เพราะการทำงานกินเวลามากถึง 1 ใน 3 ของวัน ผู้ชายเราจึงต้องใช้เวลาทำงานแทบทุกวินาทีให้คุ้มค่ามากที่สุด แต่คงต้องยอมรับว่ามีหลายปัจจัยในออฟฟิศที่บ่อนทำลายการทำงานที่เป็นระบบระเบียบของเราจนพังไม่เป็นท่า หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘ความเป็นส่วนตัว’ ที่หนุ่ม ๆ ถูกรุกล้ำจากเพื่อนร่วมงานโดยที่พวกเขาตั้งใจหรือไม่ก็ตาม สาเหตุที่ทำให้คนในออฟฟิศยุคนี้ไม่ค่อยเคารพพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน อาจเป็นเพราะปัจจุบันวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรที่เน้นการพูดคุยและแชร์ไอเดีย จนทำให้ใครหลายคนหลงลืมไปว่าความเป็นส่วนตัวก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ เมื่อเราเริ่มเคยชินกับวัฒนธรรมการทำงานแบบนี้ จนอาจหลงลืมเรื่องการไม่ละเมิดสิทธิต่อเพื่อนร่วมงานลดน้อยลงไปด้วย แถมออฟฟิศหลายแห่งก็ออกแบบให้เปิดโล่งและไม่ได้แบ่งสัดส่วนที่แน่ชัด หวังจะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและช่วยให้คนในออฟฟิศปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น แต่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำลายความเป็นส่วนตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน นี่คือ 3 เหตุผลดี ๆ ที่คุณยังต้องการความเป็นส่วนตัวในที่ทำงาน (ต่อให้ไม่ได้แอบทำงานนอกหรือมีความลับอะไรก็ตาม) เพื่อความคิดสร้างสรรค์ ต้องบอกว่าความเป็นส่วนตัวจำเป็นอย่างมากต่อความคิดสร้างสรรค์ ลองจินตนาการภาพตอนที่คุณนั่งคิดงานเงียบ ๆ คนเดียว กับตอนที่นั่งคิดงานท่ามกลางเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจ มันคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้การทำงานร่วมกันจะไม่สามารถหนีจากการระดมความคิดเป็นหมู่คณะได้ แต่เมื่อใดที่คุณได้ครุ่นคิดบางเรื่องเงียบ ๆ คนเดียว สมองซีกขวาที่มีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ของคุณคงได้ทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งเร้าใด ๆ มารบกวน มีสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้ามากขึ้น นอกจากความเป็นส่วนตัวจะเอื้อประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังทำให้เรามีสมาธิและจดจ่ออยู่กับงานที่ทำมากขึ้นอีกด้วย เราเชื่อว่าการทำงานโดยไม่มีใครมาคอยขัดจังหวะทุก ๆ 5 นาที หรือใส่หูฟังทำงานแบบไม่สนใจบทสนทนาฟุ่มเฟือยของเพื่อนร่วมงาน อาจทำให้หนุ่ม ๆ ทำงานเสร็จรวดเร็วและรอบคอบกว่าเดิมก็เป็นได้ อยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของบริษัท การที่หนุ่ม ๆ ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้และไม่ถูกรบกวนเวลาทำงาน