RUBEN LOFTUS-CHEEK โชคชะตาที่เล่นตลกบนเส้นทางความอดทนสู่การเป็นตัวหลักของเชลซี

ในโลกแห่งวงการฟุตบอลยุคปัจจุบันนั้น การจะไต่เต้าขึ้นมาจากเด็กฝึกหัดใน Academy เพื่อมาเป็นกำลังหลักของทีมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก โดยเฉพาะกับสโมสรใหญ่ ๆ ที่ต่างต้องการเสริมทัพนำผู้เล่นที่ดีที่สุดเข้ามาในทีมอยู่ตลอดเวลา

Ruben Loftus-Cheek คือหนึ่งในคนที่ไขว่คว้าหาโอกาสนั้น นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่ Academy ของสโมสรตั้งแต่วัยเพียง 8 ขวบ และแม้ว่าน้อยคนจะรู้จักชื่อของเขา แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจในฤดูกาลนี้ ถึงขั้นที่แฟนบอลไม่พอใจและโห่ด้วยความไม่เห็นด้วย ตอนที่เห็น Loftus-Cheek ถูกเปลี่ยนตัวออกในนัดที่เชลซีเปิดบ้านชนะแฟรงก์เฟิร์ต รอบรองชนะเลิศยูโรปาลีคเลยทีเดียว เชื่อได้เลยว่าแฟนเชลซีมีความหวังที่จะเห็นเขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสร และตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ

ทว่าโชคชะตากลับไม่เป็นใจ เพราะในขณะที่เชลซีต้องออกไปเตะนัดเพื่อการกุศลที่สหรัฐอเมริกา สิ่งที่แฟนบอลหวาดกลัวที่สุดก็ได้เกิดขึ้น

Loftus-Cheek ล้มลงผิดท่า และลงไปนอนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ทีมแพทย์จะต้องมาช่วยพยุงออกนอกสนามไป และต้องออกจากสนามพร้อมกับใส่เฝือกป้องกันไว้ที่เท้าซ้ายของเขา ซึ่งผลจากการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันแล้วว่า Loftus-Cheek บาดเจ็บจากอาการเอ็นร้อยหวายฉีกขาด และแม้จะไม่มีกำหนดพักที่แน่นอนออกมาจากสโมสร แต่คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาถึง 1 ปี ก่อนที่เขาจะกลับมาคืนสนามได้อีกหน

นอกจากจะพลาดโอกาสลุ้นชูถ้วยยูฟ่า ยูโรปาลีค กับเชลซี และถ้วยยูฟ่า เนชั่นส์ลีคกับทีมชาติอังกฤษแล้ว เขาอาจต้องพลาดลงเล่นทั้งฤดูกาลหน้าไปโดยปริยาย และทุกอย่างที่เขาได้ทำมานั้นดูเหมือนจะจบลงไปต่อหน้าต่อตาแล้ว

Loftus-Cheek เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นตั้งแต่อยู่ใน Academy แล้ว และได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในวัยเพียง 18 ปีที่แล้ว โดยเป็นตัวสำรองในนัดที่พบกับสปอร์ตติง ลิสบอน ในรอบแบ่งกลุ่มของถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีค ปี 2014

ทว่าโอกาสลงเล่นของเขานั้นก็ยังมาไม่ถึงในอีก 2 ปีครึ่งให้หลัง เนื่องจากทั้ง Jose Mourinho และ Antonio Conte ต่างไม่อาจหาพื้นที่ว่างให้เขาได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องได้เลย จนสุดท้ายแล้วเขาได้ถูกปล่อยให้กับคริสตัล พาเลซยืมตัวไปใช้งาน ด้วยความหวังว่าประสบการณ์การลงเล่นในพรีเมียร์ลีคจะช่วยทำให้เขาพร้อมกลับมาช่วยทีมในฤดูกาลหน้า

และนี่คือจุดที่ความพยายามกับการรอคอยของเขาผลิดอกออกผล เพราะนอกจากจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของพาเลซขณะยืมตัวได้แล้วนั้น เขายังได้โอกาสติดทีมชาติเป็นนัดแรก พร้อมกับรับรางวัล Man of the Match ตั้งแต่นัดประเดิมสนาม พร้อมเป็น 1 ใน 23 คนสุดท้าย ที่ได้ติดทีมชาติอังกฤษไปลุยบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียอีกด้วย ก่อนที่จะตกรอบรองชนะเลิศไปอย่างน่าเสียดาย

ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ทำให้ทางคริสตัล พาเลซเองก็อยากต่อสัญญายืมตัวเขาไว้อีกปี รวมทั้งต้องการจะซื้อตัวมาร่วมทีมเป็นการถาวร แต่ Loftus-Cheek เองก็อยากพิสูจน์ตัวเองเป็นหนสุดท้าย ว่าเขานั้นมีดีพอที่จะยึดตัวจริงในสนาม Stamford Bridge

และตัวเขาเองก็ไม่ทำให้ตัวเองและแฟนบอลผิดหวัง หลังจากที่สามารถยึดตัวจริงในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางฝั่งซ้ายได้สำเร็จ และภายใต้การนำทีมของ Maurizio Sarri เขาได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างโดดเด่น ด้วยวัยเพียง 23 ปี Loftus-Cheek ถูกนำไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ระดับตำนานอย่าง Michale Ballack เลยทีเดียว

น่าเสียดายที่ฟอร์มการเล่นอันแสนน่าประทับใจของเขาจะต้องหยุดลงไปเพราะอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็ทำให้ตัวผู้จัดการทีมอย่าง Sarri และแฟนบอลหัวเสียไม่น้อย เนื่องจากนัดการกุศลนัดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ทีมกำลังเตรียมตัวเพื่อแข่งนัดชิงยูโรปาลีคอยู่พอดี ซึ่งหลายคนมีความเห็นว่าไม่ควรไปเตะ เพราะอาจทำให้นักเตะตัวหลักเกิดอาการบาดเจ็บแบบที่ Loftus-Cheek ต้องเผชิญ

เรื่องราวของ Loftus-Cheek สอนเราให้รู้คุณค่าของการไม่ยอมแพ้ บางทีคุณก็อดทนรอคอยกับบางสิ่งบางอย่างมานานแสนนานแล้ว และเมื่อโอกาสมาถึงโชคชะตาก็ดันไม่เป็นใจที่จะให้คุณได้ใช้โอกาสนั้นอย่างเต็มที่

แต่ถึงแม้โชคชะตาจะเล่นตลกสักเพียงใด ก็ไม่อาจจะหยุดความมุ่งมั่นของคุณได้ ดั่งเช่นกับ Loftus-Cheek ผู้ที่อาจผิดหวังกับอาการบาดเจ็บ แต่ก็คงไม่ยอมแพ้ให้กับมัน และวันนึงเราจะได้เห็นเค้าก้าวขึ้่นมายิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน 

Written by: KornKT 

Appendix: 1 / 2 / 3 /