DESIGN

ROLEX 2019 สำรวจนาฬิกา 5 รุ่นล่าสุดสำหรับสุภาพบุรุษผู้รักเวลา

By: TOIISAN July 1, 2019

สำหรับปี 2019 “Rolex” ยังมีอะไรใหม่ ๆ น่าสนใจมาให้เหล่าผู้ชื่นชอบนาฬิกาได้ตื่นเต้นกันอยู่เสมอ เพราะแบรนด์ปล่อยนาฬิกาใหม่เอี่ยมชวนคาดข้อมือออกมาถึง 6 เรือนด้วยกัน แต่ UNLOCKMEN ขอเลือกหยิบนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมด 5 เรือน จาก 5 ตระกูล ที่เราสนใจมาแบ่งปันให้สุภาพบุรุษผู้รักเวลาได้ดูกันว่ามีเรือนไหนบ้างที่ตอบโจทย์ความเป็นคุณ ลองไปดูพร้อมกัน!

 

 

YACHT-MASTER 42

นาฬิกาข้อมือตัวล่าสุดจากตระกูล Yacht-Master ที่โดดเด่นและแม่นยำสำหรับการแล่นเรือใบที่มาพร้อมกับความสวยงามและมีระดับ ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงด้วยตัวเรือนที่ทำจากทองคำขาว 18 กะรัต ส่วนหน้าปัดบอกเวลาขนาด 42 มิลลิเมตร และขอบ Cerachrom สีดำด้านทำจากเซรามิก ที่สามารถหมุนได้สองทิศทาง

หมดห่วงเรื่องการใช้งานในที่แสงน้อย เพราะเข็มแสดงเวลารวมถึงมาร์คเกอร์ชั่วโมงถูกเคลือบด้วยวัสดุเรืองแสงที่จะทำให้มองเห็นพรายน้ำสีฟ้าบอกเวลาเราได้อย่างชัดเจน ไม่ติดขัดแม้จะอยู่ในที่มืดแค่ไหนก็ตาม ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็หมดห่วงเพราะนาฬิกาข้อมือสามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานต่อเนื่อง 70 ชั่วโมง

 

 

 

SEA-DWELLER 

Yellow Rolesor ถือว่าเป็นนาฬิกาสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการผจญภัยชมความสวยงามใต้ท้องทะเล ผลิตขึ้นจากการผสมผสานระหว่าง Oystersteel กับทองคำ 18 กะรัต ใช้ตามส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขอบนาฬิกา เข็มนาฬิกา ตัวเลข เครื่องหมายบอกเวลา เม็ดมะยมไปจนถึงตรงกลางสายนาฬิกาล้วนถูกเคลือบด้วยทองคำด้วยกระบวนการ PVD (Physical Vapour Deposition) ช่วยให้วัสดุทนต่อการกัดกร่อนจากเหงื่อและการสึกหรอ

ตัวเรือนของนาฬิกาถือเป็นตัวชูโรงที่มีบทบาทสำคัญเพื่อพิชิตความลึกของมหาสมุทร เพราะตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม Rolex รุ่น Sea-Dweller สามารถดำน้ำลึกถึง 2,000 ฟุต หรือกว่า 610 เมตร ต่อมาก็เพิ่มความทนทานทำให้ดำลึกได้ถึง 4,000 ฟุต หรือ 1,220 เมตร หน้าปัดแสดงเวลาแบบหมุนได้จะทำให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาขณะอยู่ใต้น้ำและปรับแรงดันอย่างแม่นยำ 

เม็ดมะยมก็มีเอกลักษณ์สำคัญไม่แพ้กันเพราะติดตั้งระบบกันน้ำ Triplock ถึงสามชั้นยึดเข้ากับตัวเรือนอย่างแน่นหนา แถมตัวเรือนของรุ่นล่าสุดก็ประกอบด้วย Calibre 3235 อันเป็นกลไกเฉพาะของ Rolex จึงหมดห่วงเรื่องความเที่ยงตรง รวมถึงเรื่องแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก ทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง 

 

 

GMT-MASTER II 

สำหรับ GMT-Master ถือเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมสูงลำดับต้น ๆ ของ Rolex นอกจากจะดังด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างการแสดงเวลาสองไทม์โซนได้พร้อมกันแล้ว ในเรื่องของดีไซน์กับสีสันทูโทน อย่างเมื่อปีที่ผ่านมาก็ออกนาฬิกาสีน้ำเงิน-แดง ที่เหล่าแฟน ๆ ตั้งชื่อเล่นให้ว่า Rolex Pepsi ส่วนรุ่นล่าสุดของปี 2019 เปิดตัวอย่างเท่ด้วยสีดำ-น้ำเงิน กับชื่อเล่นที่หยิบยืมมาจากซูเปอร์ฮีโร่แห่งรัตติกาลอย่าง Batman 

ขอบหน้าปัด Monobloc ชนิดพิเศษทำจากเซรามิกส่งให้สีสันโดดเด่นและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนสายนาฬิกาก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยสายนาฬิกา Jubilee ที่มาพร้อมกับชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock ตัวสายนาฬิกาที่มีความยืดหยุ่นสูงรวมเข้ากับตัวล็อกแบบพิเศษเพื่อป้องกันการเลื่อน สามารถขยายสายเพิ่มได้ 5 มิลลิเมตร ด้วยระบบ Easylink ทำให้ GMT-Master II เรือนนี้ก็ยังคงความเท่ตามมาตรฐานของ Rolex ไม่เสื่อมคลาย

 

 

DAY-DATE 36

Day-Date คือนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของ Rolex ที่มีปฏิทินแสดงวันแนวโค้งครบทั้งเจ็ดวันอยู่ด้านบนตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่ยุคแรกเริ่มช่วงปี 1956 ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมาก แถมยังเปลี่ยนภาษาได้มากถึง 26 ภาษา เป็นนาฬิกาที่หลายคนรู้ดีว่าจะใช้วัสดุพรีเมียมในการผลิตเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น เช่น ทองคำ ทองคำขาว โรสโกลด์ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 (Platinum 95%) ด้วยความหรูหรานี้เองที่ทำให้เหล่าคนดังของโลกนิยมสวมใส่นาฬิกาตระกูล Day-Date ออกงานกันอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้ถูกเรียกว่าเป็นนาฬิกาของเหล่าผู้นำโลก 

ความพิเศษของ Day-Date 36 อยู่ที่หน้าปัดแบบใหม่ที่ไล่สีความเข้มจากขอบตัวเรือนมายังจุดศูนย์กลาง ด้วยสีเขียว Ombre ส่วนมาร์คเกอร์บอกชั่วโมงใช้เพชรทรงสี่เหลี่ยมมาประดับไว้ ตัวเรือนตรงกลางสลักจากบล็อกแข็งของทองคำ ที่จะให้ภาพลักษณ์หรูหราที่มาพร้อมกับความแข็งแรงทนทาน

 

 

DATEJUST 36 

เรียบง่ายแต่ดูหรูหราไปกับ Datejust 36 รุ่นล่าสุดจากตระกูล Datejust ต้นตำรับความคลาสสิกที่ไม่เคยตกยุคที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1945 ปีเดียวกับศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ด้วยสีสันที่ไม่จัดจ้านสร้างความภูมิฐานอย่างน่าประทับใจด้วยการผสมผสานกันระหว่าง Oystersteel และทองคำขาว 18 กะรัต ที่หน้าปัดสีดำขนาด 36 มิลลิเมตร ทำให้นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นพร้อมประกอบเข้ากับสายนาฬิกา Jubilee ข้อต่อห้าชิ้นอย่างไร้ที่ติ 

สามารถกันน้ำได้ 330 ฟุต หรือ 100 เมตร บริเวณกลางตัวเรือนสลักด้วยบล็อกเหล็ก Oystersteel ทนทานต่อการกัดกร่อนยากต่อการเกิดรอยขีดข่วน นอกจากนี้ยังมีความพิเศษอยู่ตรงด้านหลังของตัวเรือนที่ทาง Rolex เคลมว่ามีเพียงช่างนาฬิกาของแบรนด์เท่านั้นที่สามารถเปิดฝาเพื่อดูกลไกภายใน 

 

จะเห็นได้ว่านาฬิกาในแต่ละตระกูลต่างมีจุดเด่นและคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันไปก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละคนในการเลือกสรรนาฬิกาที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งหากใครสนใจนาฬิกาทั้ง 5 ของ Rolex ในปี 2019 ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่บนเว็บไซต์ rolex.com

 

SOURCE: 1 / 2 / 3

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line