อยู่ในห้องแคบทำงานยาก ? ลองดู 4 วิธีจัดการห้องที่จะช่วยให้เราทำงานจากที่อยู่อาศัยขนาดเล็กได้ดีขึ้น

ช่วงนี้คนทำงานต้อง ‘เวิร์กฟอร์มโฮม’ บ้านใครใหญ่ก็อาจทำงานได้สะดวกหน่อย แต่คนที่ทำงานอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ อาจต้องปวดหัว และเกิดอาการไม่อยากทำงานกันบ้าง เพราะไม่รู้จะไปนั่งทำงานตรงไหน สุดท้ายก็ตัดสินใจออกไปนั่งทำงานข้างนอกอยู่ดี บทความนี้เรามีเทคนิคที่จะช่วยให้ทุกคนทำงานจากบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานในพื้นที่แคบและจำกัด เริ่มตั้งแต่ วิธีการจัดบ้าน ไปจนถึง การรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการอยู่ในที่แคบ

กำหนดพื้นที่ทำงานที่ชัดเจน

สิ่งแรกที่เราควรทำเวลาจะต้องทำงานนอกออฟฟิศ แถมที่ทำงานยังมีพื้นที่น้อยด้วย คือ การแบ่งพื้นที่ในการทำงานที่ชัดเจน เพราะสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการทำงานของเรา เรามักจะรู้สึกอยากนอนมากขึ้นเมื่ออยู่ในห้องนอน หรือ อยากอู้มากขึ้นเมื่ออยู่ในห้องนั่งเล่น ดังนั้น การจัดสรรพื้นที่ที่ชัดเจนจึงช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นได้ เราสามารถใข้ฉากกั้นห้อง พรม หรือ ถ้าลงทุนหน่อยก็การทาสีกำแพงใหม่ มาช่วยในการแบ่งความแตกต่างของแต่ละส่วนได้เช่นกัน แต่ที่สำคัญ เราต้องไม่ใช้งานแต่ละส่วนเกินหน้าที่ของมันด้วย เช่น ไม่ใช้ห้องนอนเป็นห้องทำงาน ไม่ใช้ห้องนั่งเล่นเป็นที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้เราไม่รู้สึกว่าอยู่ในบรรยากาศของการทำงานจริง ๆ

จัดที่นั่งให้ดี

นอกจากการกำหนดพื้นที่ในการทำงานที่ชัดเจนแล้ว ที่นั่งทำงานกับท่านั่งทำงานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าเราจัดที่นั่งไม่ดี เราก็นั่งทำงานได้แบบไม่สะดวกสบาย แถมการนั่งทำงานผิดท่าก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมาอีกด้วย เช่น อาการปวดหลัง ดังนั้น เลือกโต๊ะ หรือ ที่วางคอมที่เหมาะสมตามความสูงของเรา วางหน้าจอคอมหรือแล็ปท็อปให้อยู่ในระดับสายตา ถ้ามันเตี้ยเกินไปก็อาจหาหนังสือมารองด้านใต้เพื่อเพิ่มความสูง หรือ ซื้อขาตั้งแล็ปท็อปมาช่วย จัดตำแหน่งของคีย์บอร์ดและเมาส์ให้ไหล่และแขนรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด รวมถึง ปรับระดับความสูงของเก้าอี้ให้เราสามารถเอื้อมจับเมาส์ได้แบบสบาย ๆ โดยไหล่ควรอยู่ในสภาวะผ่อนคลายไม่ไปเบียดส่วนอื่นของร่างกาย และเท้าสามารถแนบกับพื้นได้

ให้ความสำคัญกับแสงสว่างภายในห้อง

เรื่องแสงสำคัญมาก ไม่ว่าเราจะทำงานในออฟฟิศ หรือ ทำงานที่บ้าน เราก็ควรให้ความสำคัญกับแสง เพราะเราต้องอยู่กับหน้าคอมทั้งวัน เมื่อแสงไฟในห้องไม่เหมาะสม สายตาเราอาจจะพังได้ แสงที่ดีช่วยให้สายตาของเราปลอดภัย และป้องกันผลกระทบที่เกิดจากทำงานหน้าคอมได้ เช่น อาการปวดหัว หรือ อาการเหนื่อยล้า ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราควรตั้งพื้นที่ทำงานให้อยู่ใกล้หน้าต่าง เพื่อให้เรารับแสงธรรมชาติได้ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความโปรดักทีฟในการทำงานให้กับเราได้ด้วย นอกจากนี้ เราควรลงทุนซื้อไฟประเภทที่สามารถปรับระดับ หรือ โทนสีได้ด้วย และไฟที่เราเลือกซื้อควรมีแสงคล้ายกับแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยป้องกันสายตาของเราได้ อีกทั้ง เราควรเสริมความสว่างให้กับห้องของเราด้วยการนำกระจก เฟอร์นิเจอร์ หรือ ของตกแต่งสีขาว มาประดับในห้องเพิ่มเติม เพื่อให้ห้องของเราสะท้อนแสงได้ดีขึ้น และให้ความปลอดโปร่งเหมาะแก่การทำงานมากขึ้น

อย่าลืมตกแต่งห้องด้วยพืชสีเขียว

หลังจากจัดการเรื่องแสงในห้องเรียบร้อยแล้ว เราอยากแนะนำให้ทุกคนหาพืชสีเขียวมาตกแต่งห้องเพิ่มเติมด้วย เพราะพืชสีเขียว ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้น ลดอาการที่เกิดจากความเครียด เช่น ความกังวล ความเหนื่อยล้า ต่าง ๆ ได้ด้วย มันจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราทำงานได้ทั้งวัน โดยพืชที่เราควรนำเข้ามาในห้องควรเป็นอะไรที่ดูแลง่าย เช่น พลูด่าง ซักคิวเลนต์ กวักมรกต หรือ เกล็ดมังกร

อย่างไรก็ตาม เมื่อพื้นที่ทำงานและพื้นที่อยู่อาศัยของเราไม่ได่อยู่ห่างกัน บางครั้งมันก็เลยทำให้เกิดความสับสนได้เหมือนกันว่า เวลานี้เราควรทำงาน หรือ ควรหยุด ดังนั้น เวลาทำงานเสร็จแล้ว ควรเก็บงานให้เรียบร้อย ปิดคอม และเคลียร์พื้นที่ จะช่วยให้เราตัดขาดจากงาน และเอนจอยกับชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้น นอกจากนี้บางครั้งการทำตัวเหมือนอยู่ออฟฟิศก็ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นเหมือนกัน ลองใส่ชุดตัวเดียวกันกับที่ใส่ไปทำงานเป็นประจำ หรือ ฟังเพลงที่มักฟังในที่ทำงานบ่อย ๆ ก็ช่วยให้สมองเข้าโหมดทำงานได้เร็วขึ้นเหมือนกัน

IMAGE SOUCES: 1 / 2 / 3