ย้อนอดีตบทเพลงแห่งความตาย ที่คร่าชีวิตคนมามากกว่า 200 คนทั่วโลก

เมื่อประมาณหลายปีก่อนเคยมีข่าวลือว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งในไทยได้นำเพลงที่ได้รับการเล่าขานกันต่อๆ มาว่าเป็นเพลงแห่งความตาย มาเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ ที่เมื่อผู้ฟัง ฟังเพลงนี้จนจบจะรู้สึกหดหู่จนอยากจะปลิดชีวิตตัวเองทิ้งซะ ซึ่งมีการอ้างว่ามีคนฟังเพลงนี้แล้วฆ่าตัวตายมามากกว่า 200 คนแล้ว ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จนอยากจะนำเรื่องเล่านี้มาให้กับชาว UNLOCKMEN ได้ฟังกัน แต่ไม่ได้มีเจตนาอยากให้ผู้อ่านคิดจะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ก่อนจะเริ่มอยากให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เพลงที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเพลงมรณะ นั้นก็เพลง Glooming Sunday หรือวันอาทิตย์อันแสนเศร้า สำหรับจุดเริ่มต้นของเจ้าเพลงแห่งความตายนี้มีที่มาอยู่สอง Story หลักๆ แต่เราจะขอพูดถึงเรื่องที่ได้รับการยืนยันมากที่สุด โดยเจ้าเพลง Grooming Sunday เป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยนักกวีชาวฮังการีผู้หนึ่ง นามเรสโซ เซเรสส์ (Reszo Seress) มันเริ่มมาจากเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1932  เรสโซเป็นที่เป็นนักแต่งเพลงยากจน เขาพยายามหาเลี้ยงชีพอยู่ใน Paris แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเพลงแต่ละเพลงของเขาไม่ได้รับความสนใจ อีกทั้งคนรักของเขาก็ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยจนทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดในวันหนึ่ง ทั้งคู่ก็ต้องถึงคราวแยกทางกัน

ด้วยเหตุนี้ ในวันอาทิตย์วันหนึ่ง มันเป็นวันฝนตก เรสโซที่ทั้งหดหู่ และเศร้าหมองด้วยเหตุการณ์ต่างๆก็ได้แต่งเพลงนี้ขึ้นในวันนั้น ซึ่งเป็นการบรรเลงทำนองด้วยเปียโน เขาใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็ประพันธ์เพลงเสร็จ จากนั้นจึงได้ส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับ และสุดท้ายก็มีสำนักพิมพ์บทประพันธ์แห่งหนึ่งรับไว้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากเพลงนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังมหานครต่างๆทั่วโลก

ที่ Berlin Germany ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ขอให้วงดนตรีเล่นเพลง Glooming Sunday ให้ฟัง หลังจากนั้น เขากลับบ้าน และระเบิดศีรษะด้วยปืนรีวอลเวอร์หลังจาก บ่นกับญาติๆ ว่าเขารู้สึกกดดันอย่างรุนแรงกับท่วงทำนองเพลงที่เขาไม่อาจลบมันออกไปได้ สัปดาห์ต่อมาที่ Berlin อีกเช่นกันสาวผู้ช่วยร้านขายของแขวนตัวตายอยู่ในแฟลตที่พัก พบบทเพลง Grooming Sunday อยู่ที่ห้องของเธอด้วย สองวันหลังจากนั้น เลขานุการใน New York ได้ฆ่าตัวตายด้วย
แก๊ส ในจดหมายลาตายได้ขอร้องให้เล่นเพลงนี้ในงานศพของเธอด้วย

สัปดาห์ถัดมา ชาว New York อีกรายเป็นชายวัย 82 ได้กระโดดหน้าต่างอพาร์ตเมนท์ชั้น 7 ลงมาตาย โดยก่อนตายเขาได้เล่นเพลงนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน วัยรุ่นใน Rome ก็กระโดดสะพานฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้ฟังเพลงมรณะนี้ เช่นเดียวกัน ไม่นานนักเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้หนึ่งก็ได้ยิงตัวตายหลังจากที่ได้อ่านเนื้อเพลงนี้ รายต่อมาเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่พยายามกินยาพิษเมื่อได้ยินเพลงนี้จากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งใน Budapest ชายคนหนึ่งก็ได้ยิงตัวตายในขณะที่เพลงนี้กำลังบรรเลงอยู่ และรายอื่นๆอีกมากมาย

และผู้ประพันธ์เพลงนี้เองก็ต้องเจอชะตากรรมอันเลวร้าย เมื่อคิดจะไปคืนดีกับคนรัก แต่ในเวลาต่อมาเขาก็รู้ว่า คนรักของเขาได้กินยาพิษฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่ข้างร่างของเธอคือแผ่นกระดาษบทเพลง Glooming Sunday นั่นเอง

รัฐบาลฮังการีได้สั่งห้ามไม่ให้เปิดเพลงนี้ออกอากาศ แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังเกิดซ้ำๆ ในที่อื่นๆอีก เช่นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางบีบีซีก็ได้ถูกสั่งห้ามเปิดเพลงนี้เช่นกัน แต่ในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำอย่าง
รัฐบาลอังกฤษ และฮังการี โดยสรุปแล้วการฆ่าตัวตายนั้นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงนี้ประมาณ 200 รายทั่วโลก และในปี 1968 ชาวอังกฤษคนหนึ่งก็ได้กระโดดจากชั้น 8 ของอาคารแห่งหนึ่ง และเขาคือ เรสโซ เซเรสส์ ซึ่งไม่สามารถแต่งเพลงได้อีกหลังจากการแต่งทำนองเพลง “วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า”

และนี้ก็เป็นตำนานเล่าขานของเจ้าบทเพลงแห่งความตายนี้ โดยเหล่าบรรดาโปรดิวเซอร์ หรือนักแต่งเพลงได้กล่าวถึงเจ้าบทเพลงนี้ว่าเพลงนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ลงตัวที่ทำให้คนฟังอยากฆ่าตัวตายได้ เสียงร้องที่โหยหวนเป็นจุดเด่นที่สุดของเพลงนี้ รวมกับท่วงทำนองและเมโลดี้ที่ดาร์กมาก  ซึ่งถ้าใครอยู่ในสภาวะเศร้า อกหักรักคุด ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เพลงนี้จะไปเล้าให้ยิ่งอยากปลิดชีพตัวเองซะ แต่จริงๆ เนื้อร้องไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย เพียงแค่ถ้าเราเปลี่ยนทำนองเพลงนี้เป็นแบบเพลงป็อป หรือเปลี่ยนเสียงคนร้อง เพลงนี้ก็แทบไม่มีความรันทดเหลืออยู่เลย

แต่มันก็เป็นเพียงตำนานเพราะเราพยามยามหาข่าวที่ยืนยันว่าเจ้าเพลงนี้สามารถฆ่าคนไปราว 200 คนยังไม่ได้เลย มีเพียงเรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมาทั้งไทย และต่างประเทศ แต่มันน่าจะมีมูลบ้างหละไม่งั้นแค่พิมพ์ Glooming Sunday สิ่งแรกที่ขึ้นก็คงจะไม่ใช่ Suicide Song หรอก แต่มันคงไม่เลวร้ายถึงขั้นตายเป็น 200 คน เราก็อยากให้ผู้อ่าน UNLOCKMEN ใช้วิจารณญาณในเรื่องนี้

Glooming Sunday เวอร์ชั่นต้นฉบับ

เวอร์ชั่นที่แชร์ๆ กันในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน