ความอดทน มุ่งมั่น คือกุญแจสำคัญของ “มืออาชีพ” แล้ววันนี้คุณเป็นมืออาชีพมากพอหรือยัง

professional หรือคำว่า มืออาชีพ ตามหลักภาษาไทยสามารถแบ่งออกได้เป็นหลากหลายความหมาย ตั้งแต่ มืออาชีพ ที่หมายถึงคนที่มีความเชี่ยวชาญ เก่งถนัดในวิชาชีพของตนเอง จนเป็นเลิศ หรือในบางนัยยะ มืออาชีพ อาจหมายถึงคนที่ทำงานตามหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายโดยไม่สนใจว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่ อย่างสุดความสามารถ โดยไม่วิจารณ์ โต้ตอบ หรือแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อสักประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสดูชีวิตของนักฟุตบอลคนหนึ่ง ที่เป็นตัวอย่างของคำว่ามืออาชีพได้เป็นอย่างดี จนอยากจะนำเรื่องราวของผู้ชายคนนี้มาแชร์ให้ชาว UNLOCKMEN ได้รู้จักนิยามของคำว่ามืออาชีพ

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ คือชื่อของยอดนักบอลอดีตกัปตันทีมชาติเยอรมัน มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลก, แชมป์ยูโร และเหรียญเกียรติประวัติส่วนตัวมากมาย แถมเขายังมีภรรยาสาวสุดสวยที่เป็นถึงนางฟ้าบนคอร์ตเทนนิสอย่าง อนา อิวาโนวิช หากพูดแค่นี้ เราคงจะจินตนาการถึงชีวิตอันแสนสุข และราบรื่น แม้จะย่างเข้าวัย 32 ปี แต่ด้วยเกียรติประวัติขนาดนี้ เขาคงจะสามารถไปเล่นฟุตบอลที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ และรับค่าเหนื่อยชิวๆ แบบ  slow life  ได้ตามที่ใจต้องการ

หลังจากเขาเดินออกจากทีมบาเยิรน์ มิวนิค เพื่อตามหาความท้าทายใหม่ ซึ่งก็เป็นทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ลายเซ็นของเขาไป ชีวิตในช่วงแรกของเขาก็เป็นไปด้วยดี แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยด้วยชื่อเสียงที่สะสมมายาวนาน ทำให้เขาน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเกาะอังกฤษไปได้อย่างน้อยจบครบสัญญา 3 ปี แบบสบายๆ

แต่เมื่อย่างเข้าปีที่สอง ชีวิตของ บาสตี้ ก็ต้องเจอกับมรสุมเข้าให้ เมื่อผู้จัดการคนที่เซ็นสัญญาคว้าตัวเขาเข้ามา โดนไล่ออกจากสโมสร ทำให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายใน ทีมมีผู้จัดการคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง ทำให้อนาคตของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ตกอยู่ในเครื่องหมายคำถามทันที ตั้งแต่การที่เขาไม่ได้รับอนุญาติให้ถ่ายภาพหมู่รวมประจำปี นั่นคือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการตัวของผู้จัดทีมคนใหม่ ต่อด้วยการได้รับแจ้งว่าจะไม่ถูกส่งชื่อลงเล่นในโควต้าฟุตบอลยุโรป และถูกลดชั้นให้ลงไปซ้อมกับทีมสำรอง ถ้าเรียกกันตามภาษาฟุตบอลง่ายๆ ก็คือการบีบให้ย้ายทีมออกไปอย่างชัดเจน

การกระทำในครั้งนี้ถือว่าหักหน้ากันเต็มๆ ลองคิดดูถ้าเป็นคุณ โดนกระทำเช่นนี้คงสะบัดตูดย้ายทีมหนีไปแล้ว หรือไม่ก็ออกมาวิจารณ์ผ่านสื่อ โวยสับแหลก ถึงความไม่เป็นธรรมที่ตนได้รับ แต่จุดนี้แหละที่จะเป็นตัววัดหัวใจของคำว่ามืออาชีพ เพราะนับตั้งแต่วันที่เขาถูกประทับตราว่าเป็นส่วนเกิน ทั้งการต้องซ้อมบอลกับเด็ก หรือแม้แต่ซ้อมคนเดียว อาจจะมีบ้างที่เขาจะโกรธ แต่เขาเลือกเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดไว้ จากนั้นตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ กว่า 4 เดือนที่เขาถูกปฎิบัติเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา

แต่โลกของเรามีที่ว่างสำหรับความพยายามเสมอ เพราะหลังจากความมุ่งมั่น และพยายามอย่างเต็มที่ ในที่สุด บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ก็กลับมามีชื่อติดทีมชุดใหญ่อีกครั้งหนึ่ง พร้อมได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีมส่งลงสนามครั้งแรกในรอบ 385 วัน (หรือ 1 ปี 1 เดือน) ซึ่งเขาก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำแมตซ์ไปครอง ทำให้เขากลับมาเป็นตัวเลือกในทีมชุดใหญ่อีกครั้งอย่างน้อยก็จนจบฤดูกาล

สิ่งที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ แสดงออกมาทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้มองว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอล เพราะเป็นเรื่องที่มนุษย์ปุถุชนทุกคน มีโอกาสประสบกับชีวิตของตัวเอง ในชีวิตจริงมันไม่ง่ายดายอย่างที่เราจินตนาการ ทุกวินาทีคือการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลง ทุกวันคือการมุ่งไปข้างหน้าของฟันเฟืองทุกตัวในสังคม

วันหนึ่งเราอาจจะทำงานตามมาตราฐานมาตลอด ซึ่งคุณคิดว่าโอเค แต่ในขณะที่คนรอบข้างคุณ บริษัทของคุณ กำลังเร่งฝีมือกันอย่างเต็มที่จนแซงคุณไปกันหมดอย่างไม่รู้ตัว แน่นอนว่าต้องเกิดการเปรียบเทียบ วันนึงคุณอาจจะถูกลดขั้น ถูกเข้าใจผิด หรือไม่ได้รับโอกาสเอาดื้อๆ หากคุณเป็นคนมีอีโก้ อาจจะเลือกทิ้งงาน ลาออก หรือไปโวยวายต่อว่า

แต่สิ่งที่มืออาชีพเขาทำกัน คือการก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหมาย และพิสูจน์ให้คนที่ตราหน้าคุณได้รู้ว่า พวกเขานะคิดผิดเกี่ยวกับตัวคุณ ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณเจ๋งจริง