NIke  อยู่ดี  แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเด็กหนุ่มนักกีฬาคนหนึ่งที่เบื่อหน่ายกับสินค้า Sportswear  แบรนด์เดิมๆ ที่ขายราคาแพง แต่ไม่ได้คุณภาพตามที่โฆษณา เขาจึงลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์กีฬาของเขาเองเสียเลย ด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น

ใครจะเชื่อว่าในเวลาเพียง 20 ปี บริษัทที่เด็กหนุ่มคนนี้สร้างขึ้นจะกลายเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งทางตลาดในกลุ่ม Sportswear มาเป็นอันดับ 2  เป็นรองเพียง Nike แบรนด์นั้นก็คือ Under Armour แบรนด์กีฬาจากเมืองลุงแซม วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเรื่องราวแบรนด์ Under Armour กับประวัติของเด็กปลายแถวที่ผันตัวเองมาเป็น CEO หนุ่มผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

Kevin Plank ก็มีชีวิตเหมือนวัยรุ่นอเมริกันทั่วไป แถมออกไปทางย่ำแย่กว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาต้องฟันฝ่าอุปสรรคในวัยเด็ก แม่ของ Kevin ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงลูกถึง 5 คนด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากการสูญเสียสามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ทำให้ Kevin ต้องช่วยเหลือครอบครัวด้วยการทำงานหนักเพื่อส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย

พอเข้ามหาวิทยาลัยชีวิตวัยรุ่นของเขาเป็นเหมือนช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นบวกกับนิสัยใจร้อน ทำให้ Kevin Plank มักมีปัญหาทะเลาะวิวาท รวมถึงการเมาแล้วขับ แถมที่สำคัญ Kevin Plank ไม่ได้เป็นเด็กที่เรียนเก่งอะไรมากมาย จนเคยเกือบต้องเลิกเรียนกลางคัน แต่สิ่งที่ช่วยให้เขายังอยู่ในเส้นทาง คือพรสวรรค์ทางด้านกีฬา เขาจึงยังสามารถเรียนได้จนจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ Maryland

แม้ว่าจะมีนิสัยเกเรไปบ้าง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะปล่อยชีวิตตัวเองให้ผ่านไปเฉยๆ เขาพยายามหาเงินอยู่ตลาดเวลา อย่างเช่น การเป็นเด็กส่งดอกไม้ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ Kevin Plank ทำงานอย่างหนักและสามารถหาเงินได้มากถึง 17,000 USD ในช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก ในขณะเดียวกันเขายังต้องฝึกซ้อมกีฬาอย่างหนักควบคู่กันไปด้วย

และนั้นเองทำให้เขาได้พบกับเส้นทางชีวิตของเขาอย่างแท้จริง เพราะระหว่างการฝึกซ้อมฟุตบอล Kevin  รู้สึกว่า  Sportswear ที่มีขายอยู่ในตลาดนั้น สวมใส่ไม่สบายตัว แถมมีราคาแพง ทำให้เขาต้องการปรับปรุงคุณภาพของเสื้อกีฬาเนื้อผ้าคอตตอน Kevin Plank เบื่อหน่ายที่ต้องคอยเปลี่ยนเสื้อคอตตอนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบ่อยๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม จากปัญหาตรงนี้กลายเป็นโอกาส  Kevin Plank จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะผลิตเสื้อกีฬาที่ดีที่สุดในโลกเพื่อปฏิวัติวงการเสื้อผ้ากีฬาเสียเอง

Kevin Plank จึงนำไอเดียไปต่อยอดในการออกแบบเสื้อกีฬา ทดลองหาผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษคือต้องบาง ดูดซับเหงื่อได้ดีขึ้นและแห้งไวกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์  Under Armour  ที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด  Kevin  ต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกอยู่นาน เพื่อที่จะทำให้มันออกมาประสบความสำเร็จ หลังจากที่ได้ทดลองนำเนื้อผ้าที่ซื้อมาตัดเป็นเสื้อผ้านักกีฬา เขาได้เอาเสื้อและกางเกงเหล่านี้ไปให้นักกีฬาของมหาวิทยาลัยทดลองใช้ ผลปรากฏว่าทุกคนพอใจกับชุดกีฬาของเขาเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาจนผลิตแทบไม่ไหว

และนี่ก็มาถึงจุดเริ่มต้นของ Under Armour หลังจาก Kevin Plank เรียนจบเขาได้ก่อตั้งบริษัท Under Armour  ช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ เขาได้เช่าห้องแถวเพื่อเป็นแหล่งผลิต และส่งออกสินค้า เขาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อตระเวนส่งชุดกีฬาไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วยตัวเอง ผลจากความพยายามก็เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เพราะโรงเรียน และมหาวิทยาลัยรอบๆ เริ่มสั่งซื้อกันเข้ามามากขึ้น จนสามารถขยับขยาย เพิ่มไลน์การผลิต ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬาประเภทต่างๆ หรือชุดกีฬาของผู้หญิง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

และก็มาถึงปี 1999 เมื่อเขาได้ทำการลงทุนเงินทุนเป็นจำนวนมากในการซื้อโฆษณา ESPN Magazine เพื่อโปรโมตแบรนด์ Under Armour จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้แบรนด์ Under Armour เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขว้างจนนำมาสู่ยอดขายถล่มทลายถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีถัดมา และนักกีฬาดังๆ ของโลกเริ่มหันมาสนใจ Under Armour กันมากขึ้น

ยอดขายของ Under Armour เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนในปัจจุบันมียอดจำหน่ายสูงถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และมีพลังในการชักจูงนักกีฬาดังมากมายเพื่อมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ของเขา อาทิ Stephen Curry,  Michael Phelps, The Rock (Dwayn Johnson) ด้วยเหตุนี้ทำให้ปัจจุบัน แบรนด์ Under Armour ได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลัง และได้บุกเข้าไปตีตลาดคนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

นอกจากนั้น  Kevin Plank ยังอยู่ในช่วงขยายกิจการของตัวเองด้วยการเข้าซื้อเทคโนโลยี และแอพพลิเคชั่น ทรี ฟิตเนส (Three Fitness) มูลค่า 710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2556 เพื่อพัฒนาระบบให้  Sync  กับกิจกรรมออกกำลังกาย คล้ายกับ Nike + หรือ Adidas My Coach

เรื่องราวความสำเร็จของเด็กหนุ่มเกเรจาก Maryland ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งใน CEO สัญชาติอเมริกันที่ทรงอิทธิพลในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes โดยความลำบากในวัยเด็กไม่ได้ส่งผลให้เราต้องกลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะเลือกเดินไปในเส้นทางแบบไหน จะเลือกโทษโชคชะตา หรือวิ่งชนกับปัญหามันไปเสียเลย ต้นทุนคนเราอาจไม่เท่ากัน แต่เราเลือกได้ว่าปลายทางเราสามารถกำหนดเองได้

Source