ใต้ท้องทะเลมีมนต์เสน่ห์เสมอ นี่คือเหตุผลให้ผู้คนมากมายดั้นด้นเดินทางไกลเพื่อมาเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง การดำน้ำ (แบบ Scuba) จึงเปรียบเสมือนศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีความซับซ้อน ต้องตั้งใจศึกษา เรียนรู้ และฝึกฝนอย่างจริงจัง ถึงจะสามารถลงไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ดังกล่าวได้ แต่สำหรับบางคนอาจจะมองว่า Scuba Diving นั้นยากเกินไป บวกกับการงานรัดตัวจึงไม่มีเวลาไปเรียนอย่างจริงจัง ดังนั้นเมื่อไปทะเลจึงทำได้แค่ดำอยู่บนผิวน้ำด้วยวิธี Snorkeling ไม่ได้หมายความว่า Snorkeling ไม่สนุก แต่ต้องยอมรับว่าภาพที่ได้เห็นนั้นแตกต่างจากการดำแบบ Scuba Diving อย่างสิ้นเชิง ด้วยไอเดียนี้ Verity Moorhouse of BLU3 บริษัทด้านการออกแบบจึงสร้างสรรค์อุปกรณ์ดำน้ำรูปแบบใหม่ขึ้นมา เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณดำน้ำลึกได้ถึง 10 ฟุต หรือกว่า 3 เมตรได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปลงคอร์สเรียนให้วุ่นวาย ขอแค่มีเจ้า ‘Nemo’ ก็เพียงพอแล้ว ‘The World’s Smallest Dive System’ นี่คือคำพูดจากปากผู้ผลิตที่พูดถึงเจ้าอุปกรณ์ดำน้ำ Nemo นี้ แม้ว่าชื่อจะน่ารักเหมือนแอนิเมชั่นปลาการ์ตูนที่เคยเป็นขวัญใจสมัยเด็กของใครหลายคน แต่ประสิทธิภาพไม่ได้เล็กตามชื่อ เพราะนี่คือสิ่งที่จะช่วยให้นักดำน้ำหน้าใหม่ได้สัมผัสประสบการณ์แตกต่างจากที่ผ่านมา ด้วยการทำงานระบบ Surface-Supplied Air Dive จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำลึกลงไปจากระดับผิวน้ำได้ถึง 10 ฟุต นอกจากนั้น Nemo ยังมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้สามารถพกพาใส่เป้ไปลุยได้ทุกที่ Nemo ทำงานอย่างไร?
การค้นพบเด็ก ๆ และโค้ชของทีมฟุตบอลหมูป่าเป็นเหมือนแค่จุดเริ่มต้นของภารกิจช่วยชีวิตครั้งนี้เท่านั้น เพราะถึงจะพบตัวแล้วแต่กว่าจะนำตัวทุกคนออกมาได้ก็ต้องใช้เวลาร่วมสัปดาห์ เนื่องจากการจะออกไปด้านนอกนั้นต้องดำน้ำออกไป จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดหน่วย Seal ที่มีความเชี่ยวชาญยังใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่นี่ต้องพาเด็ก ๆ ที่ร่างกายไม่แข็งแรงออกมาด้วยภารกิจนี้จึงเข้าขั้นโหดหิน นอกจากนั้นยังมีข่าวร้ายนั่นคือการเสียชีวิตของ จ.อ. สมาน กุนัน อดีตหน่วย Seal ที่เสียชีวิตภายในถ้ำหลวงระหว่างดำน้ำลำเลียงขวดอากาศ ยิ่งตอกย้ำว่าการดำน้ำในถ้ำนั้นอันตรายขนาดไหน ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จึงจะมาบอกอันตรายของการดำน้ำในถ้ำเพื่อเป็นอุทาหรณ์และทำความเข้าใจว่าทำไมการช่วยชีวิตเด็ก ๆ และโค้ชจึงไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ความคับแคบที่ส่งผลต่อทั้งกายและใจ การมุดผ่านซอกหินแคบ ๆ แม้แต่ในพื้นที่แห้งยังเป็นเรื่องยากลำบาก ดังนั้นเมื่อต้องดำน้ำแบกถังออกซิเจนหนัก ๆ ไว้บนหลัง ความยากย่อมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ การเคลื่อนที่ทำได้อย่างเชื่องช้ายิ่งทำให้รู้สึก Panic เข้าไปอีกว่าปริมาณออกซิเจนจะเพียงพอหรือไม่เพราะคุณไม่สามารถโผขึ้นบนผืนน้ำเพื่อหายใจได้เลยในกรณีออกซิเจนคุณหมด และการที่ต้องอยู่ในช่องแคบ ๆ เป็นเวลานานนอกจากสภาพร่างกายที่จะค่อย ๆ อ่อนล้าแล้ว จิตใจก็ต้องรับภาระหนักไม่แพ้กัน เหมือนคุณกำลังอยู่ในอุโมงค์ลึกที่ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ตรงไหน โดยเฉพาะใครที่กลัวที่แคบอยู่แล้วการดำน้ำในถ้ำถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามเลยทีเดียว อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยปกติการดำน้ำก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว แต่การดำน้ำในถ้ำนั้นเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าการดำน้ำปกติหลายเท่าตัวเนื่องจากคุณต้องดำผ่านซอกหินที่คับแคบแทบจะตลอดเวลา ซึ่งพื้นผิวของมันก็ขุรขระเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยแหลมคม และที่สำคัญคือถ้าคุณเกิดประสบอุบัติเหตุในซอกหินคุณจะไม่สามารถขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อปฐมพยาบาลได้ในทันที คุณต้องกลั้นใจเดินหน้าต่อไปหรือไม่ก็ถอยหลังกลับมาสู่พื้นที่โล่งเสียก่อน ดังนั้นการดำน้ำในถ้ำถ้าคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็เหมือนกำลังพาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย วิสัยทัศน์ในการมองเห็นต่ำ อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญของการดำน้ำในถ้ำคือการที่คุณแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยต่อให้คุณจะพกไฟส่องสว่างติดตัวไปด้วยก็ตาม ภายในถ้ำใต้น้ำที่ถูกตัดขาดจากแสงเดือนแสงตะวันนั้นมืดมิดเสียจนบางครั้งคุณมองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองด้วยซ้ำ นอกจากนั้นน้ำก็ไม่ได้ใสเหมือนในทะเล