DESIGN

เรื่องราวแห่งความสำเร็จตลอด 10 ปีของนวัตกรรมเรือนเวลารุ่น PanoInverse ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างและความซับซ้อนเชิงเทคนิค

By: LIT January 4, 2019

ปี ค.ศ. 2008 กลาสฮุตเตอ ออริกินาล (Glashütte Original) เปิดตัวศิลปะแห่งเรือนเวลาสุดพิเศษรุ่นพาโนอนิ เวิร์ส เอ็กแอล (PanoInverse XL) ที่เผยให้เห็นถึงความงดงามด้านใน ที่โชว์ชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่ (Duplex Swan-neck Fine Adjustment) ให้เห็นอย่างชัดเจนบนหน้าปัดนาฬิกา จนกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ทุกวันนี้มีนาฬิกาจากคอลเล็คชั่นพาโน (Pano) ทั้งหมด 2 โมเดลที่ยังคงตอกย้ำ ถึงเรื่องราวแห่งความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นของพาโนอินเวิร์ส เอ็กแอลตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008

ดีไซน์ที่แตกต่าง และความซับซ้อนเชิงเทคนิค

ความสวยงามของเรือนเวลาจากกลาสฮุตเตอ ออริกินาลมีหลากหลายด้าน ไล่ตั้งแต่ดีไซน์สวยงามไม่เคยตกยุค การใช้วัสดุที่ล้ำค่าและความสลับซับซ้อนที่แสดงผ่านรูปลักษณ์ และเทคนิค รวมไปถึงความปราณีตบรรจงในการรังสรรค์กลไกของนาฬิกา

ในปีค.ศ. 2008 ด้วยวิธีการสลับด้านของกลไกในหลาย ๆ ส่วน ทำให้บาลานซ์บริดจ์ (Balance Bridge) แกะสลักบนระบบชุดปรับถูกนำขึ้นมาแสดงบนหน้าปัดนาฬิกาได้เป็นครั้งแรก ทั้งที่โดยปกติแล้วระบบดังกล่าวจะสามารถมองเห็นได้ผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ด้านหลังเท่านั้น

และด้วยการสไตล์การออกแบบแบบเยื้องศูนย์ (Off-centre Design) ของคอลเล็คชั่นพาโน ทำให้การจัดวางระบบชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่ที่ถูกกคิดค้นโดยกลาสฮุตเตอ ออริกินาล เป็นไปได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ โดยระบบชุดปรับนี้มีไว้เพื่อช่วยปรับแต่งอัตราและการแกว่งตัว ในขณะทำงานของกลไกนาฬิกาให้เป็นไปได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ

ความสวยงามที่โดดเด่นของระบบดังกล่าวนี้เองเป็นแรงบันดาลให้วิศวกร และนักออกแบบทำการปรับปรุงกลไกไขลานรหัส 66 ขึ้นใหม่ โดยพยายามวางตำแหน่งระบบชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่ที่มีลักษณะคล้าย “ผีเสื้อ” เป็นจุดดึงความสนใจบนหน้าปัด และเพื่อจะทำให้ความคิดดังกล่าวกลายเป็นเรื่องจริง กลไกหลายจุดต้องถูกปรับปรุง อีกทั้งพัฒนาส่วนประกอบบางส่วนขึ้นมาใหม่ อาทิ เพลท (Plate) ทั้งสามชิ้นรวมถึงจักรของกลไกล และพลังงานสำรอง

ความงดงามจากด้านใน และด้านนอก

การกลับกลไกด้านหลังของนาฬิกามาแสดงบนหน้าปัดของกลาสฮุตเตอ ออริกินาล นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จึงทำให้ช่วงปีค.ศ. 2010 นาฬิการุ่นพาโนอินเวิร์ส เอ็กแอล มีการเปิดตัวเวอร์ชั่นสเตนเลสสตีลมาเพิ่มจากเวอร์ชั่นไวท์โกลด์ และโรสโกลด์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยหน้าปัดยังเต็มไปด้วยรายละเอียดอันสวยงามของเพลทแบบทรี-ควอเตอร์ (Tree-quarter Plate) และบริดจ์รูปผีเสื้อที่ทำหน้าที่เสมือนฐานรองให้แก่ระบบควบคุมความเที่ยงตรงที่มาพร้อมกับสกรูบาลานซ์ (Screw Balance) ทองคำ

อีกสองปีให้หลัง ช่วงปีค.ศ. 2012 นาฬิการุ่นใหม่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เป็น 42 มม.อีกสองรุ่นก็ได้เปิดตัวตามมา ได้แก่ เรือนไวท์โกลด์พร้อมเข็มบอกเวลาสีน้ำเงินบลูสตีล (Blue Steel) ที่เป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ผลิตเพียง 200 เรือน และเรือนสเตนเลสสตีลประดับวงแหวนสีดาบนหน้าปัด ที่ยังคงอยู่ในคอลเล็คชั่น มาจนถึงปัจจุบัน โดยแสดงกลไกขึ้นลานด้วยมือรหัส 66-06 อย่างสง่างาม

กลาสฮุตเตอ ออริกินาลได้นำแนวทางการออกแบบดังกล่าวมาต่อยอดอีกครั้งในปีค.ศ. 2014 โดยได้นำเสนอนาฬิการุ่นพาโนเมติกอินเวิร์ส (PanoMaticInverse) ที่ใช้กลไกอัตโนมัติรหัส 91-02 ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่โดยสามารถสำรองพลังงานได้ 42 ชม. นาฬิกามีขนาด 42 มม. บริเวณหน้าปัดแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาทีแบบเยื้องศูนย์อันเป็นเอกลักษณ์

นาฬิการุ่นรุ่นพาโนเมตกิ อินเวิร์สนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดของศิลปะแห่งเรือนเวลาระดับสูง อาทิ น็อตบลูสกรู (Blued Screws) และทับทิมที่ประดับอยู่บนเพลทแบบทรี-ควอเตอร์โรเดียมขัดลายกลาสฮุตเตอสไตรปส์ (Glashütte Stripes) เข็มบอกเวลาสีน้ำเงินบลูสตีลเคลือบด้วยสารเรืองแสง จานแสดงวันที่แบบพาโนรามาเดท (Panorama Date) และระบบชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่บริเวณสกรูบาบลานซ์ที่เปรียบเสมือนหัวใจของเรือนเวลาถูกออกแบบให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนโดยอยู่ด้านล่างของบาลานซ์บริดจ์ ที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม

LIT
WRITER: LIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line