อายุเท่านี้ต้องมีอะไรบ้าง? “5 เรื่องที่ต้องเลิกถามและเทียบกับคนอื่น”เพราะชีวิตคนไม่เหมือนกัน

กระทู้ความคิดเห็นหรือสเตตัสทำนองว่า “อายุ 29 แล้ว ชีวิตผมควรมีอะไรบ้างครับ ?” มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าเราล้วนแต่ลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ เราเลยต้องคอยถามหามาตรฐานจากคนอื่นว่าอายุเท่านี้เราควรมีอะไร อายุเท่านั้นเราควรต้องทำงานแบบไหน และที่แน่ ๆ มันทำให้เราวิ่งเข้าหามาตรฐานชีวิตแบบที่คนอื่น ๆ วางไว้ มากกว่าจะถามว่าตัวเราเองต้องการอะไร

“ผมอายุ 27 เงินเดือน 75,000 มีรถ มีบ้านที่กำลังผ่อน และปีหน้าวางแผนว่าจะขอแฟนที่คบกันมา 4 ปีแต่งงานครับ” ยิ่งถ้าเราได้อ่านคำตอบของคนที่อายุน้อยกว่าเรา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีทุกสิ่งทุกอย่างมากกว่าเรา ไม่ว่าจะปริมาณเงินเดือน ทรัพย์สินในชีวิต หรือแม้แต่ความรักที่ดูจะมั่นคงกว่า แล้วเราก็รู้สึกพ่ายแพ้ขึ้นมาแบบหาคำตอบไม่ได้

เราเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเราต้องรู้สึกแย่ด้วย ? ทำไมเราต้องยอมให้สังคมหรือความสำเร็จของคนอื่นมาคอยกระซิบบอกเราด้วยว่าอายุเท่าไหร่แล้วต้องมีอะไรในชีวิต ? ถ้าเราคือคนหนึ่งที่รู้สึกเคว้งคว้างกับความสำเร็จ จุดหมายและความสุขของตัวเองเต็มทน และบางทีก็เผลอไปวิ่งไล่ตามเป้าหมายคนอื่นจนกดดันตัวเองให้เครียดไปด้วย UNLOCKMEN อยากให้เลิกเปรียบเทียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเด็ดขาดโดยเฉพาะ 5 เรื่องต่อไปนี้ ที่ต้องปลดล็อกตัวเองให้คิดใหม่ให้ได้

คนละอาชีพ คนละจังหวะเวลา

มันเป็นเรื่องแย่มากพออยู่แล้วที่สังคมคอยกำหนดคุณค่าว่าอาชีพนี้มีคุณค่ามากกว่าอาชีพนี้ อาชีพนี้เสียสละมากกว่าอาชีพนี้ หรืออาชีพนี้มีเกียรติมากกว่าอาชีพนี้ ไหนจะปริมาณค่าตอบแทนที่ไม่มีวันเท่ากัน ดังนั้นการที่เรามองไปที่คนอายุเท่ากันหรือคนอายุน้อยกว่าแล้วรู้สึกว่าทำไมเขาถึงไปได้ไกลกว่าเราขนาดนั้นมันจึงเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะทุก ๆ อาชีพมีรูปแบบเฉพาะตัว มีจังหวะเวลาเฉพาะตัว เราจึงไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร แต่ควรปล่อยให้จังหวะเวลาของงานที่เราทำเป็นตัวบ่งบอกเอง

อยากมีเงินเพิ่มเพราะอยากเอง ไม่ใช่เพราะคนอื่น

เราไม่มีทางพูดว่าเงินไม่สำคัญเด็ดขาด เงินมันโคตรสำคัญ การที่มีเงินค่าตอบแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอดและเหลือพอจะเยียวยาตัวเอง หาความสุขให้ตัวเองคือเรื่องสำคัญมาก ประเด็นมันจึงอยู่ที่เราสามารถกินใช้ในชีวิตประจำวันแล้วเหลือพอใช้ไปซื้อความสุขในแบบที่เราต้องการหรือไม่ ? ถ้าคำตอบคือใช่ UNLOCKMEN ก็เห็นว่านี่แหละคือรูปแบบความสำเร็จเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีได้แล้ว แทนที่จะไปมองเงินก้อนโตของคนอื่นแล้ววิ่งไล่ไขว่คว้า ก็ระลึกและตระหนักก่อนว่า เฮ้ย ที่เรามีมันไม่ได้แย่อะไรเลย

อย่างไรก็ตามเราไม่ได้บอกว่าให้พอ ให้หยุด ให้เลิกหาเงิน แต่การพยายามเก่งขึ้น ดีขึ้น ขยันขึ้นเพื่อหาเงินมากขึ้น มันควรเป็นไปเพราะเราต้องการมันมากขึ้นเอง ไม่ใช่กดดันตัวเองแค่เพราะเห็นคนอื่นมีมากกว่า

นิยามความสำเร็จเรากับเขาไม่เหมือนกัน

“ผมอายุ 27 เงินเดือน 55,000 มีรถ มีบ้านที่กำลังผ่อน และปีหน้าวางแผนว่าจะขอแฟนที่คบกันมา 4 ปีแต่งงานครับ”

การที่เขาไปถึงจุดนั้นและพอใจกับการที่เขาไปถึงจุดนั้นก็เป็นเพราะเป้าหมายเขาเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเห็นสิ่งที่เขามีหรือเป็นแล้วรู้สึกกดดัน อยากเป็นแบบเขา แต่ก็กดดัน ท้อ ไม่มีแรงกระตุ้นที่จะไปถึงจุดนั้น แค่รู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ เราอาจต้องหยุดแล้วทบทวนตัวเองก่อนว่านิยามความสำเร็จของเราคืออะไร ? ถ้าความสำเร็จของเราไม่ใช่การมีบ้าน มีรถ มีเงิน มีครอบครัว หรืออาจจะใช่แต่ไม่ใช่ในทิศทางเดียวกันเป๊ะแบบที่คนอื่นมีก็หยุดวิ่งตามความสำเร็จคนอื่นได้แล้ว

ต้นทุนคนก็ไม่เท่ากัน

ต่อให้เป้าหมายของเรา ดันไปเหมือนกับคนอื่นแบบเป๊ะ ๆ แล้วเขาสามารถไปถึงเป้าหมายหรือความสำเร็จนั้นได้ก่อนเรา ในขณะที่เรายังเพิ่งตั้งไข่เตาะแตะ เราก็ว่ามันไม่ใช่มาตรวัดที่ชัดเจนว่าเราจะไปไม่ถึงเป้าหมาย เพราะต้นทุนชีวิต รายละเอียดในชีวิต เส้นทางที่เลือกเดิน มันย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว มันจึงป่วยการที่จะเอาความสำเร็จคนอื่นมาบอกว่าตัวเองแพ้แล้วซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่กับเส้นทางของเรา เราอาจจะเพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง

ไม่อยากมีเป้าหมาย ไม่อยากนิยามความสำเร็จก็ไม่ผิด

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ เพราะลึก ๆ เรารู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้อยากเดินไปถึงจุดไหนเป็นพิเศษ หรือต้องมีอะไรเป็นพิเศษ เราว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ การที่เราไม่มีความสุขและรู้สึกกดดันที่คนอื่นสำเร็จแล้ว หรือคนอื่นมีความสำเร็จที่อยากไปถึงแล้ว แต่ตัวเรากลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าชีวิตที่ไม่ต้องการอะไรก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าเราพอใจกับทุก ๆ รายละเอียดที่เป็นอยู่อยู่แล้ว

แต่ถ้าอยากจะมีเป้ากับเขาบ้างก็ขอให้รู้ว่าไม่ต้องกดดันตัวเองให้เค้นออกมาเพียงเพราะเห็นคนอื่นมีเป้าหมาย แต่ค่อย ๆ หาคำตอบ หาจังหวะชีวิตที่เหมาะกับตัวเอง แล้วเดินไปในทางที่เราเลือก ไม่ใช่ทางที่เราเห็นว่าคนอื่นเลือก

ชีวิตมักซับซ้อนเสมอ ไม่ว่าในสายตาเราคนอื่นจะดูสุขสบายแค่ไหน แต่ทุก ๆ คนย่อมมีรายละเอียดของตัวเองที่ต้องครุ่นคิด อย่าเอาความสำเร็จคนอื่นหรือชีวิตคนอื่นมากดดันตัวเอง ไปในแบบของเราให้ดีที่สุดก็พอ