GROOMING

ทำความรู้จัก POMADE และวิธีใช้แบบถูกต้อง เพื่อให้คุณออกจากบ้านอย่างมั่นใจ

By: Thada June 20, 2018

เรื่องของทรงผมกับผู้ชายมักแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะนอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแล้ว ผมยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเราให้ดูดีขึ้นครบเครื่อง แต่ผู้ชายไทยมักจะมีปัญหาเรื่องเส้นผมเส้นเล็กบางทำให้จัดทรงไม่ค่อยอยู่ตัว ซึ่งก็ต้องพึ่งตัวช่วยในการจัดแต่งทรงไม่ว่าจะเป็น เจล แว็กซ์ หรือ สเปรย์จัดแต่ง ทว่าสิ่งที่ดูจะรับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยรู้จักกันดีในชื่อ Pomade ซึ่งทีมงาน UNLOCKMEN ยังเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ยังคงยืนงง เวลาไปที่เคาน์เตอร์ ไม่ทราบถึงคุณสมบัติและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องแท้จริง วันนี้เราจะพาทุกคนไปขยายความเกี่ยวกับ Pomade กันว่ามีกี่ประเภทและคุณสมบัติที่เหมาะสมว่าสุดท้ายแล้วคุณจำเป็นต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวันหรือไม่

Pomade คืออะไร ?

Pomade คือผลิตภัณฑ์สำหรับจัดแต่งทรงผมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามส่วนประกอบหลักคือ Oil Base และ Water Base ในปัจจุบัน แต่ถ้าหากเราจะย้อนเรื่องราวของมันต้องถอยกลับไปไกลถึงยุคสมัยโรมันเลยทีเดียว โดยมันถูกคิดค้นจากชาวยุโรป ซึ่งมาจากไขมันของหมีเป็นส่วนผสมหลัก กระทั่งในที่มีจดบันทึกกันอย่างจริงจังในช่วงปี 1873 เมื่อบริษัท Morgan Pomade ก่อตั้งขึ้นและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แต่งผมนี้ให้โด่งดังไปทั่วโลก ใช้ส่วนผสมหลักเป็นขนแกะ ขี้ผึ้ง และปิโตรเลียมเจลลี่ มีลักษณะความเหนียวและทนทาน

วัฒนธรรมการใช้ Pomade มาจริงจังเอาในช่วงปี 1960 เมื่อเด็ก ๆ ชาวอเมริกันนิยมการไว้ผมแบบ Pompadour และ Quiff ซึ่งคุณสมบัติของ Pomade ที่จัดทรงได้ง่ายจึงเป็นที่แพร่หลาย แต่หลายคนคงจะงง ว่าแล้วอยู่ดี ๆ ไอ้กระแส Pomade เนี่ยมันกลับมาได้ไง ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาสไตล์การตัดผมแบบคลาสสิคนั่นกลับมา ทรงผม ปาด เสย เรียบ ได้รับความนิยมอีกครั้ง จึงทำให้หนุ่ม ๆ ไทยได้รู้จักกับเจ้า Pomade แล้วสูตรแบบ Oil Base และ Water Base นั้นแตกต่างกันอย่างไรมาลองดูกัน

1. Oil-based Pomade มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก นิยมใช้กันมานานแล้ว เรียกได้ว่าเป็น Original เลยก็ว่าได้ ส่วนผสมมักประกอบด้วย น้ำมันธรรมชาติ เช่น Petrolatum หรือ Soft Paraffin Oil เป็นต้น ข้อดีของ Pomade ชนิดนี้คือ ทนต่อเหงื่อ ไม่กลัวน้ำและการเคลื่อนไหวจากกิจกรรมสมบุกสมบันต่าง ๆ ผมมีความเงามันสวยแบบเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถจัดแต่งหรือหวีได้หลายรอบตามความต้องการ มีระดับความแข็งของการจัดทรงให้เลือกตั้งแต่ Light hold, Medium hold, Heavy hold, ไปจนถึง Super Heavy hold แต่มีข้อเสียตรงที่ล้างออกยาก จึงทำให้มี Pomade อีกชนิดเกิดขึ้นตามมา

2. Water-Based Pomade คุณสมบัติก็ตรงกันข้ามกับ Oil Base คือล้างออกง่ายและพลังของการจัดทรงสูงคือข้อดีของ Pomade ชนิดนี้ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่แน่นอนว่าเมื่อล้างออกง่าย จึงค่อนข้างจะไม่ทนทานต่อเหงื่อสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักส่วนใหญ่เป็นสารสังเคราะห์เหมาะกับคนที่ชอบเซตผมให้อยู่ทรงตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องจัดทรงหลายครั้ง ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทรงอย่างมีประสิทธิภาพ

เราจะใช้ Pomade เมื่อไหร่ ?

แน่นอนว่าต้องใช้การจัดแต่งทรงผม แต่ส่วนใหญ่มักเป็นทรงผมเฉพาะตัว ที่ต้องการความ เนี้ยบ เรียบหรู และการรักษาเอกลักษณ์ของทรงผมเอาไว้ ตัวอย่างเช่น Slicked-Back , Quiff , Ducktail และ Pompadour เป็นต้น แต่ทรงผมนอกเหนือจากนี้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน หากต้องการความเงางามและยืดผมให้อยู่ทรง เพราะชาว Afican ที่มีลักษณะผมหยิกหนาก็ใช้ Pomade ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์แต่งผมนี้

วิธีการใช้ Pomade ให้เหมาะสม

 

ก่อนจะเริ่มใช้ Pomade เพื่อจัดแต่งทรงผม เราควรล้างผมให้สะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกหรือผลิตภัณฑ์เดิมออกเสียก่อนจะช่วยให้การจัดแต่งทรงผมได้ง่ายขึ้น จากนั้นเป่าหรือเช็ดผมให้หมาด ไม่แห้งหรือเปียกจนเกินไป ผมแห้งจะดูดสับ Pomade อย่างรวดเร็วหากเป็นชนิดแข็งง่าย อาจทำให้ผมแข็งก่อนจะจัดทรงเสร็จและชี้ฟู ส่วนผมเปียกอาจทำให้น้ำเจือจางปริมาณ Pomade ทำให้ไม่อยู่ทรง หรือต้องใช้ในปริมาณมาก

ใช้มือแตะ Pomade ในปริมาณเหมาะสมกับความยาวของเส้นผม เกลี่ยให้ทั่วฝามือและนิ้ว แล้วใช้มือทั้งสองขยำนวดให้ทั่วศีรษะตั้งแต่โคนจรดปลายเส้นผม หากต้องการความเรียบดูเนี้ยบควรใช้หวีในการจัดแต่งเพิ่มเติม แต่ถ้าต้องการลุคเซอร์ ดูมีวอลลุ่ม อาจใช้มือสางผมแทนตามแต่ชอบ ถ้ามีผมชี้ฟูใช้มือจุ่มน้ำเล็กน้อยจากนั้นแตะเก็บให้เรียบร้อย

วิธีล้าง Pomade ออกจากผม

ขั้นตอนง่าย ๆ หากต้องการล้าง Pomade ออกจากเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การใช้น้ำมันมะกอกละเลงให้ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้สักพักก่อน นวดด้วยคอนดิชันเนอร์อีกหนึ่งรอบ หลังเสร็จจากทั้งสองวิธีให้สระผมและล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยให้คุณล้าง Pomade ออกได้อย่างหมดจด

Pomade คือผลิตภัณฑ์ชั้นดีในการจัดแต่งเส้นผมของเรา แต่ก็ควรใช้อย่างถูกวิธี หลังจากวันปกติที่ต้องเซ็ตผมทุกวัน ควรมีวันพักเส้นผม แล้วบำรุงด้วยคอนดิชันเนอร์หรือวิตามินเพื่อให้ผมมีสุขภาพดี ไม่แห้งเสียจะทำให้เวลาจัดทรง ผมของคุณจะยิ่งดูมีสเน่ห์น่ามองมากขึ้นไปอีก

 

Source , Source 2

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line