เมื่อแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส อย่าง MAURICE LACROIX ออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาภายใต้ความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนาน และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษของทางแบรนด์รวมไปถึงแฟน ๆ MAURICE LACROIX ในไทยหลายต่อหลายคน และเพื่อเป็นการส่งต่อช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ให้กับแฟน ๆ ชาวไทย ดั่งคำมั่นสัญญาที่ว่า “Your Time Is Now” ทาง MAURICE LACROIX ประเทศไทย รวมถึงบรรดาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง MAURICE LACROIX Club Thailand ก็ได้เริ่มมองหาเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ควรค่าแก่การเป็นที่ระลึกสำหรับเหล่านักสะสมที่หลงใหลใน MAURICE LACROIX มาโดยตลอด แน่นอนว่าเรือนเวลาที่ถูกคัดเลือกมา จะต้องเป็นเรือนที่ถือเป็น “ยอดสุดของสุดยอด” กับ AIKON Mercury นาฬิกาชั้นสูงระดับ Masterpiece ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการแสดงเวลาอันซับซ้อนที่สุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งใช้เวลาพัฒนากลไกยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบการอ่านค่าเวลาที่แสนมีเสน่ห์ ซึ่งสะท้อนผ่านเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกที่สลับซับซ้อนเอกสิทธิ์เฉพาะของ MAURICE
สำหรับแฟนพันธุ์แท้ G-SHOCK รวมถึงใครที่หลงใหลในนาฬิกาพันธุ์แกร่งดีไซน์เท่ พร้อมขึ้นข้อไปด้วยกันได้กับทุกไลฟ์สไตล์ น่าจะเคยประทับใจในโมเดล GA-2100 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นตระกูลแกร่งอย่าง G-SHOCK DW-5000 กับงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างระบบอะนาล็อก และดิจิตอลเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และต้องบอกว่าความโดดเด่นของ GA-2100 ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ G-SHOCK GM-2110D นาฬิกา G-STEEL ที่ถ่ายทอดทุก DNA มาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของกรอบทรงแปดเหลี่ยม และงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแกร่ง ขาดไม่ได้กับเทคโนโลยีบอกเวลา 2 ระบบทั้งอะนาล็อก และดิจิตอล พร้อมแสดงข้อมูล World Time ได้มากถึง 31 เขตเวลา ซึ่งใจความสำคัญทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ได้ถูกนำเสนอใหม่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูล้ำสมัย ด้วยกรอบสเตนเลสสตีลทรงแปดเหลี่ยมที่ได้รับการหลอมและขัดเงาอย่างพิถีพิถัน เข้ากันได้ดีกับสายโลหะดีไซน์เท่ และแน่นอนว่าตัวเรือนภายใน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความทนทานระดับตำนานนั้นผลิตขึ้นจากเรซินคุณภาพดีเสริมใยแก้วความแข็งแกร่งสูง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยคุณสมบัติกันน้ำลึกที่ระดับ 20 บาร์ (200 เมตร) และถึงแม้จะทนทานขั้นสุด แต่ต้องบอกว่า G-SHOCK GM-2110D นั้นไม่ได้มีบอดี้ที่ใหญ่โตเทอะทะจนเกินไป เพราะนาฬิกาเรือนนี้คือเจ้าของตำแหน่งนาฬิการุ่นผสมของ G-SHOCK ที่บางที่สุด กับความบางเพียง 11.8 มม.
สำหรับใครที่ติดตามผลงานของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ Seiko Prospex Brand Friend ในช่วงหลัง ๆ คงรู้กันดีว่านอกจากเรื่องราวของงานแสดงแล้ว ดาราหนุ่ม และนักดำน้ำมากฝีมือคนนี้ ยังผันตัวจากงานในวงการ หันมาทุ่มเททำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งป่าเขา และผืนทะเล ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าที่ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนได้เข้าใจ และใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้สามารถถ่ายทอด DNA ของ Seiko Prospex ออกมาได้อย่างเด่นชัด ในฐานะอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบ สะท้อนภาพคนที่กล้าก้าวข้ามออกจากขีดจำกัด พร้อมมุ่งมั่นยืนหยัดจนประสบความสำเร็จกับอีกเส้นทางที่เลือก และยังเดินหน้า Keep Going Forward ไม่หยุดค้นหาความท้าทายของชีวิตในด้านอื่น ๆ ต่อไป จากผลงานอื่นที่ตามมาเช่นการทำช่อง Youtube เพื่อทำรายการ เปลี่ยนบทบาทมาทำหน้าที่พิธีกรเพื่อพูดคุย และให้ความรู้เชิงธรรมชาติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และต้องถือว่าเป็นครั้งแรก เมื่อแรงบันดาลใจที่พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ เตรียมส่งต่อสู่กลุ่มคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน ที่งาน Seiko Prospex Keep Going Forward 2024 กับการเปิดตัว “Team Prospex” รุ่นที่
จากโควทของ Pelé (เปเล่) นักเตะทีมชาติบราซิลตำนานแชมป์โลก 3 สมัย ‘ไข่มุกดำ’ ผู้ล่วงลับ คำพูดเปี่ยมพลังที่ทำให้พวกเรารวมถึงแฟนลูกหนังทั่วโลกต่างเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอในโลกของกีฬาฟุตบอล คือเรื่องของ ‘เวลา’ สำหรับ Pelé เขาพูดถึงการใช้เวลาไปกับชั่วโมงฝึกหนักอย่างบ้าคลั่ง และการเสียสละเวลาในชีวิตบางส่วนเพื่อมอบให้กับสิ่งที่ตัวเองรักตลอดชีวิต ในโลกแห่งการแข่งขันของเกมฟุตบอล ความสำคัญของเวลา 90 นาที สำหรับผู้เล่นทั้ง 22 คนในสนาม เพียงเสี้ยววินาทีก็ส่งผลถึง ‘ชัยชนะ’ และประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลจะจดจำและเล่าขานตลอดไป สมการของ ‘เวลา’ + ‘ฟุตบอล’ จะต้องมีชื่อของ HUBLOT (อูโบลท์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับวงการฟุตบอลระดับโลกมาตั้งแต่ปี 2006 และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวงการลูกหนังอย่างเหนียวแน่นไม่ว่าจะในสนามหรือบนข้อมือของนักเตะระดับโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และช่วงเวลาที่ทัวร์นาเมนต์การแข่งขันฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ UEFA EURO 2024 (ยูฟ่า ยูโร 2024) ได้วนกลับมาถึงอีกครั้ง ทีมที่ดีที่สุดจากยุโรปต่างเข้ามาลงเตะชิงชัยชนะกันผ่านสนามทั้ง 10 เมืองของประเทศเยอรมนีตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม นาฬิกา Hublot ยังคงเป็น Official
เอ็มบี แอนด์ เอฟ (MB&F) เชื่อมโยงความหลงใหลในโลกแห่งยานยนต์ นับตั้งแต่ปี 2012 ด้วยผลงาน HM5 ตามมาด้วย HMX ในปี 2015 และ HM8 ในปี 2016 ผลงานแต่ละรุ่นด้านข้างตัวเรือนสะท้อนความเท่ผ่านมาตรวัดความเร็วที่สามารถจดจำได้ตั้งแต่แรกเห็น ชวนให้นึกถึงการออกแบบที่ท้าทายและล้ำสมัยของปี 1970 หนึ่งทศวรรษหลังจากเครื่องบอกเวลา MB&F ได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์ ทางแบรนด์ได้ต่อยอดด้วยการเปิดตัว HM8 Mark 2 ในปี 2023 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซุปเปอร์คาร์ หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวสองรุ่นในปี 2023 – ด้วยเคสตัวเรือนสีขาวหรือสีเขียว โดยรุ่นหลังผลิตจำนวนจำกัดเพียง 33 เรือน – ผลงาน HM8 Mark 2 กลับมาพร้อมกับรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นอีกครั้งในปี 2024 มาพร้อมตัวเรือนสีน้ำเงินเงาวาว ผลิตเพียง 33 เรือน เม็ดสีเมทัลลิกที่มีลักษณะเป็นวัสดุโปร่งแสง ตัวเรือนสีน้ำเงินชวนให้นึกถึงสีรถสุดหรูทั้งทางด้านเทคนิคและความสวยงาม นาฬิกา HM8 Mark 2 มีให้เลือกระหว่าง
Maurice Lacroix AIKON ถือเป็น Iconic Swiss Watch ใน collection ของนักสะสมมานับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 หนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Watchmaker จากย่าน Franches Montagnes ประเทศ Switzerland คอลเลกชัน Maurice Lacroix AIKON เป็นโมเดลที่ต่อยอดมาจาก Maurice Lacroix Calypso ต้นแบบสุดคลาสสิกตั้งแต่ปี 1990s ทำให้ AIKON ซึ่งหมายถึงสไตล์เมืองอันหรูหราทันสมัย ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา มีความโดดเด่นในด้านงานดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุและคุณภาพการผลิตที่ประณีตสูงสุด ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยผลงานรุ่นใหม่ ๆ ภายใต้ความหลากหลายของขนาด สีสัน และความซับซ้อนของเรือนเวลามาอย่างต่อเนื่อง สมกับปรัชญา ‘การประดิษฐ์คิดค้น’ ที่หลอมรวมอยู่ในทุกงานฝีมือและการสร้างสรรค์ของ Maurice Lacroix เชื่อว่าหากคุณหันไปหา Watch Collector รอบตัว จะพบว่ามี Maurice Lacroix AIKON ติดตัวกันเกือบครบทุกท่านไม่มากก็น้อย ล่าสุด Maurice
The White Dial Omega Speedmaster Moonwatch มาจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ #WristCheck นาฬิกา Omega Speedmaster หน้าปัดสีขาวบนข้อมือของ Daniel Craig ไปแล้ว อย่างที่คาดว่ามันไม่ใช่ทั้ง Alaska Project และ Canopus Gold Moonwatch ในที่สุด Omega ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ กับ Omega Speedmaster Moonwatch หน้าปัด glossy lacquer white dial ตัวเรือน Steel Omega Speedmaster Moonwatch white dial ถือเป็นครั้งแรกใน standard collection หากไม่นับรุ่นพิเศษ limited edition ต่าง ๆ เช่น Speedmaster Moonwatch Apollo
หากจะบอกว่านี่คือเรือนเวลาสำหรับใครที่หลงใหลในความ Modern Classic และชื่นชอบในสิ่งที่เป็น Timeless Design ก็คงจะไม่ผิดนัก กับ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve รุ่นฉลองครบรอบ 70 ปีของคอลเลกชัน Conquest ที่มี Story มายาวนานนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1954 โดยเรือนนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นที่ 2 ในคอลเลกชัน คือ Longines Conquest Power Reserve ปี 1959 ที่นำมาปรับเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความคลาสสิกร่วมสมัยลงตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมนำเอาจุดเด่นอย่างดิสเพลย์บอกสถานะพลังงานสำรองบนจานหมุนกลางหน้าปัดจากในรุ่นเดิมมาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน ซึ่งถ้าย้อนไปในปี 1959 มันคืองานดีไซน์และเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ทาง Longines ได้คิดค้นขึ้นมาได้อย่างล้ำหน้ามาก ๆ เรียกได้ว่างานออกแบบของ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve เรือนนี้ เป็นการเอาเทคโนโลยีมาผสมผสานกับงานดีไซน์ได้อย่างสวยงาม เป็นนาฬิการุ่นใหม่ที่บาลานซ์ความคลาสสิกและให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติในการสำรองพลังงานได้สูงสุดประมาณ 72 ชั่วโมง ถึงจะถอดทิ้งไว้วันสองวัน ก็หยิบมาใส่ต่อเนื่องได้ทันที
หมุนเข็มวินาทีตีเวลากลับไปตอน ปี 1949 ความงาม มนต์เสน่ห์ ความหลงใหล คือคำนิยามที่ใช้เรียกถึงเรือนเวลารุ่นหนึ่งของ OMEGA ที่มีชื่อว่า ‘Trésor’ เรือนเวลาซึ่งถูกให้ความหมายเอาไว้ว่า ‘ขุมสมบัติ’ ที่ซ่อนอยู่ในตัวนาฬิกา เวลาล่วงเลยผ่านไปจากช่วงเวลาข้างต้นหลายร้อยชั่วโมงต่อมา ชื่อของ Trésor มีความหมายเปลี่ยนไปอีกครั้ง ด้วยการใช้อธิบายถึงรูปทรงอันสง่างามของเรือนเวลาในรุ่นต่อจากโมเดลแรก มีการประดับด้วยเพชร ดีไซน์ด้วยตัวเลขโรมัน วางให้มีไซส์เล็กกระทัดรัดลง ตกแต่งด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย และแล้ววันแห่งความรักปี 2024 นี้ ชื่อของ Trésor จะสะกดให้ทุกสายตาให้ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง กับเรือนเวลารุ่นล่าสุด OMEGA Mini Trésor ที่มีทั้งหมดถึง 5 รุ่น ประกอบขึ้นจากวัสดุสุดเลิศหรู ซึ่งจะนิยามคำว่า ‘มนต์เสน่ห์’ ใหม่อีกครั้งนึง OMEGA Mini Trésor มาด้วยขนาดกระทัดรัด 26 มม. ซึ่งเป็นไซส์ที่ถูกวางมาแล้วว่าเมื่ออยู่บนข้อมือจะทำให้ทั้งคนสวมใส่และคนที่มองรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนอันแบบบางของรุ่นนี้ หน้าปัดถูกประดับอย่างแววาวด้วยเพชรโอบร้อมลอบเรียงเม็ดเป็นรูปทรงเว้าโค้ง (Diamon Curves) เข้าคู่กันไปอย่างดีกับตัวเลขหลักโรมัน พลิกดูที่ฝาหลังของทุกรุ่นจะเห็นงานดีไซน์ดอกไม้ ‘Her Time’
ไม่ว่าเทรนด์แฟชั่นจะหมุนไวขนาดไหน แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ‘ความคลาสสิก’ ยังคงเป็นเทรนด์ที่อยู่ในกระแสมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวา แต่ทว่าเรายังพบเจอกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวแบบคลาสสิกสไตล์อยู่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือนาฬิกาที่สวมใส่ และในปี 2024 นี้ SEIKO 5 SPORTS ยังคงตอบโจทย์ชาวคลาสสิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเล่าเรื่องผ่านความคลาสสิกระดับตำนานผ่าน 2 รุ่นใหม่อย่าง SEIKO 5 SPORTS “Retro Color” Special Edition ที่มาพร้อมสีหน้าปัดสุดเรโทร และขอบหน้าปัดลวดลาย Rally จากยุค 60s-70s มาให้สาวกทั้งหลายได้หายคิดถึง เพราะแฟนพันธุ์แท้ Seiko 5 Sports คงจะทราบกันดีว่า ขอบ Rally นี้ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นดังในอดีตอย่าง Seiko 5 Sports Rally Diver 70 ที่ขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งใน Rare item ที่หลายคนตามหา เรียกได้ว่าการมาของ SEIKO 5 SPORTS “Retro Color” Special