โลกของสตรีทแวร์เป็นกระแสหลักของแฟชั่นในยุคปัจจุบัน แต่ต้องไม่ลืมว่าเครื่องแต่งกายชายนั้นยังมีโลกคู่ขนานของเสื้อผ้าประเภท Dresswear หรือสูทที่เป็นเครื่องแบบชั้นสูงเพิ่มความภูมิฐานและบุคลิกภาพให้ผู้ชายทุกคนเมื่อสวมใส่ และแม้ว่าเรื่องของสูทจะดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับชายไทยไปเสียบ้าง แต่เมื่อถึงวาระสำคัญ เสื้อสูท Formal นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นไอเทมสำคัญอย่างขาดเสียไม่ได้เลย ถ้าพูดถึงผู้มีอิทธิพลของโลก Dresswear ชายแล้ว คงปฎิเสธชื่อของสองดีไซน์เนอร์ที่กำลังขับเคลื่อนวงการ และทั้งคู่ที่เรากล่าวถึงนี้ดันมีชื่อเรียกที่เหมือนกันนั้นคือ Thom Browne และ Tom Ford Thom Browne และ Tom Ford ถือเป็นแรงบันดาลใจและผู้กำหนดทิศทางและนิยามของคำว่าเสื้อผ้าสุภาพบุรุษที่ใคร ๆ ก็ล้วนอยากมีสไตล์เหมือนกับเขา มีการเปรียบเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ว่าจริง ๆ แล้วแฟชั่นและสไตล์ของใครนั้นเจ๋งและโดดเด่นกว่ากัน ระหว่าง Tom Ford กับ Thom Browne เนื่องจากดีกรีของทั้งคู่ล้วนแต่ไม่ธรรมดา เพราะ Tom Ford ได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับพยัคฆ์ร้าย 007 : James Bond ยุคของ Daniel Craig รวมถึงภาพยนตร์ Kingsman ที่โดดเด่นในเรื่องของสูทเป็นอย่างมาก ด้านของ Thom Brown เองก็ไม่น้อยหน้า
หลังจากการประกาศพาร์ทเนอร์ชิพอย่างเป็นทางการกับ Marvel Entertainment โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมนาฬิกาเรือนแรกในซีรีส์นาฬิกาซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล กับนาฬิการุ่น รอยัล โอ๊ค คอนเซปท์ “แบล็ค แพนเธอร์” ฟลายอิ้ง ตูร์บิยอง (Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon) ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ผลิตเพียง 250 เรือน ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิกาจากคาแรคเตอร์ในตำนานเพื่อยกย่องซูเปอร์ฮีโร่เจเนอเรชันใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก จึงเป็นที่มาให้โอเดอมาร์ ปิเกต์เลือกความแข็งแกร่งและทรงพลังของตัวละครในจักรวาลมาร์เวล และเลือกเปิดตัวนาฬิกาเรือนแรกด้วยคาแรคเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับโอเดอมาร์ ปิเกต์ อย่าง แบล็ค แพนเธอร์ (Black Panther) ที่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ของครอบครัว รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากันอย่างลงตัว ในการสร้างสรรค์นาฬิการอยัล โอ๊ค คอนเซปท์ “แบล็ค แพนเธอร์” ฟลายอิ้ง ตูร์บิยอง นั้น โอเดอมาร์ ปิเกต์ ได้เน้นถึงรากฐานของแบรนด์ทั้งในด้านความพิถีพิถันของงานฝีมือแบบดั้งเดิมและความล้ำสมัยของเทคโนโลยีแห่งอนาคต กลั่นเอาความคิดสร้างสรรค์ที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ กลายเป็นนาฬิกาที่มีกลไกอันซับซ้อน นาฬิกาขนาดหน้าปัด
ช่วงหลังเราได้เห็นความเคลื่อนไหวของ The North Face ที่น่าสนใจออกมาหลาย collection ซึ่งมีจุดเด่นทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน และสำหรับ item ที่เราอยากเลือกมานำเสนอชิ้นนี้ก็น่าประทับใจเช่นกัน เป็นผลงานจาก The North Face Japan สำหรับคุณพ่อคุณแม่นักผจญภัยที่มีลูกโดยเฉพาะ The North Face maternity line “MTY Pickapack Rain Coat” เป็นเสื้อกันฝนที่ใส่ได้ทั้งชายและหญิง (genderless) โดยจะออกแบบให้หลวม Oversize ผลิตจากผ้า Hyvent fabric ของ North Face ที่ทั้งกันน้ำและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับใส่รับมือฝน หิมะ และความชื้น จึงเหมาะกับการใส่ลุยทุกกิจกรรมอย่างมีสไตล์ แต่ที่เจ๋งสุดจนเราอยากแนะนำคือมี weatherproof pocket ที่เป็น separate zipper สามารถติดเพิ่มเข้าไปในชุดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มฟังก์ชันใส่สัมภาระ และยังใช้เป็น baby carrier สำหรับใส่อุ้มเด็กเล็กไปผจญภัยด้วยกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ ดูดี มีประโยชน์ แถมยังช่วยผ่อนแรงพ่อแม่ได้อีกด้วย
เมื่อพูดถึงเรือนเวลาคุณภาพสูงที่สะท้อนจิตวิญญาณอเมริกันออกมาได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่า Hamilton แบรนด์นาฬิกาซึ่งก่อตั้งขึ้นที่เมืองแลงคาสเตอร์ รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1892 คือชื่อแรกที่ผู้หลงใหลในเรือนเวลาต่างนึกถึง กับชื่อเสียงเรื่องมาตรฐานการบอกเวลาที่แม่นยำ พร้อมเสน่ห์ของการผสานจิตวิญญาณแห่งความเป็นอเมริกันเข้ากับความเที่ยงตรงตามแบบฉบับของนาฬิกาสัญชาติสวิส จนได้รับความไว้วางใจให้มีบทบาทในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์การบินมาอย่างยาวนาน ด้วยเกียรติประวัติการได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาที่ใช้งานบอกเวลาอย่างเป็นทางการของเที่ยวบินไปรษณีย์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในความสำเร็จของเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในเส้นทางการบินเชื่อมระหว่างสองชายฝั่งของสหรัฐฯ นอกจากภาพลักษณ์ของเรือนเวลาที่เกี่ยวข้องกับวงการการบินอย่างแนบแน่น นาฬิกา Hamilton ยังได้รับการขนานนามให้เป็น The Movie Brand ที่สะท้อนภาพวัฒนธรรมความเท่แบบคลาสสิกสไตล์อเมริกันสู่สายตาชาวโลกได้อย่างน่าประทับใจ ยืนยันได้จากการที่นาฬิกาหลายต่อหลายรุ่นของ Hamilton ได้ไปอวดโฉมอยู่ในภาพยนตร์ Hollywood ระดับ Blockbuster มาแล้วมากมายกว่า 500 เรื่อง และต้องบอกว่าหนึ่งในเรือนเวลายอดนิยมตลอดกาลจาก Hamilton ที่บรรดาผู้นิยมในสไตล์ American Classic ต่างโปรดปราน คือตำนานนาฬิกา Chronograph ชื่อเรียบง่าย ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน 2 รุ่นอย่าง Chronograph A และ Chronograph B ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักกันดีในชื่อ Hamilton Panda และ Hamilton Reverse Panda
สองแบรนด์ที่เข้าใจคนเมือง Freitag กระเป๋าที่ recycle จากผ้า canvas กับดีไซน์สุดเท่แบบลายนี้มีชิ้นเดียวในโลก จับมือกับ Brompton แบรนด์จักรยานพับได้จาก London ร่วมมือกันสร้างสรรค์ collection ที่เข้ากันและสามารถติดตั้งในจักรยานได้ จึงต้องนับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับสาวก Freitag ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย หลายคนน่าจะรู้จัก Freitag อยู่แล้วในฐานะกระเป๋าดีไซน์เก๋แถมยัง eco friendly จากการดีไซน์ที่ใช้ผ้าคลุมรถบรรทุกมาออกแบบทำให้ทุกใบมีเพียงชิ้นเดียวในโลก กับกระเป๋าทรงใหม่ที่ออกแบบร่วมกับ Brompton folding bike ให้โดนใจคนเมืองที่นิยมเดินทางด้วยจักรยานพับได้ และสามารถติดตั้งเข้าไปในจักรยานเหนือบังโคลนหน้าได้อย่างลงตัว แถมยังเลือกปรับตำแหน่งได้อย่างละเอียดตามความเหมาะสม แก้ปัญหาไม่มีช่องของบนจักรยานได้ ช่วยให้การเดินทางในเมืองหลวงที่วุ่นวายทำได้ง่ายขึ้น FREITAG x Brompton เป็น collection ที่ผลิตมาคู่กันในจำนวนจำกัด ใครสนใจสามารถเข้าไปดูและสั่งซื้อได้ที่ https://www.freitag.ch/en
ตำนานแห่ง Ventura ถือกำเนิดขึ้น เมื่อ Hamilton ได้สร้างนาฬิกาที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เรือนแรกของโลกขึ้นในปี 1957 ซึ่งกลายมาเป็นนาฬิกาแห่งโลกอนาคต ราวกับนิยายแนววิทยาศาสตร์ได้กลายมาเป็นจริง ภายใต้ตัวเรือนทรงสามมุมที่สะดุดตา พร้อมดีไซน์คลื่นไฟฟ้าบนหน้าปัดได้พลิกโฉมวงการนาฬิกาของโลกไปตลอดกาลนับตั้งแต่นั้นมา นาฬิการุ่นตำนานอันล้ำยุคอย่าง Ventura กลับมาพร้อมดีไซน์ใหม่ล่าสุดในชื่อ ‘Ventura Elvis80 Skeleton’ ภายใต้การตีความความคลาสสิกของ Ventura ในรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ทันสมัยอย่างรูปทรง Elvis80 ซึ่งเป็นรูปทรงที่ได้รับการตั้งชื่อตาม Elvis Presley ผู้ที่ถือเป็นแฟนตัวยงของนาฬิกา Ventura Ventura Elvis80 Skeleton กลายมาเป็นนาฬิการะบบอัตโนมัติแทนระบบไฟฟ้า ซึ่งได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการผลิตนาฬิกาในทุกมิติ ด้วยกลไกอันโดดเด่นที่ปรากฏบนหน้าปัด โดยหน้าปัดเปลือยของตัวเรือน Ventura Elvis80 Skeleton เผยให้เห็นกลไก H-10-S สุดล้ำ พร้อมการตกแต่งที่โฉบเฉี่ยวแบบ Côtes de Genève มาพร้อมการสำรองพลังงานถึง 80 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราได้ผสานอดีต ปัจจุบันและอนาคตเข้าด้วยกัน โดยยังคงไม่ทิ้งรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Ventura ด้วยดีไซน์คลื่นไฟฟ้าที่ถูกนำเสนอผ่านลายซิกแซ็กบนโครงสร้างหน้าปัดแบบเปลือยหรือโครงกระดูก (skeleton) Ventura Elvis80
หลังจากหายหน้าหายตาไปนานสำหรับหนุ่ม Justin Bieber ที่นอกจากจะหลบหนีไปรักษาอาการป่วยซึมเศร้าที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน จากการรับมือกับสถานะคนดังตั้งแต่ยังเด็กจนสูญเสียชีวิตส่วนตัวไป อีกทั้งยังได้สละโสดเป็นฝั่งเป็นฝาเป็นที่เรียบร้อยกับนางแบบสาว Hailey Baldwin ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะคัมแบคอย่างเต็มตัวทั้งการปล่อยอัลบั้มใหม่ Change ซึ่งไม่รู้ว่าด้วยเรื่องราวของ Covid-19 หรือเปล่า ที่ทำให้ความกระแสความนิยมของหนุ่ม Justin อาจจะดูแผ่วเบาลงไปบ้าง ไม่เปรี้ยงป้างเหมือนสัก 4-5 ปีก่อนที่ขยับอะไรก็เป็นข่าวได้ตลอดเวลา แต่ทว่ามีหนึ่งโปรเจกต์ที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับการเปิดไลน์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองเป็นครั้งแรกอย่าง “Drew House” ระหว่างที่เขาซุ่มเงียบอยู่นั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหายไปซะทีเดียว เพราะได้แอบพัฒนาแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง หลังจากไปเป็น Influencer ให้คนอื่นมานักต่อนัก โดยโปรเจกต์เสื้อผ้าของเขาเริ่มต้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี 2017 ขณะที่ Justin กำลังพักจากงานเพลง โดยเขาได้ไปจด Trademark ด้วยกันทั้งหมด 3 ชื่ออันประกอบไปด้วย “The House of Drew” , “La Maison Drew” และ “Drew” ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสามคำนี้มีคำว่า Drew อยู่ในนั้นทั้งหมด ซึ่งเราก็พอจะสันนิษฐานได้ไม่ยากว่า Drew นั้นมาจากไหน เพราะมันมาจากชื่อกลางของเขาเอง ( Justin Drew Bieber )
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าช่วงนี้กระแสของเหล่าแก๊งมาเฟียกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวรองหัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเพิ่งออกจากคุกมาหมาด ๆ หรือภาพยนตร์มาเฟียเรื่อง The Irishman ของผู้กำกับดังออกฉายพร้อมกวาดรางวัลจากเวทีไปแล้วนับไม่ถ้วน ไปจนถึงเรื่องราวของแก๊งนักเลงปลายแถวจากย่านเบอร์มิงแฮมของเกาะอังกฤษที่นำมาสร้างเป็นซีรีส์เรื่อง Peaky Blinders ทั้งหมดสามารถโหมกระแสโลกผู้ชายให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ในวันนี้ UNLOCKMEN ไม่ได้มาเล่าถึงเรื่องราวในซีรีส์ของ Peaky Blinders แต่เน้นการเจาะลึกด้านแฟชั่นอันโดดเด่นของ Thomas Shelby กับชาวแก๊งของเขาว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมสั้นเกรียนเกือบทั้งหัว เสื้อโค้ตยาว หมวกรุ่นคุณปู่แสนเชย และมวนบุหรี่ถึงเท่มากเมื่ออยู่ในหนังเรื่องนี้ WHAT IS ‘PEAKY BLINDERS’ ? ย้อนกลับไปในเกาะอังกฤษคริสต์ศตวรรษที่ 19 ช่วงเวลาแห่งรอยต่อระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ใครหลายคนไม่คาดคิดว่าโลกจะกลายเป็นสนามรบอีกครั้ง อังกฤษกำลังเจริญทางด้านอุตสาหกรรมแบบสุด ๆ แต่กลับไม่ใช่ทุกคนจะร่ำรวย ยังมีคนตกงานจำนวนมาก ชนชั้นแรงงานทำงานหนักเพื่อแลกกับเงินจำนวนน้อยนิด เกิดอาชญากรรมบ่อยครั้งในย่านที่ไม่ค่อยได้รับการใส่ใจ Peaky Blinders เป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริงในอังกฤษช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ในชีวิตจริงพวกเขาเป็นแก๊งอันธพาลเล็ก ๆ ในเมืองเบอร์มิงแฮม สมาชิกของกลุ่มส่วนใหญ่เป็นเยาวชนแต่งตัวจัดจ้าน จากคำบอกเล่าของผู้คนบอกว่า ชาวแก๊งบางคนมีแต่กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง เดินเตร่ไปมาบนถนน ไม่ได้มีอำนาจล้นมือมากขนาดนั้น
ฮิปฮอปกับแฟชั่นถือเป็นของคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ละยุคก็จะมีไอคอนที่แตกต่างกันออกไป เราเติบโตมากับ Run DMC ที่คนต้องหาหมวก Bucket มาใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือแม้แต่ยุค Air Force 1 ที่ Jay-Z หรือ Nelly ใส่ใน Music Video ช่วงยุค 2000 จนมาถึงปรากฎการณ์ Yeezy ของ Kanye West ที่ทำให้สตรีทแฟชั่นการเป็นเรื่องของทุกคน แต่หากพูดถึงไอคอนของเด็กยุคนี้คงไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของ Jacques Bermon Webster II หรือ Travis Scott ย้อนกลับปี 2013 คือจุดเริ่มต้นของ Travis Scott ที่ออกสู่สายตาประชาชนเป็นครั้งแรกจากมิกซ์เทป Owl Pharaoh ก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มในเวลาต่อมา สร้างความสนใจให้กับบรรดาแฟนๆ ฮิปฮอปที่ได้ดาวรุ่งดวงใหม่ประดับวงการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัว โชว์การแสดงสด หรือแม้แต่แนวดนตรี ที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากอาจารย์ Kanye West ซึ่งเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และไม่ได้อินเทรนด์เหมือนเดิม Travis Scott
โลกลูกหนังปัจจุบันได้เปลี่ยนสถานะที่เป็นมากกว่ากีฬาเพื่อหาความบันเทิง แต่มันได้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีเงินสะพัดจำนวนหลายพันล้านเหรียญต่อปี แถมเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมมากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งหากย้อนกลับไป 10-20 ปีก่อน ฟุตบอลก็ได้รับและส่งต่ออิทธิพลในโลกแฟชั่นอยู่แล้ว มีการแต่งตัวแบบ Terrace Culture ที่มีรากฐานมาจากฟุตบอล และเป็นต้นกำเนิดให้แบรนด์อย่าง Stone Island, Palace, Fred Perry ในปัจจุบันและเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนโลกก็เปลี่ยนตามไปเช่นกัน ฟุตบอลยิ่งกลายเป็น Sub-culture หนึ่งของแฟชั่น และตัวของนักฟุตบอลเองก็มีสถานะไม่ต่างจากดารา Influencer ชื่อดัง ที่สามารถนำแฟชั่นมาใช้โปรโมตในชีวิตประจำวันหรือบนสนามหญ้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินบนเวทีหรือพรมแดง ทำให้หลายสโมสรหรือธุรกิจมองเห็นโอกาสและพยายามจะโยงทั้งสองเรื่องนี้เข้าไว้ด้วยกัน เป็นการปรับภาพลักษณ์ในเชิงพาณิชย์ให้สโมสรกลายเป็นแบรนด์สินค้าอย่างหนึ่ง สามารถหาเงินได้หลากหลายทางมากขึ้น อาทิ สโมสร Manchester United ที่ผันตัวเองเป็นบริษัทมหาชนอย่างเต็มตัว ทำการค้านอกสนามและสนใจเม็ดเงินกำไรมากกว่าผลการแข่งขันในสนามเสียอีก แต่หนึ่งสโมสรที่ยกระดับและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับยุคฟุตบอลพาณิชย์ ต้องยกให้ทีมนี้ Paris Saint Germain หลังจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ของกลุ่มมหาเศรษฐีตะวันออกกลาง QSI เมื่อปี 2011 ที่มีเป้าหมายใหญ่คือการทำให้ ปารีส นั้นเป็นมหานครแห่งฟุตบอลและแฟชั่น PSG จะต้องเป็นสโมสรระดับโลกและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นแนวหน้า ทำให้เกิดการรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พวกเขาเริ่มปรับปรุงจากในสนามแข่งก่อน พร้อมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเซ็นสัญญาคว้าซุเปอร์สตาร์ของโลกอย่าง เดวิด แบคแฮม