MANCAVE: 350 STATION CAFE & HOMESTAY เช็กอินความช้าที่คลาสสิกคาเฟ่เยาวราช

วันหยุดพักผ่อนมักลวงตาให้เราต้องกระเสือกกระสนเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่กลางกรุงเองก็มีสถานที่พักผ่อนอัดแน่นวัฒนธรรม มีอาหารดี ๆ มีที่ให้นอน แม้ในมุมที่เป็นย่านการค้าพลุกพล่านอย่างเยาวราชตอนนี้ก็เริ่มผุดทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา

350 STATION CAFE & HOMESTAY คือคลาสสิกคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งใหม่ย่านเยาวราชที่เกิดขึ้นจาก คุณต๊ะและคุณแลม คู่หูนักเดินทางที่รักการเดินทางด้วยรถไฟ ฝันอยากสร้างที่พักเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง จนกระทั่งได้ตึกแถวสไตล์ลูกครึ่ง จีนผสมชิโน-โปรตุกิส  (Sino-Portuguese) ซึ่งเคยเป็นอดีตร้านขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ใกล้วงเวียน 22 มารีโนเวต จึงปรับพื้นที่ด้านล่างเป็นคาเฟ่และด้านบนเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์

ด้านหน้าร้านตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยประตูบานเฟี้ยมโบราณ มีต้นไม้สีเขียวสบายตา ใครเดินผ่านไปมาจะรู้สึกคล้ายเป็นโอเอซิสบนถนนมังกร ชวนให้อยากเดินเข้าไปพักดื่มเครื่องดื่ม แต่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแห่งนี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก้าวเข้าไป เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์จากการเก็บโครงสร้างดั้งเดิมของผนังที่กร่อนตามกาลเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งให้ช่างเคลือบร่องรอยทั้งหมดไว้เพื่อให้คงความสวยงาม

350 station สถานีคลายความเหนื่อยล้า

ชื่อร้าน 350 Station & Homestay มาจากคอนเซ็ปต์ “ยุครถไฟรุ่งเรือง” เพราะเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็น “สถานีหมายเลข 350” สำหรับพักกายใจของนักเดินทาง จากเหตุผลที่ลงตัวระหว่างความชอบเดินทางด้วยรถไฟ เอกลักษณ์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่ค่อนข้างช้าไม่เร่งรีบเหมาะให้สโลว์ไลฟ์ ประกอบกับโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ในย่านสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งจะปิดทำการและเปิดให้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนตัวเลข 350 นั้นมาจากเลขบ้านเลขที่ของคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งนี้

แต่ความประณีตที่ทำให้ UNLOCKMEN อยากแนะนำให้แวะมา แม้ร้านจะเพิ่งเปิดตัวไม่นานและถือเป็นคาเฟ่น้องใหม่ในละแวกนี้คือองค์ประกอบการตกแต่งของร้านที่จัดเต็มเรื่องคอนเซ็ปต์ เพราะมากกว่าชื่อกับที่ตั้ง เขายังพยายามหาข้าวของตกแต่งในยุค 1940-1950 (ยุครุ่งเรืองของรถไฟ) มาตกแต่งทุกอณูร้าน

ของสะสมวินเทจทุกชิ้นต้องผ่านการคัดเลือกอย่างบรรจงไว้บอกเล่าเรื่องราว เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่รวบรวมจากต่างประเทศเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่จับต้องได้ให้เราเข้าไปสัมผัส เช่น โต๊ะเก้าอี้จากเดนมาร์ก ประดับพื้นด้วยรางรถไฟจากฮังการี โทรศัพท์จากรัสเซีย กระเป๋าเดินทางและของตกแต่งจากโปแลนด์ อเมริกาและอังกฤษ ขณะที่ของตกแต่งสไตล์จีนก็ขวนขวายหารากของพื้นที่อย่างเยาวราช ดังนั้น กว่าจะเปิดร้านแห่งนี้ได้ก็ต้องใช้ระยะเวลารวบรวมพอสมควรทีเดียว นอกจากนี้ระหว่างกินหรือพักยังมีเพลง Jazz ปี 1940-1950 สบายหู เปิดคลอในร้านอีกด้วย

มาที่นี่ที่เดียวเหมือนได้นั่งในมิวเซียมที่เราสามารถสละความเร่งรีบไว้ด้านนอกแล้วใช้ชีวิตช้า ๆ ในนั้น

RECOMMEND MENU

ทีเด็ดของที่นี่ไม่ได้สวยแต่รูปแต่อาหารก็อร่อยด้วย เพราะเบื้องหลังทุกเมนูมีเชฟโอม เชฟไทยมากประสบการณ์การทำอาหารในอังกฤษและสกอตแลนด์กว่า 10 ปีเป็นคนลงครัวด้วยตัวเอง ทั้งวัตถุดิบ หน้าตา และรสชาติจึงไม่เป็นสองรองใคร ถ้าอยากรู้ว่าอาหารที่มีสไตล์เยาวราชดั้งเดิม แต่เมนูตะวันตกก็รสจัดจ้านเป็นอย่างไร จะสั่งตามเราก็ยินดีให้ลอกเลียน

ข้าวหมูผัดซอส

จานแรกส่งกลิ่นหอมเครื่องเทศ กรุ่นจากเตา เป็นหมูผัดซอส หมูชิ้นใหญ่พอดีคำเนื้อนุ่ม (ไม่บางจนไร้สัมผัสเวลาเคี้ยว) โปะมาเหนือข้าวหอมมะลิร้อนนุ่ม ด้านข้างมีไข่ออนเซ็นสุกกำลังดีเสิร์ฟคู่ไว้กินพร้อมกัน

สปาเกตตีสไปซี่พอร์คบอล

สปาเกตตีเส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ราดด้วยซอสหอม ๆ รสชาติเข้มข้น สไปซี่นิด ๆ ถูกใจคออาหารจัดจ้านแบบไทย ๆ และมีพอร์คบอลปั้นสไตล์โฮมเมดจากเนื้อหมูก้อนละเอียดกำลังดี กัดแล้ว Juicy เสิร์ฟพร้อมไข่ออนเซ็น โรยตกแต่งด้วยชีสขูด

อิ่มอาหาร ต่อด้วยเมนูเครื่องดื่ม ที่เราเลือกมา 2 เมนู คือ Iced Cocoa หอม เข้มข้นสะใจ คอโกโก้มาดื่มแล้วไม่ผิดหวัง กับอีกเมนูซิกเนเจอร์ของร้านคือ 350 Signature กาแฟสกัดเย็นชงด้วยน้ำแร่ รสชาติเข้ม หอมกลิ่นกาแฟ อัดแน่นคาเฟอีนจุใจ ค่อย ๆ ปลุกความตื่นตัวในวันหยุด แต่ถ้าใครมีเวลามากจริง ๆ เราแนะนำเมนูกาแฟดริปของที่ร้านเพราะนอกจากจะมีหลายสายพันธุ์ให้เลือก รสชาติยังดีมาก ๆ เหมาะจะละเลียดเวลาวันหยุดอย่างยิ่ง

BOFORE WE GO

ห้องพักด้านบนที่ปรับพื้นที่ให้ใช้บริการเป็นคาเฟ่

เกร็ดของฝากนักเที่ยว แนะนำให้เพราะเราไปเยือนมาแล้ว สำหรับใครที่เดินไปร้านช่วงนี้ถือว่าเป็น Prime Time เพราะว่าทางร้านปรับตัวเนื่องจากขาดนักท่องเที่ยวในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเปิดให้บริการเป็นคาเฟ่ทั้งหลัง ดังนั้น ตอนนี้ถ้าใครไปเยือนจะมีโอกาสไปนั่ง ๆ นอน ๆ เล่น ดื่มกาแฟและทานอาหารในห้องที่พักที่ตกแต่งสวย ๆ ด้านบนได้อย่างจุใจ เสพความช้าแบบราคาย่อมเยา ถ่ายรูปมุมไหนก็คุ้ม