ในอนาคต คนอาจใช้รถยนต์กันน้อยลงกว่าเดิมก็ เพราะตอนนี้มีหลายบริษัทที่ทำการพัฒนารถยนต์บินได้ ซึ่งสามารถแทนที่การเดินทางแบบเก่าได้ หนึ่งในนั้น คือ PHRACTYL บริษัทสตาร์ทอัพในประเทศแอฟริกาใต้ ที่เปิดตัวอากาศยานชื่อว่า Macrobat ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากนก และเกิดขึ้นมาเพื่อเอาชนะพื้นที่ที่เข้าถึงยากด้วยพาหนะทั่วไป อากาศยานคันนี้มีรูปร่างเหมือน นกกระทุง (pelican) และเป็น eVTOL หรือ ยานพาหนะไฟฟ้าที่บินขึ้นและลงจอดได้ในรูปแบบแนวดิ่ง มันมาพร้อมกับปีกที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าและใบพัด และมีล้อที่ถูกแทนที่ด้วยขาที่มีลักษณะคล้ายกับขาของนกซึ่งมีการติดตั้งสายพานไว้ที่เท้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง และทำให้พาหนะสามารถลงจอดที่ไหนก็ได้อย่างปลอดภัยไร้อุปสรรค์ รถบินคันนี้จะมีการเคลื่อนไหวเหมือนนก คือ เอียงไปข้างหลัง 45 องศา ทั้งตอนบินขึ้นและลงจอด มันสามารถ take off ได้แบบไม่ต้องใช้รันเวย์ โดยตอนบิน จะมีการกางปีกทั้งสองข้างและใบพัดจะหมุนด้วยความเร็วสูง จากนั้นขาทั้งสองของเครื่อองบินจะย่อลงเพื่อให้เกิดแรงในการกระโดดบิน จนเมื่อเครื่องลอยฟ้าแล้ว ขาทั้งสองข้างจะถูกพับเก็บเพื่อลดแรงต้านอากาศ และทำให้เครื่องบินบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับ Macrobat จะเป็นเครื่องบินขนาดเล็กสามารถรองรับนักบินได้ 1 คน สามารถเดินทางได้ไกลราว 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถบรรทุกน้ำหนักของผู้โดยสารและสัมภาระรวมกันสูงสุดได้ 150 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ‘รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน’ อาจกลายเป็นของล้าสมัยไป เพราะตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ต่างประกาศว่าจะหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) แบบเต็มตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Jaguar ที่จะขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 หรือ Volvo ที่จะเริ่มในปี 2030 ไปจนถึง General Motors (GM) ที่จะเริ่มให้ได้ภายในปี 2035 แต่การเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดกันไว้ เพราะตอนนี้ภาคธุรกิจกำลังรีบนำรถไฟฟ้ามาใช้กันแล้ว อย่าง Hertz ธุรกิจเช่ารถยนต์รายใหญ่ของโลก ได้ทำการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาจำนวนกว่า 100,000 คัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2022 เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12% จน อีลอน มัสก์ กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกภายในวันเดียว ด้วยอิทธิพลของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน หรือ มลพิษทางอากาศ ทั่วโลกจึงตระหนักถึงเรื่องการรักษาสภาพภูมิอากาศกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิลภายในปี 2030 หรือ
มนุษย์กรุงเทพฯ คนไหนที่เบื่อความแออัดและการใช้ชีวิตในเมือง อยากหันหน้าเดินทางเข้าสู่ชีวิตแบบธรรมชาติ แต่ก็ยังรักไลฟ์สไตล์แบบลักซูรี เราคิดว่าไอเท็มนี้น่าจะตอบโจทย์ Jupe เชลเทอร์ขนาดเล็กแบบพกพาไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งรังสรรค์โดยอดีตดีไซนเนอร์จากบริษัทที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Tesla และ SpaceX Jupe เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นที่อยู่อาศัยแบบเคลื่อนย้ายได้ และสามารถกางออกพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ตัวเชลเทอร์จะมีเสาโครงอลูมิเนียมที่มีความทนทาน ประกอบกับผืนผ้าใบที่มีคุณสมบัติทนทานกันน้ำกันไฟด้วยดีไซน์ภายนอกที่มีความมินิมอลล้ำยุค เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ให้คุณพร้อมย้ายตัวเองจากความวุ่นวายไปหาธรรมชาติได้โดยไม่ขาดปัจจัยสำคัญด้วย WiFi Router และแผงโซลาร์ ระบบแบตเตอรี่ขนาด 200 Ah, ไฟ LED ส่องสว่าง รวมถึงอุปกรณ์ Smart home อย่าง Sonos speaker และ Alexa ภายในมีความกว้างขวางด้วยพื้นที่ถึง 10 ตารางเมตร สามารถนำเตียงขนาดควีนไซส์ โต๊ะ เก้าอี้ ใส่เข้าไปข้างในได้แบบสบาย ๆ เหมือนเป็นบ้านขนาดเล็กเลยทีเดียว ส่วนหน้าสามารถเปิดรับชมวิวภายนอกได้แบบเต็มตา ส่วนพื้นไม้ก็สามารถเปิดใช้เป็นช่องเก็บของได้มากพอที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางได้ถึง 10 ใบเลยทีเดียว Jupe Urban Escape Pod
ถือเป็นข่าวรถยนต์เท่ ๆ คันหนึ่งที่ได้ออกมาให้เราเห็นในช่วงนี้ Aptera Motors บริษัทสตาร์อัพในสหรัฐฯ พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คันใหม่ ซึ่งความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เหมือนกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์แนวไซไฟ แถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คันแรกของโลกที่มีการจับคู่มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ liquid-cooled กับแผงพลังงานแสงอาทิตย์อีกด้วย ทาง Aptera เคลมด้วยว่า รถยนต์ของพวกเขาแทบจะไม่ต้องชาร์จไฟเลย เพียงแค่อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว มันก็สามารถเดินทางได้ถึง 72 กิโลเมตรต่อวัน โดยแผงโซลาเซลล์ที่ติดตั้งกับตัวรถจะมีขนาดอยู่ที่ 3 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยเซลล์แสงอาทิตย์จำนวน 180 เซลล์ ทั้งหมดนี้ช่วยให้รถสามารถฟื้นฟูพลังงานในขณะที่จอดนิ่งอยู่ได้ และทำให้รถมีพลังงานมากพอที่จะเดินทางได้มากกว่า 17,702 กิโลเมตรต่อปี ดีไซน์ของรถเองก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยรูปร่างที่ดูเหมือนกับยานอวกาศขนาดเล็ก ล้อเพียง 3 ล้อ และที่นั่งเพียง 2 ที่นั่ง ช่วยให้รถสามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาศได้ดี และเดินทางได้ไกลมากขึ้น อีกทั้งในส่วนของสมรรถนะของรถ มันสามารถเดินทางจากระยะทาง 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ โดยใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดเพียง 3.5 วินาที และมันยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่เมื่อชาร์จพลังงานจนเต็มแล้ว รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เป็นระยะทางสูงสุด 1,600