Entertainment

เกาหลีไม่ได้มีแต่หนังรัก ‘8 ซีรีส์เกาหลีเข้มข้น’ที่ผู้ชายไม่ควรพลาด

By: unlockmen April 16, 2020

ใครว่าซีรีส์เกาหลีจะมีแต่รสหวาน โรแมนติก กับสตอรี่ของพระเอกสุดหล่อที่ทำให้สาว ๆ ได้จิ้นกันตลอดเวลาซะที่ไหน ถึงเวลาที่เราจะต้องลบภาพความทรงจำที่มีต่อซีรีส์เกาหลีแบบเดิม ๆ กันเสียที เพราะหลังจากกระแสของ Itaewon Class และ Kingdom ที่พูดถึงอย่างแพร่หลายบนโซเชี่ยล ทำให้เราได้เห็นว่าซีรีส์เกาหลีได้เข้ามาอยู่ในใจชายหนุ่มมาดแมนหลายคน

วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำซีรีส์เกาหลี 8 เรื่องที่มีรสเข้มกลมกล่อม บอกเลยว่า Work From Home ไป ดูไป รู้ตัวอีกทีนิ้วเท้าก็เกร็งจนตะคริวกินไปซะแล้ว

***มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***

 

Tunnel

เรื่องราวของตำรวจสืบสวนฝ่ายอาชญากรรมในยุค 80s ที่กำลังตามสืบคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของฆาตกรต่อเนื่อง ที่เลือกสังหารเฉพาะเหยื่อที่เป็นผู้หญิง โดยมีพระเอก อย่างตำรวจสืบสวนปาร์คกวางโฮ (Choi Jin Hyuk) ที่กำลังพยายามไล่จับฆาตรกรเข้ามาในอุโมงค์แห่งหนึ่ง จนพบว่าตัวเองหลุดข้ามอนาคตมายังปี 2017 โดยที่ฆาตกรคนเดิมยังลอยนวล เขาจึงต้องทำทุกทางเพื่อล่าหัวฆาตกรรมคนนี้ และปิดคดีที่ยืดเยื้อนี้ลงเสียที

เรื่องนี้สนุกทั้งการไล่สืบหาตัวฆาตกรตัวจริง และการพิสูจน์ตัวเองของพระเอกให้ทุกคนในโลกปัจจุบันเชื่อและยอมรับว่าเขาคือ ตำรวจที่เคยไล่ล่าฆาตกรคนนี้มาก่อนเมื่อในอดีต ดูแล้วจะเผลอเอาใจช่วยพระเอกกันสุดแรงแน่นอน แถมดูไปแล้วก็ยังได้ข้อคิดดีๆ ที่จะทำให้เราทำทุกวันที่เป็นอยู่อย่างเต็มที่ เพราะอดีตไม่ได้แก้ไขได้เหมือนอย่างละคร

อ๋อ! เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นไทยแล้วด้วยนะ มีให้รับชมใน Netflix

16 ตอน รับชมได้ที่: Netflix, Viu

 

Voice

ไปต่อกับซีรีส์สืบสวน ที่มีมาแล้ว 3 ซีซั่น ซึ่งทางเราก็ดูครบหมดแล้ว สนุกจนต้องขอแชร์! ว่าด้วยเรื่องราวของตำรวจสาว คังควอนจู (Lee Ha Na) หน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉินที่ได้ยินเสียงต่างๆ แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาแค่ไหน ในอดีตเธอได้ตัดสินใจผิดพลาด จนต้องมาพัวพันกับคดีฆาตกรรมของฆาตกรโรคจิต และตำรวจฝีมือดี แต่เลือดร้อนอย่าง มูจินฮยอก (Jang Hyuk) ที่สูญเสียภรรยาจากไอ้ฆาตกรโรคจิตจนทำตัวไม่เอาอ่าว 3 ปีผ่านไปเขาถูกคังควอนจูที่เขาเกลียดนักเกลียดหนาดึงตัวมาตั้งทีม Golden Time หน่วยแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายที่จะเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อให้ทันนาทีชีวิต โดยคังควอนจูใช้หูของเธอในการอธิบายสิ่งต่างๆ ที่เธอได้ยิน เพื่อให้ทีมบุกอย่างมูจินฮยอกเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อได้ทันเวลา

เรื่องนี้สนุกมาก เรียกได้ว่าสนุกจนต้องอั้นฉี่ เพราะนอกจากจะมีคดีที่เข้ามาแต่ละตอนแล้ว ยังมีคดีหลักที่ตัวละครจะต้องสืบสวน ทำให้เราไม่มีช่วงเวลาได้พักหายใจ ลุ้นตลอดเวลาว่าฆาตกรตัวจริงจะเป็นใคร และอย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งที่คุณเห็นจะเป็นเช่นนั้น! เรื่องนี้ฝั่งไทยซื้อลิขสิทธิ์มาทำเวอร์ชั่นไทยแล้วโดยได้นักแสดงฝีมือดีอย่าง แอนดริว เกร้กสัน ประกบคู่แพนเค้ก เขมนิจ และทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่ขอแนะนำให้ดูเวอร์ชั่นเกาหลีก่อนนะ

16 ตอน/ซีซั่น รับชมได้ที่: เวอร์ชั่นเกาหลีครบทุกซีซั่น Viu, เวอร์ชั่นไทย Netflix

 

Signal

เรื่องต่อมาเป็นซีรีส์ที่หลายๆ คนยกให้เป็นซีรีส์ในดวงใจตลอดกาล กับเรื่องราวของการสืบสวนผ่านวิทยุสื่อสาร ว่าด้วยชีวิตของหมวดพัคเฮยอง (Lee Je Hoon) นักสืบอาชญากรรม ผู้หมดศรัทธาในการเป็นตำรวจ เพราะพี่ชายเคยต้องโทษจำคุกทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด เขาได้เข้ามาทำงานในหน่วยงานคดีที่ปิดไม่ลง เป็นลูกน้องชาซูฮยอน (Kim Hye Soo) ที่ดูเหมือนจะมีปมหรือความลับอะไรในใจตลอดเวลา วันหนึ่งเขาได้พบกับวิทยุสื่อสารรุ่นเก่าขณะที่ทำคดี แถมวิทยุนั้นยังมีคนคอยโต้ตอบกับเขา ซึ่งปลายสายก็คือนักสืบอีแจฮัน (Cho Jin Woong) ที่คอยช่วยสืบคดี และให้เขาไปไขคดีทีเกิดขึ้นในอดีต

เรื่องนี้มาด้วยพล็อตการข้ามเวลาที่สนุกมาก ความสามารถในการแสดงของตัวละครหลักก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้สนุกแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ และทำให้เราเห็นว่าอดีตส่งผลต่อปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน ดูแล้วได้ข้อคิดกับไปนอนตกตะกอนได้มากทีเดียว

16 ตอน รับชมได้ที่: Netflix, Viu

 

Hyena

เรื่องราวของทนายความสองคนที่ดูแลเฉพาะลูกค้ากลุ่มไฮคลาสเท่านั้น ไฮคลาสในวงสังคมเกาหลีก็ เช่น พวกแชโบลทายาทธุรกิจใหญ่ๆ และนักการเมือง ที่คิดเป็นแค่ 1 % ของประชากรทั้งหมด ทนายความฝ่ายหญิงคือจองกึมจา ( Kim Hye Soo จาก Signal) ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นทนายชั้นต่ำ เพราะเธอใช้กลโกงสารพัดเพื่อให้ชนะคดี หรือง่ายๆ ก็คือทำทุกอย่างเพื่อเงิน ส่วนพระเอกของเราคือ ยุนฮีแจ (Joo Ji Hoon จาก Kingdom) เป็นทนายความตัวท็อปจากสำนักทนายความชื่อดัง ที่ทำงานเพื่อลูกค้าระดับไฮคลาสอย่างทุ่มเท โดยทั้งคู่จะต้องมาฟาดฟันกันด้วยเกมกฎหมายอย่างเข้มข้น

เรื่องนี้แฟนๆ ต่างรับประกันความสนุก พลิกแพลง หักมุม ครบรส แถมนางเอกก็เก่งและกวนสุดๆ รับรองว่าดูแล้วจะต้องรัก ใครชอบซีรีส์แนวกฎหมาย พลาดไม่ได้จริงๆ

16 ตอน รับชมได้ที่: Netflix

 

Vagabond

เรื่องราวของสตั้นแมนหนุ่ม ชาดัลกอน (Lee Seung Gi) ที่ไปพัวพันกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินตก ที่มีหลานชายสุดรักของเขานั่งไปด้วย เพื่อร่วมแสดงเทควันโดในงานอีเว้นท์สำคัญระหว่างโมร็อคโก กับเกาหลีใต้ ทำให้เขาจึงต้องมาสืบสวน และค้นหาเบื้องหลังเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนทำให้พบว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และพัวพันเกี่ยวกับการคอรัปชั่นระดับชาติ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล และได้มาพบกับโกแฮรี (Bae Su Ji แห่ง Miss A) เทรนนีของสถานฑูตโมร็อคโกที่เป็นสายลับของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ

เรื่องนี้จะได้สาดความมันส์ และความบู๊กันอย่างเต็มที่ ลุ้นกันทั้งเรื่องแน่นอน แถมมีข่าวว่าทีมผู้ผลิตกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำซีซั่นสอง ใครว่างๆ ช่วงนี้ก็มามันส์กับซีซั่นไปก่อนนะ

16 ตอน รับชมได้ที่: Netflix

 

Black

เรื่องราวของนางเอก คังฮารัม (Go Ah Ra) ที่สามารถมองเห็นเงาดำในร่างกายของคนที่กำลังจะตาย หรือเงาของความตายได้ เธอได้มาพบกับนักสืบหนุ่ม ฮันมูกัง (Song Seung Heon) ที่ถูกยมทูตสิงร่าง ทำให้เกิดเรื่องราวการสืบสวนแบบมันส์ๆ ขมวดปม และขยี้แบบสุดๆ เรื่องนี้สำหรับเราดูแล้วต้องอ้าปากค้างอยู่หลายตอนทีเดียว เพราะสิ่งที่เราคิดไว้ว่ามันเป็น มันกลับกลายเป็นว่าพลิกล็อคไปมาจนตามไม่ทันเลยทีเดียว บวกกับความสนุกของเรื่องราวระหว่างความเป็นและความตายที่ก็ต่างมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างอยู่เสมอ ทำให้เราต้องติดตามต่อเนื่อง

ใครที่ชอบซีรีส์ที่มีความแฟนตาซีนิดๆ จะชอบเรื่องนี้มาก ซึ่งเรื่องยมทูตเป็นความเชื่อของเกาหลีอยู่แล้ว ทำให้เราจะได้เห็นซีรีส์หรือหนังแนวนี้กันอยู่บ่อยๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับยมทูตได้น่าติดตามมาก

18 ตอน รับชมได้ที่: Netflix, Viu

 

Tell Me What You Saw

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่านอกจากซีรีส์รักแสนหวาน น้ำตาลเรียกพี่ เกาหลีเขายังท็อปฟอร์มมากๆ สำหรับซีรีส์แนวสืบสวน เพราะแทบทุกเรื่องที่เราได้ดูจะต้องยกนิ้วให้ทีมผลิต และผู้เขียนบทเสมอ เรื่องนี้ก็ไม่แพ้กัน Tell Me What You Saw เรื่องราวว่าด้วยตำรวจระดับอัจฉริยะ โอฮยอนแจ (Jang Hyuk จาก Voice) ที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสันโดษ เพราะเกิดเหตุการณ์วางระเบิดจากฆาตกรต่อเนื่องทำให้คู่หมั้นของเขาจากไป โอฮยอนแจคือนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่มีความสามารถระดับท็อป เขาได้มาพบกับตำรวจที่ประจำอยู่เขตพื้นที่ชนบท ชาซูยอง (Sooyoung แห่ง Girl Generation)

ตำรวจสาวที่มีความสามารถในการจดจำทุกอย่างที่เห็นได้อย่างละเอียดราวกับภาพถ่าย ทำให้เธอได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนคดีฆาตกรรม ของฮวังฮายอง (Jin Seo Yeon) หัวหน้าทีมสืบสวนที่พาเธอมาพบกับโอฮยอนแจ เพื่อนตามหาฆาตกรที่ทุกคนคิดว่าตายแล้วให้พบ

ใครชอบมู้ดแอนด์โทนดาร์กๆ บอกเลยว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ แถมยังสนุกลุ้นตัวโก่งชนิดที่ว่ากะพริบตาไปแล้วคือพลาดดด!

16 ตอน รับชมได้ที่: Viu

 

Doctor Prisoner

เรื่องราวของหมอศัลยแพทย์ทรวงอกมือดี นาอีเจ (Namgoong Min) ที่ถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลแทกัง เป็นคนตรงไปตรงมาเสียจนไม่เข้าตา อีแจฮวาน (Park Eun Seok) ลูกชายคนรองของเจ้าของโรงพยาบาล ทำให้เขาถูกกลั่นแกล้งจนต้องออกจากโรงพยาบาล และต้องโทษ 3 ปีผ่านไป อีแจฮวานจำคุกเพราะคดียาเสพติด ทำให้นาอีเจเดินเกมแก้แค้นอย่างถึงพริกถึงขิง บวกกับความจิตๆ นิ่งๆ ของตัวละครหลักที่ทำให้เราต้องตามลุ้นทุกตอน

เรื่องนี้เปิดตัวด้วยเรตติ้งบนช่อง KBS สูงถึง 8.4% และตอนอวสานที่ปิดไปถึง 15.8% แค่นี้ก็รับประกันความมันส์ การแก้แค้นที่มีสไตล์ แบบขิงก็ราข่าก็แรง ไฟต์กันไม่ยั้งด้วยแผนการสุดแยบยล เต็มสิบไม่หักไปเลยสำหรับเรื่องนี้ นักแสดงคุณภาพก็คับคั่งเต็มจอ

32 ตอน รับชมได้ที่: Viu

 

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะยังมีเวลาไม่มากพอ เราขอแถมหนังอีก 2 เรื่อง ที่ครบรสจบปิดไว ได้อรรถรสไม่แพ้กัน

 

OldBoy

หนังเรื่องแรกที่เราจะแนะนำก็คือ หนังระดับตำนานอย่าง OldBoy ปี 2003 ที่ได้รับรางวัลกรังปรีส์ จากเมืองคานส์มาครอง กำกับโดย Park Chan Wook ที่มีผลงานสุดอื้อฉาวอย่าง The Handmaiden (2016) เรื่องราวของ โอแทซู ชายวัย 40 ปี ที่ถูกนำมาขังในห้องสีเหลี่ยมขนาด 20 ตรม. มีทีวีหนึ่งเครื่องที่เปิดอะไรให้ดูก็ต้องดูไป เขาถูกขังถึง 15 ปีในห้องนี้ โดยเขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองถึงถูกนำมาขังไว้ที่นี่ เวลาผ่านไปจนได้รับการปล่อยตัวมาสู่โลกภายนอก เมื่อโอแทซูได้รับอิสรภาพ เขาก็เริ่มสืบหาตัวการ และผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทันที

เรื่องรางลุ้นระทึกแบบถ้าเทียบเป็นการต่อยมวยก็เหมือนโดนซัดแบบหมัดต่อหมัดเลยทีเดียว บวกกับมุมกล้องแหวกแนวที่ถือว่าใหม่มากสำหรับยุคนั้น เทคนิคการเล่าเรื่องแบบพูดน้อยต่อยหนักของ Park Chan Wook ทำให้เรื่องนี้พาเราไปสู่จุดพีคได้ไม่ยาก แต่เตือนไว้ก่อนว่ามีฉากจิตๆ ดาร์กๆ เห็นเลือดอยู่พอสมควร เรื่องนี้ดีถึงขึ้นฮอลลีวู้ดนำมารีเมค เตือนก่อนว่าถ้าไม่อยากหงุดหงิดอย่าดูเลยดีกว่า ออริจินัลเขาทำมาดีแล้ว

2 ชั่วโมง

Nameless Gangster : Rules of the Time

ปิดท้ายด้วยเรื่องราวประมาณปี 80s-90s โดยมีตัวละครหลักอย่าง ชเวอิคฮยอน (Min Sik Choi จาก Oldboy) เจ้าหน้าที่สรรพากรท่าเรือ ที่มักจะชอบกินใต้โต๊ะ รับส่วยมาเสมอซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาที่จะทำให้ชีวิตและครอบครัวดีขึ้น วันหนึ่งอิคฮยอนออกตรวจตู้สินค้าและพบว่ามีกลุ่มคนเข้ามาขโมยของซึ่งในตู้นั้นเต็มไปด้วยสารเสพติดอย่างเฮโรอีน แน่นอนว่าความหัวใสของเขาจึงตัดสินใจขโมยยาเสพติดเอาไปขายให้กับแก๊งสเตอร์แห่งปูซานเสียเลย โดยติดต่อกับมาเฟียใหญ่อย่างชเวฮยองเบ (Jung Woo Ha จาก The Chaser) จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่มาร่วมมือกันเพื่อขยายอิทธิพลของแก๊ง

เรื่องราวของหนังเรื่องนี้สร้างจากแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ประธานธิบดีเกาหลีประกาศสงครามเพื่อกวาดล้างแก๊งมาเฟียด้วย เรื่องนี้นอกจากความมันส์ ความสนุก ยังปนด้วยความฮา และข้อคิดเรื่องญาติพี่น้อง ครอบครัวที่น่าสนใจทีเดียว

2 ชั่วโมง 14

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line