เราเคยตั้งคำถามว่าวิวัฒนาการของสัตว์ที่อยู่ด้านล่างห่วงโซ่อาหารของมนุษย์อย่างเราจะมีทางขึ้นมาพัฒนาเท่าเทียมเราได้ไหม สติปัญญาของมนุษย์สองมือสองเท้าที่กายภาพด้อยกว่าแต่เอาชนะด้วยความคิดสร้างสรรค์มาหลายปีดีดักจะมีโอกาสโดนท้าทายจากพวกมันหรือเปล่า หลายครั้งพล๊อตจินตนาการแบบนี้เลยไปอยู่บนแผ่นฟิล์ม หยิบสารพัดวิธีสร้างความเป็นไปได้ที่เราจะเปลี่ยนจากฐานะของผู้ล่าสู่ผู้ถูกล่าแทน หนึ่งในนั้นคือเรื่องการนำพันธุกรรมของมนุษย์ใส่เข้าไปสัตว์ เหมือนกับเรื่อง War for the Planet of the Apes ที่มนุษย์ทดลองตัดต่อยีนของตัวเองเข้าไปในลิง จนนำมาสู่สงครามระหว่างมนุษย์และลิงยาวนานเป็นไตรภาค แต่ล่าสุดเรื่องนี้กลายเป็นกระแสโด่งดังทั่วโลกออนไลน์ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนทดลองปลูกถ่ายยีนส์สมองมนุษย์ใส่เข้าไปในลิงจริง ๆ เพื่อพิสูจน์คำถามที่ว่า “อะไรทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น” ลิง 11 ตัวกับยีนส์มนุษย์ที่ตัดต่อเข้าไป การทดลองครั้งนี้ทำโดยแยกลิงวอกที่เป็นทารกจำนวน 11 ตัวออกจากอ้อมอกแม่ในฮ่องกงมาดำเนินการทดลองปลูกถ่ายยีนมนุษย์ MCPH1 ในสมองของมัน ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยหลายแห่งและสถาบันสัตววิทยาคุนหมิงทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนที่ต้องการไขรหัสกระบวนการวิวัฒนาการความฉลาดของมนุษย์ ผลจากการศึกษาพบว่าสมองของลิงเหล่านี้ใช้เวลาในการพัฒนานานเช่นเดียวกับมนุษย์เรา สามารถทำแบบทดสอบความจำระยะสั้นก็ได้รับการตอบสนองไวขึ้นเมื่อเทียบกับลิงที่ยังไม่ได้รับการปลูกถ่ายยีนลงไป แต่จาก 11 ตัวที่ได้รับการปลูกถ่ายยีนไปเหลือรอดชีวิตเพียง 5 ตัวเท่านั้น Su Bing หนึ่งในหัวหน้าทีมวิจัยครั้งนี้กล่าวว่า ผลการทดลองนี้พวกเขาไม่ได้ลักลอบทำ หรือกระทำผิดหลักจริยธรรมแต่ประการใด เพราะโปรเจกต์ทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจสอบโดยคณะกรรมการจริยธรรมของมหาวิทยาลัยแล้ว และปฏิบัติตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของจีนและมาตรการการคุ้มครองสัตว์นานาชาติด้วย สิทธิ์การรอดชีวิต กับลิง 5 ตัวที่ยังเหลือ กลายเป็นคำถามคงค้างที่เกิดขึ้นกับคนนอกแลปครั้งนี้ว่า “สมควร” หรือไม่ ถ้าเราใช้จรรยาบรรณด้านการค้นคว้ามาตัดสินกับสิ่งมีชีวิตว่ามันควรอยู่ หรือถูกสังเวยเพื่อเป็นการยืนยันทฤษฎีความคิดของตัวเอง ทว่าอีกฟากกระแสโซเชียลที่เห็นด้วยก็กล่าวว่า ถึงลิงจะมีพันธุกรรมที่ใกล้เคียงมนุษย์แค่ไหน แต่มันก็ยังห่างชั้นกันอยู่ดีไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องจริยธรรมหรอก ในท้ายที่สุดไม่ว่าผลของการโต้แย้งที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่ยังไม่มีข่าวไหนที่ออกมาแจ้งแน่ชัดว่าทีมวิจัยจะทำอย่างไรกับลิงที่เหลืออยู่ และหากต่อไปเรากังวลกับพัฒนาการทางปัญญาของมันที่เติบโตขึ้นมากเกินไป