ไม่ต้องตั้งตารอคอยหรือเดินทางไปเสาะแสวงหาชมกันตามมิวเซียมหรืองานแฟชั่นทั่วทุกมุมโลก วันนี้ แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาฯลักซ์ชัวรี่ระดับประเทศ ได้รวบรวม Trunk วินเทจสุดหายากจากทั่วทุกมุมโลก รังสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton และ Goyard ที่ยังคงสร้างปรากฏการณ์มูลค่าพุ่งแรงไม่หยุดทุกวินาที ชนิดที่ว่าประเมินมูลค่าไม่ได้ มานำเสนอให้ทุกคนได้ร่วมชมความงามแบบเอ็กซ์คลูซีฟกันถึงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยงานนี้ถือเป็นโชว์เคส Collectible pieces ทรังก์ของรักของสะสมอันคลาสสิก Rare Item จากการเดินทางทั่วโลกของผู้บริหารแสนสิริอย่าง ‘คุณเศรษฐา ทวีสิน’ ที่ได้รับเกียรติให้นำมาจัดแสดงแบบเอ็กซ์คลูซีฟอย่างสง่างาม ตกแต่งในแต่ละมุมพื้นที่ของโครงการ DEMI Sathu 49 แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินไพร์มโลเคชั่นใจกลางเมืองเชื่อมต่อ CBD สาทร ตั้งแต่บ้านตัวอย่างทั้ง 2 หลัง รวมถึงคลับเฮาส์ส่วนกลาง เพื่อส่งมอบสุนทรียะประสบการณ์ในการชมโครงการอย่างเหนือระดับ ซึ่ง Trunk แต่ละใบนั้นจะมีเรื่องราว มีความพิเศษ และความสวยงามมากน้อยแค่ไหน เราได้เก็บภาพมาให้ชาว UNLOCKMEN ดูเรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะหาโอกาสไปชมด้วยตาของคุณเอง เพราะต้องบอกเลยว่าเห็นในภาพว่างามแล้ว แต่ของจริงนั้นเป็นอะไรที่งามยิ่งกว่า Louis Vuitton x Supreme Malle Courrier Trunk
ในวันครบรอบ 60 ปี การเดินทางของยานอวกาศ Aurora 7 (ออโรร่า เซเว่น) นาฬิกาในตำนานที่มาพร้อมกับหน้าปัดบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ที่ถูกนำกลับมาผลิตอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงภารกิจสำคัญในประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญครั้งนี้ Breitling (ไบร์ทลิ่ง)ได้ นำเสนอนาฬิกา Cosmonaute (คอสโมนอต) รุ่นดั้งเดิม ที่เคยเผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1962 และได้บอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของนาฬิกาเรือนนี้ ในยุค 1960s นาฬิกา Navitimer (เนวิไทเมอร์) ของ Breitling (ไบร์ทลิ่ง) คือนาฬิกาสำหรับนักบินแบบไร้ที่ติแต่ในขณะแนวโน้มของโลกที่กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว นอกจากการเดินทางและสำรวจอวกาศ และนั่นหมายความว่าโครงการสำรวจอวกาศอื่น ๆ ก็กำลังดำเนินการไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ผู้ผลิตนาฬิกาต่างพากันแข่งขัน เพื่อจะเป็นผู้ผลิตนาฬิกาเรือนแรกบนข้อมือของนักบินอวกาศ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาที่เกี่ยวข้องกับการบินของ Breitling ทางให้แบรนด์กลายเป็นผู้นำของกลุ่มผู้ผลิตนาฬิกา เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1962 Breitling ได้อ้างสิทธิ์อย่างเป็นทางการว่า “นาฬิกาข้อมือจากสวิสเรือนแรกในอวกาศ” หลังจากที่นักบินอวกาศ ScottCarpenter โคจรรอบโลก 3 ครั้งในขณะที่สวมนาฬิกา
เชื่อว่ามีแฟน ๆ ของ TAG Heuer Monaco อยู่ไม่น้อย แต่ถึงจะไม่ใช่แฟน ก็น่าจะต้องประทับใจในเรือนเวลารุ่นพิเศษล่าสุด Monaco Special Edition for the Fomula 1 Monaco Grand Prix “Dark Lord” ที่สุดแห่ง chronograph ระดับไอคอนที่เคยสร้างตำนานบนข้อมือของ Steve McQueen ในปี 1971 ดีไซน์สุดเท่ขรึมแบบ all-black-evertyhing เคสทรง classic square ขนาด 39mm ผลิตจาก grade 2 titanium สีดำจาการเคลือบ DLC-coated กลไก Calibre Heuer 02 Automatic มาพร้อม monochromatic dial design จากยุค ’70s หน้าปัดผ่านการปรับรายละเอียดให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เช่นการขัดด้านหรือการเพิ่ม grain
เรือนเวลาสำหรับนักลงทุน Crypto ที่สะท้อนความสำเร็จในรูปแบบศิลปะบนข้อมือ Jacob & Co. Astronomia Solar Bitcoin นาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ JCAM19 ผ่านการสร้างสรรค์หน้าปัดเพื่อ Bitcoin โดยเฉพาะ ตัวเรือนขนาด 44mm เคลือบสีดำด้านสุดเท่ Full black DLC coating บน titanium frame งานศิลป์บนหน้าปัด three-armed platform ออกแบบเพื่อเชิดชูความแข็งแกร่งของ Bitcoin ผู้นำแห่ง cryptocurrency ด้วย currency symbol ขนาดใหญ่สามารถหมุนได้ จรวดสีดำบ่งบอกถึงการ “to the moon” โดย Moon ในที่นี้คือเพชรที่ผลิตจาก 1Ct spherical Jacob cut diamond อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ Yellow sapphire ด้านบนมี One-minute flying tourbillon แบบ
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เรือนเวลาเจ้าของโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกอย่าง Longines เชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลานึกถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเล่าขานถึงการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาสุดแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกในตำนานระดับโลกต่างเลือกสวมใส่ระหว่างทำภารกิจ และหนึ่งในทริปสุดระห่ำของนักบุกเบิกที่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไฟแห่งความกล้าในการท้าทายอะไรใหม่ ๆ นั้นลุกโชนขึ้นในใจใครหลายคน ต้องย้อนไปในวันที่ 5 ตุลาคม 1931 กับภารกิจของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. สองนักบินชาวอเมริกันผู้กล้าหาญ ซึ่งได้พิชิตภารกิจการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยระยะทาง 5,500 ไมล์ โดยไม่หยุดพักได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการผจญภัยครั้งนั้น นอกจากความบ้า และความมุ่งมั่นของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญอย่างนาฬิกา Longines ที่ช่วยบอกเวลาให้กับสองนักบินในไฟลท์ประวัติศาสต์ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทำให้เมื่อจบภารกิจนี้ทาง Hugh Herndon, Jr. ถึงกับเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณไปยัง Wittnauer ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Longines ในขณะนั้น ว่านาฬิกาของ Longines นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่พวกเขากำลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ในช่วงสุดท้ายของการบินที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวจัดจนน้ำดื่มในกระติกของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถึงกระนั้นนาฬิกา Longines ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแม่นยำได้ไร้ที่ติ พร้อมทิ้งท้ายใจความในจดหมายว่า “คุณคงรู้ดีว่าเวลาที่ถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญของการบินที่ดี” ตอกย้ำให้เห็นบทพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกยุคก่อนต่างให้ความไว้วางใจ จวบจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของวีรกรรมจากเหล่าคนกล้ามากมาย ได้กลายเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานและแสนล้ำค่าของแบรนด์
คุณเคยรู้สึกไหมว่างานศิลปะสามารถผสมผสานและแตกแขนงไปในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด หากคุณยังไม่รู้สึก อยากให้ลองมองไปรอบ ๆ ตัว สิ่งของต่าง ๆ ที่ปรากฏตรงหน้า หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ล้วนผ่านกระบวนการงานศิลปะมาแล้วทั้งสิ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันได้บ่งบอกความไร้ขอบเขตของงานศิลปะ แม้กระทั่งศิลปะวัฒนธรรมของไทยเองก็ยังสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว และ “โตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ” คือหนึ่งในตัวแทนศิลปินที่กำลังมาแรง ผลงานที่สามารถสะท้อนการฟิวชั่นของงานศิลปะให้ออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ โตส ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบเต็มตัว ตั้งแต่กำหนดภาพลักษณ์องค์กร รวมไปถึงทำแบรนด์เสื้อผ้าภายใต้ชื่อ Mia.Company โตส สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากจากผลงานที่ฝากไว้กับทาง Adidas Brand Center ที่สยามสแควร์ ซึ่งเป็นผลงานศิลปะสื่อผสมจำนวน 2 ชิ้น ได้แก่ “กึกก้อง” และ “เปล่งประกาย” รวมไปถึงยังเคยร่วมงานกับทางพิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สัน, นิตยสาร A Day, Joox Music Award 2019 และอีกมากมาย โตสมีความหลงใหลศิลปะไทยมาตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเคยแสดงเป็นโขนมาก่อน “ตอนนั้นเราเริ่มหลงใหลวัฒนธรรมไทยเพราะรู้สึกมันมีความพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องของรามเกียรติ์ (Ramakien) มันจะมีเรื่องของตัวร้าย
Richard Mille เปิดตัวนาฬิกาจิตวิญญาณ Samurai ในรหัส RM 47 Tourbillon ได้แรงบันดาลใจจากหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ 47 Ronin – The revenge of the forty-seven ronin กลุ่มโรนินที่รวมตัวกันตามล้างแค้นให้กับหัวหน้า Asano Naganori ในช่วง 18th-century RM 47 Tourbillon เลือกใช้กลไก manual-winding calibre RM47 ที่มีขนาดเล็ก โครงสร้างผลิตจาก grade 5 titanium เพื่อใช้พื้นที่ที่เหลือในการดีไซน์ซามูไรในชุดเกราะพร้อมรายละเอียดที่ประณีตสวยงามเปรียบเสมือนงานศิลป์ทรงคุณค่าที่ถูกย่อส่วนมาเก็บไว้ในตัวเรือนของ RM 47 Tourbillon การตกแต่งใช้ทองคำ 18K 3N Yellow Gold แกะสลักด้วยมือ บริเวณ tourbillon มีตราสัญลักษณ์ Kamon ของตระกูล Asano clan ประดับอยู่ พร้อมดาบคู่วางพาดกันเพิ่มความน่าเกรงขามให้หน้าปัด ชุดเกราะซามูไรของ
แม้ภาพจำของ Panerai จะเป็นนาฬิกาสำหรับการดำน้ำ และนาฬิกาสำหรับกองทัพเรืออิตาลี ความทนทานที่โดดเด่นมากกว่าความซับซ้อนของกลไกเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว Panerai ได้ปล่อยนาฬิกากลไก perpetual calendar ออกมา พร้อมตัวเรือน Luminor และ GMT function ภายในงาน Watches & Wonders ที่ผ่านไปหมาด ๆ Panerai ก็ได้โชว์กลไกที่ซับซ้อนออกมาอีกครั้งกับ Panerai Luminor GoldtechTM Calendario Perpetuo รุ่น Limited Edition ในตัวเรือน Goldtech alloy ที่สร้างจากการใช้ทองคำ 75% ผสมกับ platinum และ smoked sapphire crystal Panerai Luminor GoldtechTM Calendario Perpetuo หน้าปัดขนาด 44mm ผลิตออกมาเพียง 33 เรือนในโลก ใช้กลไก P.4100
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในหน้าประวัติศาสตร์โลกนั้นมีอยู่หลากหลายช่วงเวลาที่ถูกบันทึกไว้ในฐานะก้าวย่างสำคัญของมนุษย์ และหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นก็มียุคที่เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งความตื่นเต้น ยุคแห่งความหวัง ที่ยังคงส่งอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบันผ่านแฟชั่น ดนตรี งานดีไซน์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งช่วงเวลาอันสุดแสนจะมีเสน่ห์นั้นถูกเรียกกันว่ายุค SPACE AGE เป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง และความฝันของมวลมนุษยชาติ เต็มไปด้วยการก้าวกระโดดสู่วิทยาการที่ล้ำหน้า นับตั้งแต่การส่งดาวเทียม Sputnik 1 ขึ้นไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 1957 เรื่อยมาจนถึงการส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นผลสำเร็จด้วยยาน Apollo 11 ฯลฯ ซึ่งความน่าประทับใจเหล่านี้ส่งผลให้ SPACE AGE เป็นยุคที่เหนือกาลเวลา และยังคงมีความร่วมสมัยอยู่เสมอแม้ว่าหน้าปฏิทินจะเปลี่ยนผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม และความคลาสสิกร่วมสมัยจากยุค SPACE AGE คือแรงบันดาลใจหลักในการสร้างสรรค์ MATHIS เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Gadhouse ที่เปรียบเสมือนตัวแทนที่พร้อมส่งต่อความละเมียดละไมจากอดีต สู่อีกขั้นของประสบการณ์เสียงที่รองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในวันนี้เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปสัมผัสความน่าสนใจของ MATHIS Turntable เครื่องนี้ไปด้วยกัน Matte Black Design : สิ่งที่เราเชื่อว่าสามารถสร้างความประทับใจให้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียง MATHIS ได้ตั้งแต่แรกเห็น คงหนีไม่พ้นวัสดุคุณภาพ และงานดีไซน์อันเรียบเท่เหนือกาลเวลาจากสี
เชื่อว่าในตอนนี้หากจะให้พูดถึงเรือนเวลาขั้นสุดของ Seiko หลายคนคงยกให้ GS หรือ Grand Seiko ยืนหนึ่งในมวลหมู่ Seiko ทั้งหลาย แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Seiko คงรู้กันดีว่าในอดีตยังมีอีกหนึ่งรุ่นตำนานอย่าง King Seiko ที่ตีคู่ขับเคี่ยวโชว์ศักยภาพความเป็นเรือนเวลาชั้นยอดมาโดยตลอด เรื่องของเรื่องต้องย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือเป็นทองยุคแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จนได้มีการพัฒนา Grand Seiko รุ่นแรกออกมาในปี 1960 ก่อนที่จะส่ง King Seiko ตามมาในปี 1961 ซึ่งเรือนเวลาทั้ง 2 รุ่น ที่มาจาก 2 แหล่งผลิต (Grand Seiko ผลิตที่ Suwa Seikosha / King Seiko ผลิตที่ Daini Seikosha) ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเป็นสุดยอดเรือนเวลาของ Seiko แม้ตอนนี้จะเหลือเพียง GS ที่ครองตำแหน่งแบรนด์เรือนเวลาเรือธงจาก Seiko แต่เสน่ห์ความเป็นนาฬิกาจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามประณีต