

Life
จาก ‘Toy for Boy’ สู่ ‘Real Toy for Real Men’ กับ “ท็อป – ณัฐวุฒิ ธิมา” ผู้ผลิตชุดแต่งรถโมเดลสัญชาติไทย ที่มีผลงานไปไกลทั่วโลก
By: unlockmen January 6, 2018 87403
อย่างที่เราเคยพูดไปหลายต่อหลายครั้งสำหรับความเชื่อที่ว่า ผู้ชายทุกคน ต่อให้ร่างกายภายนอกเติบโตขึ้นไปมากแค่ไหน แต่สิ่งที่อยู่ภายใต้รูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปยังคงมีความเป็นเด็กที่ชอบเล่น ชอบความสนุก ชอบอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักเหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลา
ความเป็นเด็กในตัวผู้ชายเรานี่เอง ที่ทำให้ผู้ชายหลายต่อหลายคนยังคงมีของเล่น ซึ่งของเล่นเหล่านั้นเราก็มักจะใช้คำว่า “Toy For Boy” หรือ “Boy’s Toy” มาเติมเต็มในชีวิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่แล้วก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ของเล่นของผู้ชายบางคนอาจจะเป็น รถ บางคนอาจจะเป็น ปืน บางคนอาจจะเป็น Gadget ทันสมัยต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับของเล่นในวันที่เรายังใช้คำนำหน้าชื่อว่า ด.ช. เพียงแต่มันกลายเป็นของเล่นที่เป็นของจริง
แต่ก็มีบางคนที่กลับมองต่างออกไปว่า กับแนวคิดที่มองว่าคนที่โตแล้ว เขาไม่มีใครมานั่งเสียเวลากับของเล่นอะไรไร้สาระกันหรอก ของเล่นมันมีไว้สำหรับเด็กน้อย ซึ่งเราคิดว่าพวกที่คอยเอาเวลาของตัวเองมาคอยจับจ้อง จับผิด ตัดสินคนอื่นว่ามัวแต่ทำอะไรที่เสียเวลา หากคิดดี ๆ บางทีคนที่กำลังเสียเวลาอาจจะเป็นคนพูดเองมากกว่าก็ได้
ความคิดที่ว่า มัวแต่เล่นของเล่นมันเสียเวลา บางครั้งคุณอาจะไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ว่า ของเล่นเหล่านี้ เมื่อมันอยู่กับคนที่หลงใหล ชื่นชอบ และใส่ใจในตัวของเล่นชิ้นนั้น มันอาจกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทั้งในด้านจิตใจ และเพิ่มมูลค่าราคาค่างวดให้สูงขึ้นมาอย่างที่คุณเองก็คาดไม่ถึงก็ได้ ตราบใดที่ของเล่นของเด็กผู้ชาย ยังคงต้องใช้จินตนาการ ความสามารถ และทักษะอะไรบางอย่างควบคู่กันไปด้วยอยู่ เราไม่เคยเชื่อว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า และเสียเวลาที่จะอยู่กับมัน
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่า ของเล่นกับผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระอย่างที่หลาย ๆ คนคิด ก็คือผู้ชายคนนี้ “ท็อป – ณัฐวุฒิ ธิมา” ซึ่งถ้าหากใครเป็นคนที่อยู่ในวงการรถโมเดล หรือเล่นรถโมเดลประกอบจะรู้จักกันดีในนาม EightOne ในฐานะที่เป็นสุดยอดของนักเล่นรถโมเดล และเป็นคนไทยที่ประสบความสำเร็จจากการปั้นชุดแต่งโมเดลขายส่งออกสู่ต่างประเทศทั่วโลก แถมคนต่างชาติยังยกย่องผลงานเขากันอย่างแพร่หลายอีกด้วย
และในวันนี้พวกเราทีมงาน UNLOCKMEN ก็ได้มีโอกาสพิเศษอีกเช่นเคย ในการจะเข้าไปพูดคุยกับ คุณท็อป กันถึงในห้องทำงานแบบใกล้ชิด เพื่อที่จะได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ของผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการทำงาน, ผลงานที่เขากำลังทำ และสะสมไว้ รวมไปถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของสำนักแต่งรถโมเดลชื่อดังได้อย่างในทุกวันนี้มาให้ได้อ่านกัน
เมื่อมาถึงที่หมาย ก็เจอกับ คุณท็อป ทันที จากนั้น คุณท็อป ก็พาเราไปที่ห้องทำงานส่วนตัว ที่รถโมเดลเจ๋ง ๆ ได้ถูกผลิตขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ห้องทำงานของ คุณท็อป จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอลังการ แต่เมื่อเราเข้าไป และได้กวาดสายตาไปในแวบแรก สิ่งที่เราเห็นจะต้องทำให้ผู้ที่สนใจในรถโมเดลต้องใจสั่นอย่างแน่นอน เพราะในห้องนั้นเต็มไปด้วยรถโมเดลที่ประกอบเสร็จแล้ว และที่ยังอยู่ในกล่องรอการตกแต่ง ตั้งเรียงรายทับกันเป็นแถบรอบห้องเลยทีเดียว
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว เราก็รับรู้ได้ทันทีว่า นี่มันไม่ใช่แค่ชอบธรรมดาซะแล้ว แต่มันคือความคลั่งไคล้ชนิดเข้าเส้น!! ทำให้เราเริ่มต้นอยากจะรู้ในทันทีว่า อะไรที่ดลใจให้ คุณท็อป สนใจในของเล่นอย่างรถโมเดลพวกนี้ ซึ่งคำตอบที่ คุณท็อป ตอบกลับมาก็คือ
“เดิมทีผมชอบรถอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก ตอนเป็นเด็กก็เล่นรถของเล่น พอโตขึ้นมาหน่อย สักช่วงมัธยมก็เริ่มชอบรถจริง รถแต่ง ซึ่งจะว่าไปเด็กผู้ชายชอบรถของเล่นกันหมดนั่นแหละ แต่มันก็มีความแตกต่างกันไปอีกในแต่ละคน บางคนชอบรถใส่ถ่านใส่มอเตอร์วิ่งได้ บางคนก็ไม่ชอบเพราะวิ่งได้ แต่บังคับมันไม่ได้ก็ไม่สนุก ก็ไปชอบรถบังคับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบรถโมเดลก็คือว่า มันเป็นของเล่นที่มีหน้าตา และมีทุก ๆ อย่าง คล้ายกับรถจริงมากที่สุด นั่นคือความน่าสนใจ”
โมเดลรถ เป็นที่สนใจในหมู่ของคนที่คลั่งไคล้ในรถแทบจะทุกวัย ก็เพราะอย่างทีคุณท็อปได้บอกไปแหละว่า หน้าตามันเหมือนจริงมาก ๆ บางคนจึงซื้อรถโมเดลมาตั้งโชว์ หรือจะนำมาทำให้เหมือนกับรถที่ตัวเองเคยใช้งาน แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ได้มีมันอยู่แล้ว เปรียบเสมือนตัวแทน และเป็นสิ่งที่ทำให้ความทรงจำดี ๆ ย้อนกลับมา ยิ่งถ้าแต่งจนมีหน้าตาเหมือนกันทุกจุดแล้วล่ะก็ เรียกว่า แค่ได้มองรถโมเดลพวกนี้ ก็เหมือนกับยังคงมีรถคันโปรดคันนั้นอยู่ไม่ไปไหน จนหายคิดถึงได้เลย
แต่ด้วยรถโมเดลที่มีขายทั่วไปนั้น มันมักจะถูกผลิตมาให้มีหน้าตาเหมือน ๆ กันหมดทุกคัน จะทำให้มันเหมือนรถในฝัน หรือรถคันโปรดของเราที่แต่งแบบเต็มข้อ แถมยังมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็เป็นไปได้ยาก แล้วทีนี้เราจะทำยังไง? ความสงสัยนี้ก็เกิดขึ้นกับคุณท็อปเช่นเดียวกัน
“เราชอบดูรถแต่ง รถสวย ๆ อยู่แล้ว และตอนนั้นก็เริ่มมีเพื่อน กับรุ่นพี่เห็นเราต่อรถโมเดลอยู่พอดี เขาก็บอกว่าอยากให้ต่อรถที่เหมือนรถจริง ๆ ของเขาให้หน่อย ซึ่งปัญหามันติดอยู่แค่ว่า แล้วเราจะไปหาชุดแต่งจากไหนล่ะ พอเป็นอย่างนั้นก็เลยตัดสินใจปั้นมันขึ้นมาเอง”
ฟังดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่จริง ๆ แล้ว ต่อให้คุณมีวัตถุดิบ และฝีมือการปั้นมากขนาดไหน แต่ถ้าหากคุณไม่มีความใส่ใจในรายละเอียด มันก็จะไม่มีทางออกมาได้เหมือน 100%
“ชุดแต่งของรถโมเดล เรียกได้ว่า ไม่ต่างอะไรกับชุดแต่ง อะไหล่แต่งของรถจริง ๆ เลย มันมีล้อ มีเบรค มีเครื่องยนต์ มีโช้ค มีสปริง มีท่อ ซึ่งเราอยากได้แบบไหน เราก็จะไปดูของจริง อย่างช่วงแรก ๆ ผมไปดูเอาตามอู่รถ สมมติกำลังทำโมเดลรถรุ่นนี้อยู่พอดี ก็จะไปขอดูรถจริงว่า ตรงไหนมันมีเส้นสายยังไง มันมีรายละเอียดตรงไหนบ้าง”
เสน่ห์ของการแต่งรถนั้น ผู้ชายอย่างเรารู้ดีว่า ถ้าหากได้ถลำตัวเขาไปในวงจรนี้แล้ว พูดได้อย่างเต็มปากว่า เงินมีเท่าไหร่ มันจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอะไหล่ หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เกาะติดอยู่ตามรถของคุณอย่างแน่นอน ความสุขมันอยู่ที่ตอนแต่ง ตอนปั้น แล้วสุดท้ายก็คือการมาลุ้นว่า ที่เราลงทุนติดไป เพิ่มตรงนี้ ตัดตรงนั้น ผลลัพธ์มันจะออกมาดีอย่างที่เราคิดไหม ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ และ Performance แต่สำหรับรถโมเดลล่ะ แต่งไปมันก็วิ่งไม่ได้ แรงก็ไม่เพิ่ม หลายคนจึงสงสัยว่า จะแต่งมันไปเพื่ออะไร?
“คนที่ไม่ชอบรถโมเดล หรือไม่ได้เล่นรถแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจ แต่อะไรก็ตามถ้ามันเริ่มต้นด้วยความชอบแล้ว สิ่งอื่น ๆ มันก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นความใส่ใจ ความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อยากได้อันนี้เพิ่มมันจะได้ดูดียิ่งขึ้น จะว่าไปมันก็ไม่ต่างจากรถจริงที่อะไหล่บางชิ้นติดไปก็ไม่ได้ทำให้รถวิ่งดีขึ้น แต่มันเป็นความสุขที่ได้ทำมากกว่า
อย่างลูกค้าบางคนเขาก็เอาไอเดียที่เขาจะแต่งรถจริง ๆ ของเขา มาทดลองกับโมเดลก่อน ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีของมัน เพราะยังไงอะไหล่ของเล่นกับรถจริง ราคามันก็ต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าหากเกิดว่าเราอยากลองใส่ชุดแต่งนี้ เราก็มาลองกับรถโมเดลดูให้เห็นภาพก่อนมันก็ดีเหมือนกัน มันเป็นความสุขในการเสนอไอเดียออกไปอีกรูปแบบหนึ่งด้วย ถ้าสิ่งที่เราคิดไป ฟีดแบ็คมันกลับมาดี มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีความสุขไปด้วย”
ด้วยความใส่ใจ และการเก็บรายละเอียดในทุกชิ้นผลงานที่ทำ ทำให้ผลงานของ คุณท็อป ไม่ได้เป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่มันยังดังไปถึงต่างประเทศ จนชาวต่างชาติยังต้องติดต่อมาให้ คุณท็อป จัดการทำรถให้กันเลยทีเดียว เราจึงอยากรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนหลายประเทศเชื่อใจ และต้องให้รถโมเดลของพวกเขาถูกแต่งด้วยฝีมือ คุณท้อป เท่านั้น?
“ไม่ว่าจะรถโมเดลเอง หรือชุดแต่งที่ปั้นขึ้นมา ทุกชิ้นเรียกได้ว่า จะต้องเป๊ะเนียนทุกชิ้น อย่างตัวรถที่เวลาเราซื้อมาอยู่ในกล่อง บางครั้งที่เขาทำมามันประกอบกันยังไม่พอดี มันบิดเบี้ยวบ้าง หรืออาจจะมีขาดเกินไปบ้าง เราก็ต้องมาจัดการให้มันสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายถึงจะต้องเป็นแบบนี้ทุกคัน เพราะพวกที่ไม่พอดีก็จะเป็นงานของโรงงานจากประเทศนี้ผลิต แต่มันก็เป็นเรื่องของมาตรฐานโรงงานของเขา”
“แต่เมื่อเราได้รถมาเป็นกล่อง ๆ มาจนถึงผมแล้ว งานที่ผมทำหลัก ๆ เลยจะเน้นไปที่ความเนี้ยบ ความละเอียด สวยงาม ใช้สีที่ดีมีคุณภาพ อย่างพวกเส้นสายที่อยู่บนตัวรถ บางทีเราถึงขั้นนั่งทำ ๆ อยู่ ก็อยากรู้เลยนะว่า ตอนคนออกแบบออกแบบรถคันนี้ขึ้นมา ในหัวเขาคิดอะไรอยู่ เส้นนี้มันทำไปเพื่ออะไร ซึ่งทุก ๆ เส้นสายมันมีความหมายของมัน ในตัวงานที่ผมทำก็ใส่ใจจุดนี้เช่นกัน คือเส้นต้องคมกริบ สัดส่วนถูกต้อง รวมไปถึงฟิตเม้นต์ของช่วงล่าง ทุกอย่างที่ออกมามันจะต้องดูไม่เป็นรถของเล่น มันจะต้องดูสวยงามสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ”
ดูจากผลงานที่ผ่าน ๆ มาถือว่า สวยสมคำร่ำลือ และรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น เราอยากรู้ว่า ตอนที่ทำรถโมเดลครั้งแรกมันเป็นยังไงบ้างสำหรับรถคันนั้น?
“รถคันแรกที่ทำ ทุกวันนี้ก็ยังเก็บเอาไว้อยู่เลยครับ แต่ตอนนั้น เราก็ยังเด็ก พอเราได้มาปุ๊บ เราก็รีบแกะรีบต่อทันที ด้วยความที่ใจเราไม่ได้คิดอะไรละเอียดมาก แค่อยากจะให้มันเสร็จ ๆ ไป สียังจำได้ว่า ใช้กระป๋องถูก ๆ ละเลงเอาเลยด้วยซ้ำ เบ็ดเสร็จใช้เวลาไปประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง”
หลังจากที่พยายามต่ออย่างรวดเร็วนั้น รถออกมา…..(เป็นยังไงบ้าง) ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี คุณท็อปก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“เละเทะ!! (หัวเราะกันทั้งห้อง)
ทีมงานเรายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฝีมือระดับนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิตจะเคยทำรถออกมาในสภาพที่เจ้าตัวจะใช้คำว่า เละเทะ ได้ แต่นั่นอาจจะเป็นการต่อในวัยเด็ก ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่อยากจะให้มันเสร็จออกมาเป็นคัน ๆ เท่านั้น แล้วในปัจจุบันนี้ รถโมเดลหนึ่งคัน คุณท็อป จะใช้เวลาประกอบร่างตกแต่งนานประมาณเท่าไหร่?
“ถ้าเป็นแบบเร็วสุดเลย ที่ต่อมาก็ไม่น่าเกิน 3 วัน นี่คือ อย่างเร็วนะ แต่ถ้าถามว่า นานสุดนี่….บางคันต่อไป 2-3 เดือนก็มีครับ มันก็แล้วแต่ความยากง่ายของงานด้วย”
ว่าแต่ในเมื่อชุดแต่งทุกคันที่ทำมาเหมือนจริงขนาดนี้ แล้วชุดแต่งของจริงเองก็มีบริษัทของพวกเขาอยู่จริง ๆ แบบนี้มันจะมีปัญหาในเรื่องของ ลิขสิทธ์อะไรบ้างรึเปล่า?
“จริง ๆ แล้ว ช่วงหลังมาเนี่ยผมจะจัดการผลิตชุดแต่ง หรืออะไหล่เหล่านี้เป็นต้นแบบ แล้วก็ส่งไปให้โรงงานที่ต่างประเทศเขาทำออกมาตามแบบเป็นจำนวนเยอะ ๆ ซึ่งมันง่ายกว่าเราที่ใช้มือปั้น แต่นี่ต้องย้อนไปถึงตอนแรกก่อน ก็คือ ตอนแรกผมปั้นชุดแต่งของสำนักแต่งหนึ่งชื่อ Rocket Bunny ออกมา เพราะเราชอบชุดแต่งของสำนักนี้เป็นการส่วนตัว มันดูมีสไตล์ และมีเอกลักษณ์ แล้วกะว่าจะเอาใส่กับรถโมเดล Toyota FT 86 หลังจากนั้น ไม่นานก็มีคนฮ่องกงมาติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ชุดแต่งชุดนี้จากผม ผมก็เลยปั้นขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง และส่งไปทางญี่ปุ่น พร้อมกับขออนุญาตทางด้านลิขสิทธิ์กับทางนั้น โดยบอกเขาชัดเจนนะ ว่าผมจะทำขายในจำนวนจำกัด และส่งออกไปขายทั่วโลก”
“แน่นอนว่า เขาค่อนข้างเคร่งนะกับเรื่องลิขสิทธิ์ เป็นเราก็เคร่ง เราคงไม่ชอบให้คนอื่นเอาสิ่งที่เราคิดหัวแทบแตก กลับมาโกยเงินแย่งกับเราเองโดยที่เขาได้กับได้ ไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลยอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของสมบัติทางความคิด และทางบริษัทเหล่านั้น เขาก็มองว่าเป็นสิ่งสำคัญ จึงทำให้ผมต้องติดต่อขอลิขสิทธิ์กับสำนักแต่งจริง ๆ ก่อนทุกครั้ง
บางทีเขาเห็นเรามาบอกว่าเราจะทำแบบนี้ ๆ เขาไม่ขอเปอร์เซ็นอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาบอกแค่ปั้นรถโมเดลที่ใส่ชุดแต่งสำนักเขาคันหนึ่งให้เขาก็พอ คือจากสิ่งนี้เนี่ย มันทำให้ผมคิดว่า จริง ๆ มันเป็นเรื่องของมารยาทด้วยนะ คุณจะทำก็ขอแค่ให้บอก อย่ามาแอบเนียนเอาความคิดเขาไปขายฟรี อย่างน้อยก็น่าจะมาบอกกันหน่อยก็ยังดีอะไรทำนองนี้ มันเหมือนคนที่หยิบจับอะไรของคนอื่นโดยไม่ขอ ไม่บอกก่อน ผมว่ามันเป็นเรื่องของมารยาท อีกอย่างที่เราขอไปเขา เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปผลิตชุดแต่งรถจริง ๆ แข่งกับเขาด้วย รถของเราเป็นแค่รถโมเดลคันเล็ก ๆ เท่านั้น”
“หลังจากที่ทำทุกอย่างถูกต้อง ต่อมาก็มีบริษัทผู้ผลิตรถโมเดลในประเทศญี่ปุ่น มาขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากผมไปอีกที ก็เลยได้ร่วมงานกับบริษัทญี่ปุ่นนี้ ส่งงานขายไปหลากหลายประเทศทั่วโลกมากขึ้น ตอนนี้ทำมาก็นานพอสมควรแล้ว สำนักแต่งดัง ๆ นอกจาก Rocket Bunny ก็ยังมี Liberty Walk, Voltex, BenSopra แล้วก็อีกเยอะเลยครับ แต่งานทุกชิ้นที่ผมทำผมเน้นเลยว่า ผมขอลิขสิทธิ์ถูกต้อง เพราะผมรู้สึกว่า เราควรจะต้องให้เกียรติคนออกแบบตัวจริงให้มากที่สุด”
แบบนี้เท่าที่ฟังมา การทำรถคันหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเลยถ้าเอาแบบช้าที่สุด แล้วปีหนึ่งจะได้กี่คัน แล้วมีคนยังยืนยันจะให้ คุณท็อป ปั้นรถโมเดลให้กับพวกเขาอยู่อีกรึเปล่า?
“คือ จริง ๆ ปัจจุบันนี้ผมจะเน้นไปที่ปั้นชุดต้นแบบขึ้นมา เพื่อจะส่งไปให้กับทางบริษัทเค้าผลิตจำนวนเยอะ ๆ แล้วส่งขายออกไปในต่างประเทศ แต่ว่าก็ยังมีคนที่เอารถมาให้ปั้น ให้แต่งให้อยู่เหมือนเดิม อย่างถ้าใครมาให้ทำ เราก็บอกตรง ๆ ว่า คันหนึ่งมันค่อนข้างจะนาน ถ้าจะทำเล่น ๆ ขำ ๆ มันจะไม่คุ้มเวลาที่รอนะ แต่ถ้าอยากได้จริง ๆ ชอบและอยากจะได้ผลงานของเราไปจริง ๆ บางคนรอ 1 ปี บางคนรอ 2 ปีก็ยังรอครับ”
“แต่บางคน นี่ก็เล่นแบบมาสไตล์แปลก ออกแนวมัดมือชกก็มี หรือไม่เขาก็คงเห็นเรางานยุ่ง ๆ เลยไม่อยากรบกวนเวลา ก็มาถึงหน้าบ้านเลย จัดการใส่ถุงแขวนทิ้งไว้แล้วกลับไป เสร็จค่อยโทรมาบอกว่า เอามาแขวนเอาไว้หน้าบ้านแล้ว ช่วยต่อให้ด้วยนะ เสร็จเมื่อไหร่ก็แจ้งด้วยจะได้มาเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้วรับรถกลับไป มาขนาดนี้ผมก็ต้องยอมเข้าแล้วล่ะ สุดท้ายก็ทำให้ครับ (หัวเราะ)”
สุดท้ายทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้ คุณท็อป ช่วยฝากอะไรถึงคนที่กำลังจะเดินตามเส้นทาง และอยากประสบคามมสำเร็จแบบเดียวกับคุณท็อปในอนาคต แล้วตัว คุณท็อป เองล่ะยังมีอะไรอีกไหมที่รู้สึกยังอยากจะ UNLOCK ศักยภาพของตัวเองอยู่อีกบ้างรึเปล่า?
“ก็คงจะฝากบอกทุกคนที่สนใจ หรือกำลังทำรถโมเดลเป็นคันแรกกันอยู่นะครับว่า บางทีงานที่ออกมาอาจจะดีบ้างไม่ดีบ้าง ก็อย่างเพิ่งท้อกับมัน อย่างตัวผมเองก็ยังมีเหมือนกันที่ทำไปแล้วพลาด แต่นั่นแหละครับคือ เสน่ห์อย่างหนึ่งของงานฝีมือ มันไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็ค แต่ที่คุณจะรู้สึกได้เมื่อคุณทำมันเสร็จก็คือ คุณจะรู้ถึงคุณค่าของมัน คุณจะได้รู้จักความพยายาม และรู้ว่าเมื่อเราเจอสิ่งผิดพลาดอะไรก็ตาม เราจะต้องแก้ไขมันยังไง”
“ส่วนสิ่งที่รู้สึกว่ายังอยากจะ UNLOCK ตัวเองอยู่ ก็คงจะต้องทำงานให้มีคุณภาพยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทุกวันนี้ การแข่งขันมันไม่ใช่เรื่องของการที่เรามีจุดเด่น หรือข้อดีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเช่น งานดีแต่ทำช้า คนที่ทำเร็วกว่าเขาออกมาก่อน ถึงงานจะไม่ดีเท่า แต่ในเวลานั้นเขาเป็นคนแรกในตลาดเขาก็ได้ส่วนแบ่งในตลาดคุณไปมากขนาดไหนแล้ว หรือว่าจะทำไว้แค่ไหน ชุดแต่งนี้เราทำออกมาเป็นคนแรก บางครั้งก็โรงงานที่เขามีกำลังผลิตมาก ๆ อย่างในจีน เขาผลิตออกมาทีหนึ่งก็มากกว่า แถมยังตัดราคาลงไปอีก เราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมก็เลยคิดว่า ยังคงต้องพัฒนาทั้งตัวเอง และผลงานที่จะออกไปในอนาคตให้ดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ทุกครั้งดีกว่า ส่วนจุดที่จะเรียกว่าที่สุดคงไม่มี เพราะผมเชื่อว่า ศักยภาพคนเรานั้น มันพัฒนากันต่อไปได้เรื่อย ๆ ถ้าหากคุณจริงจัง ตั้งใจ และให้ความสำคัญกับอะไรที่คุณทำมากพอแล้วรึยังมากกว่าครับผม”
ถือว่าสุดยอดทั้งความคิด และในด้านของฝีไม้ลายมือสุด ๆ ไปเลยสำหรับผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่า ท็อป – ณัฐวุฒิ ธิมา หากใครที่ชื่นชอบในผลงาน การปั้นโมเดลรถ รวมไปถึงชุดแต่งก็คอยติดตามความเคลื่อนไหว และเป็นกำลังใจให้กับ คุณท็อป กันได้นะครับ เพราะพวกทีมงาน UNLOCKMEN ก็รู้สึกยินดี และรู้สึกได้อะไรที่น่าสนใจหลายด้านเลยทีเดียวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้
และที่แน่ ๆ ก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นของเล่น หรือจะเป็นของอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากคุณลงมือทำแล้ว ทำให้สุด รู้ให้จริง และตั้งใจกับมันมากพอล่ะก็ สิ่งที่ใคร ๆ เรียกมันว่าของเล่น มันจะไม่ใช่ของเล่นอีกต่อไป แต่มันจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่รู้จริง มีความสามารถจริง และยังสามารถประสบความสำเร็จ หรือนำมาซึ่งรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตแบบไม่เดือดร้อน เพราะฉะนั้นหากใครที่ชอบมองว่า คนเล่นของเล่น หรือคนที่ใช้เวลาไปกับงานสิ่งที่เขารักนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ และเสียเวลาล่ะก็ ตอนนี้คิดผิดคิดใหม่ยังทัน สุดท้ายมันจะทำให้รู้ว่า แม้แต่สิ่งที่คนมากมายต่างบอกว่าเสียเวลาอย่างของเล่น หากทุ่มเทให้กับมันมากพอ ก็สามารถกลายเป็นตัวจริงในเรื่องของสิ่งที่คุณรัก และของที่ว่าเล่น ๆ ก็สามารถให้อะไรกับชีวิตได้มากมายกว่าที่คิดจริง ๆ
สนใจการทำโมเดลสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Factory 81