คุณเคยเห็นคนโดนมัดไหม? น่าจะเคย แล้วคุณเคยเห็นคนโดนมัดแล้วดูมีความสุขปนงดงามหรือเปล่า? คุณอาจสงสัยว่าเมื่อเรือนร่างถูกพันธนาการด้วยเส้นเชือกทบแล้วทบเล่า เนื้อถูกบีบ เรือนร่างถูกเน้น แล้วเราจะรู้สึกเป็นสุข รู้สึกงดงามหรือแม้กระทั่งรู้สึกราวกับถูกปลดปล่อยได้อย่างไร? มนุษย์เราคงไม่อาจถูกปลดปล่อยจากการมัดได้ ถ้าไม่ได้รู้จักชิบาริ (Shibari) ศิลปะแห่งเส้นเชือกจากแดนอาทิตย์อุทัย และหากว่าคุณยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าชิบาริคืออะไร NIHON STORIES จะพาคุณดำดิ่งไปในศาสตร์และศิลป์นี้ไปพร้อม ๆ กัน การใช้เชือกพันธนาการร่างกายเพื่อลงโทษ จุดเริ่มต้นของการนำเชือกมาพันธนาการร่างกายมนุษย์ของชาวญี่ปุ่นไม่ได้เริ่มต้นมาจากเรื่องเซ็กซ์ แต่เริ่มมาจากการมัดเพื่อลงโทษ โดยใช้ศิลปะการป้องกันตัวแบบโบราณที่เรียกว่า โฮโจจุตสึ (Hojojutsu) มาพันธนาการนักโทษทั้งชาย-หญิง เชลยศึกต่างเมือง ตัวประกัน และภรรยาหรือบุตรสาวของขุนนางระดับสูงที่ทำความผิด ซึ่งการมัดจะเริ่มมีบันทึกแน่ชัดช่วงยุคมุโรมาจิ (Muromachi-jidai) แต่แพร่หลายมากในยุคเอโดะ เหตุที่ต้องใช้เชือกมามัดแทนการจับผู้กระทำผิดยัดเข้าตารางเป็นเพราะญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นขาดแคลนทรัพยากรเหล็ก การใช้เหล็กต้องสงวนไว้สำหรับของจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ทำให้คุกแน่นหนามีไม่มากในญี่ปุ่น เชือกจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแทนการขังนักโทษไว้ในลูกกรงเหล็ก จุดมุ่งหมายหลักของการมัดของชาวญี่ปุ่นสมัยโบราณคือ พยายามทำให้ผู้ถูกมัดรู้สึกอับอายคล้ายกับว่าถูกประจาน ผู้ถูกมัดจะรู้สึกทรมานและอยากได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการเร็ว ๆ ซึ่งการมัดเพื่อลงโทษจะสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ 4 ขั้น ตามแต่โทษหนักเบา เริ่มจากระดับแรกคือมัดแล้วโบย ระดับต่อมาคือการมัดแล้วปาหินใส่ ระดับที่สามหนักขึ้นมาอีกด้วยการจับนักโทษมามัดเชือกให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ให้ร่างกายงอเหมือนกุ้งจากนั้นนำไปแขวนเพื่อประจานให้อับอาย ส่วนระดับสุดท้ายจะต้องมัดให้แน่นหนาดิ้นไม่หลุดและทำให้ผู้ถูกมัดรู้สึกทรมานที่สุด แต่ต้องไม่ให้เชือกทำให้ร่างกายนักโทษถึงขั้นหลอดเลือดอุดตันหรือทำลายเส้นประสาท แม้ถูกมัดทิ้งไว้เป็นเวลานาน ซึ่งข้อบังคับเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการมัดเพื่อลงโทษของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณก็มีกฎที่เคร่งครัด เป็นศาสตร์ที่ไม่ใช่การมัดอย่างไรก็ได้ตามใจ
ภาพหญิงสาวในเรือนร่างหลากหลาย บ้างอวบอัด บ้างเพรียวบาง ถูกมัดด้วยเชือกสีแดงสด ยิ่งเน้นหนั่นเนื้อให้นูนโผล่พ้นเส้นเชือกที่พันธนาการออกมา เห็นทีไรก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ ทั้งเรือนร่างและเส้นเชือกที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อพ้นไปจากความดึงดูดและแรงขับทางเพศที่เต้นเร่าอยู่ในตัวเราแล้ว เราเห็นอะไรเบื้องหลังเส้นเชือกและเรือนร่างเหล่านั้นอีก ? สำหรับเรา เราเห็น ไมเนอร์-เพชรดา ปาจรีย์ หรือ Unnamedminor หญิงสาวคนหนึ่งที่หลงใหลการมัดแบบหมดจิตหมดใจ เธอเริ่มต้นจากการมัดตัวเองแบบงู ๆ ปลา ๆ มีอาจารย์เป็นข้อมูลที่หาได้ทางอินเตอร์เน็ต ก่อนจะเริ่มเรียนรู้จาก Mother of Kinbaku อย่างเอาจริงเอาจัง ในวันที่โลกมอง Kinbaku หรือ Shibari (แล้วแต่จะเรียก) อย่างสนใจมากขึ้น ๆ เราจึงมีโอกาสเห็นบทสนทนาที่ว่าด้วยเรื่องนี้จากปากของเธอตามสื่อสารพัดแขนงมากตามไปด้วยเช่นกัน เธอเปิดเปลือยตัวตน พอ ๆ กับที่รัดรึงได้อย่างน่าทึ่ง เราจึงคิดว่าไม่มีอะไรจะงดงามไปกว่าการพาร่างกายไปให้เธอมัด บทสนทนาของเราจึงเป็นบทสนทนาที่ไม่ได้ร้อยเรียงด้วยคำพูด แต่ผูกรัดร้อยเรียงขึ้นมาด้วยเส้นเชือก เธอและเรา “เซ็กซี่ฉิบหาย” นั่นคือแวบความรู้สึกแรกที่พุ่งขึ้นมาในหัวตอนที่เธอเปิดประตูออกมารับ ในขณะที่ชั่วขณะต่อมาเราสัมผัสได้ถึงความมั่นใจและความเป็นตัวเองบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเธอและนั่นยิ่งขับให้เธอดูเซ็กซี่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี ใต้แดดบ่ายสีทอง เรากระซิบกระซาบคุยกันด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไป สลับเสียงหัวเราะของเธอและรอยยิ้มของฉัน จนเมื่อเธอพร้อม ฉันพร้อม ทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น … ความละเมียดละไมอาจเป็นสิ่งท้าย