Longines แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิสที่สร้างภาพจำในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงเวลาหลายไทม์โซน ได้เริ่มต้นเส้นทางประวัติศาสตร์แห่งนวัตกรรมบอกเวลาที่น่าภาคภูมิใจด้วยนาฬิกาตุรกีอันโด่งดังในปี 1908 ซึ่งเป็นนาฬิกาพกแสดงเวลาสองเขตเวลาเรือนแรก และได้รับการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมนี้ในปี 1911 ต่อมาในปี 1925 ชื่อของ Longines ได้ถูกจารึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือแสดงเวลาสองไทม์โซนเรือนแรกของโลก อย่าง Zulu Time ซึ่งสามารถแสดงทั้งเวลาท้องถิ่นและเวลามาตรฐานกรีนิช (UTC+0) สำหรับกองทัพเรือแคนาดา นาฬิกามีธงสัญญาณสำหรับตัวอักษร “Z” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้งานโดยนักเดินเรือและนักบินในการสื่อสารเวลาสากล จนกระทั่งในปี 2022 ทาง Longines ได้ตีความนาฬิกาประวัติศาสตร์เรือนนี้ใหม่ โดยเปิดตัวคอลเลคชั่น Longines Spirit Zulu Time ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตนาฬิการะดับสูง คอลเลคชั่นนี้ได้สร้างชื่ออย่างรวดเร็วในฐานะเพื่อนร่วมทางที่จำเป็นสำหรับนักเดินทางรอบโลกยุคใหม่ ด้วยฟังก์ชัน GMT ที่แม่นยำและสุนทรียภาพอันโดดเด่น จวบจนถึงปัจจุบัน ในปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรื่องราวของ Longines Zulu Time เดินทางมาบรรจบครบ 100 ปี LONGINES จึงมีความภาคภูมิใจที่จะเปิดตัว Longines Spirit Zulu Time 1925 รุ่นพิเศษ
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เรือนเวลาเจ้าของโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกอย่าง Longines เชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลานึกถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเล่าขานถึงการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาสุดแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกในตำนานระดับโลกต่างเลือกสวมใส่ระหว่างทำภารกิจ และหนึ่งในทริปสุดระห่ำของนักบุกเบิกที่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไฟแห่งความกล้าในการท้าทายอะไรใหม่ ๆ นั้นลุกโชนขึ้นในใจใครหลายคน ต้องย้อนไปในวันที่ 5 ตุลาคม 1931 กับภารกิจของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. สองนักบินชาวอเมริกันผู้กล้าหาญ ซึ่งได้พิชิตภารกิจการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยระยะทาง 5,500 ไมล์ โดยไม่หยุดพักได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการผจญภัยครั้งนั้น นอกจากความบ้า และความมุ่งมั่นของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญอย่างนาฬิกา Longines ที่ช่วยบอกเวลาให้กับสองนักบินในไฟลท์ประวัติศาสต์ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทำให้เมื่อจบภารกิจนี้ทาง Hugh Herndon, Jr. ถึงกับเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณไปยัง Wittnauer ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Longines ในขณะนั้น ว่านาฬิกาของ Longines นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่พวกเขากำลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ในช่วงสุดท้ายของการบินที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวจัดจนน้ำดื่มในกระติกของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถึงกระนั้นนาฬิกา Longines ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแม่นยำได้ไร้ที่ติ พร้อมทิ้งท้ายใจความในจดหมายว่า “คุณคงรู้ดีว่าเวลาที่ถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญของการบินที่ดี” ตอกย้ำให้เห็นบทพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกยุคก่อนต่างให้ความไว้วางใจ จวบจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของวีรกรรมจากเหล่าคนกล้ามากมาย ได้กลายเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานและแสนล้ำค่าของแบรนด์