“เห็นไหม ไม่มีเราเธอก็ทำได้” “เชื่อเหอะ ไม่มีเธอเราทำไม่ได้หรอก” ดู Fast and Feel Love ของ ‘เต๋อ นวพล’ แล้วอินจัง สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ แต่เสพมีมของหนังเข้าไปเยอะจนคิดว่าอันนี้หนังตลกใช่ปะ? คุณคิดถูกครับ (อ้าว) ยังพูดไม่จบ ๆ จะบอกว่านี่คือหนัง Action Comedy ที่พยายามให้เรามองแง่บวกกับชีวิต ถึงแม้หลาย ๆ เรื่องจะยากเกินกว่าหัวเราะออกก็ตาม และไม่ต้องอายที่จะร้องไห้เพื่อความฝัน ในวันที่ชีวิตจริงปล่อยหมัดฮุกใส่ตลอดเวลา เพราะเหล่าตัวละครจะตบบ่าคุณเบา ๆ พร้อมพูดว่า “เราเข้าใจแกว่ะ” หนังเล่าเรื่องของ ‘เกา’ ชายหนุ่มอายุใกล้ 30 ที่พยายามอย่างหนักทุกวันตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อจะเป็นแชมป์ผู้ครองความเร็วที่สุดในโลกของกีฬา Sport Stacking โดยมี ‘เจ’ คอยซัพพอร์ตทุกด้านของชีวิตเสมอ แต่! (เสียงเอฟเฟกต์ฟ้าผ่าเข้า) เจมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถช่วยเกาได้อีกแล้ว และเกาก็ทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากเล่นสแต็ก ภารกิจพิชิตชีวิตประจำวันของเขาก็เริ่มต้นขึ้น ขอใช้พื้นที่ในบรรทัดนี้ขอบคุณ ‘เจ’ ในชีวิตจริงของตัวเอง ที่คอยซัพพอร์ตเสมอ ไม่ว่าทางข้างหน้าของเราจะยังอีกยาวไกลขนาดไหน ขอบคุณจริง ๆ
ณ เวลานี้ไม่มีซีรีส์เรื่องไหนร้อนแรงไปกว่า Stranger Things ซีซั่น 4 ที่นอกจากความเข้นข้นและความสนุกของเรื่องที่เพิ่มขึ้นมากกว่าซีซั่นก่อน ๆ ก็มีตัวละครใหม่ ๆ โผล่ออกมาสร้างสีสันให้กับผู้ชมเช่นกัน และหนึ่งในตัวละคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงต้องยกให้ “Eddie Munson” ที่รับบทโดย Joseph Quinn นักแสดงชาวอังกฤษ วัย 29 ปี ที่เคยผ่านผลงานเรื่อง “Game Of Throne” มาก่อนแล้ว Quinn ถูกทีมงานจับมาเปลี่ยนโฉมใหม่ราวกับคนละคน แต่แค่เรื่องลุคมันก็คงทำให้คนเชื่อไม่ได้เท่ากับอินเนอร์ความเป็นชาวเมทัลที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบทบาท ซึ่งสามารถยืนยันด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ [เนื้อหามีสปอยล์เล็กน้อย] สไตล์การแต่งตัว งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับทีมคอสตูมและทีมสไตล์ลิสต์ที่จัดการเสื้อผ้าหน้าผมของ Quinn ได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มจากทรงผมที่ไว้ผมยาวดูยุ่งเหยิงรุงรัง, สวมเสื้อยืดสามส่วนที่นิยมในกีฬาเบสบอล (และแน่นอนมันคือเสื้อของ Hellfire Club), สวมกางเกงยีนส์เข่าขาด, สนีกเกอร์ที่เด่นด้วยลิ้นรองเท้า และเสื้อยีนส์กั๊กที่ติดแพชวงดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัล นี่คือสไตล์การแต่งตัวในแบบแธรชเมทัล หรือที่เรียกกันว่า “แธรชเชอร์” ซึ่งทั้งแฟชั่นและแนวเพลงได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 80’s ซึ่งตรงกับไทม์ไลน์ในซีรีส์แบบเป๊ะ ๆ อุปนิสัย แม้ว่าชาวเมทัลเฮดจะเป็นคนที่นิยมฟังเพลงหนักหน่วงรุนแรง แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาเหล่านี้หลาย
นอกเหนือจากอาการลุ้นเรื่องราวที่ยังค้างคา รอให้ติดตามบทสรุปใน Stranger Things SS4 Vol.2 ซึ่งกำลังจะลงสตรีมมิ่งในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ เราเชื่อว่าสาวก Stranger Things หลายท่าน คงกำลังอินกับแฟชั่นยุค 80s จากพร็อพและคอสตูมต่าง ๆ ของเหล่าตัวละครในซีรีส์ ที่ทีมงานทำการบ้านมาอย่างดี หาไอเทมมากมายมาให้แต่ละคาแรกเตอร์สวมใส่กันแบบตรงยุค และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไอเทมที่โดดเด้งสะดุดตาออกมาคือนาฬิกาสวย ๆ หลากรุ่นหลายแบรนด์ ที่บอกไปเป็นต้องรู้อายุ เพราะเพียงแค่เห็นโผล่มาในจอแค่ไม่กี่วิ เป็นต้องอุทานด้วยภาษากึ่งไม่ทางการว่า “เชี่ยย นี่มันรุ่นที่เคยอยากได้” หรือ “เฮ้ย เรือนนี้เราเคยมีใส่ไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนนี่นา” งานนี้ใครที่รู้สึกว่านาฬิกาของเหล่าตัวละครใน Stranger Things นั้นมันทัชใจ แต่จำได้แค่คลับคล้ายคลับคลา ไม่ได้รู้ลึกถึงขนาดว่ามันชื่อรุ่นอะไร บอกเลยว่าไม่ต้องไปเหนื่อยค้นหาให้ตาแตก เพราะเราได้รวบรวมลายแทงชื่อรุ่นเด่นจากตัวละครดังเกือบทุกคาแรคเตอร์เท่าที่เราสามารถหาได้ มาให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายนำชื่อรุ่นลากเข้า Google เพื่อสะกดรอยไปตามสอยกลับมาครอบครองให้หายคิดถึง ข่าวดีคือมีหลายเรือนที่วางขายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยได้กลายเป็นงานวินเทจเข้าขั้น Rare Item ที่อาจต้องใช้กำลังกาย บวกกำลังใจ เสริมด้วยกำลังภายในกระเป๋าตังค์ในการตามล่าของดีมาประดับข้อมือ เอาเป็นว่าก่อนจะเวิ่นเว้อไปมากกว่านี้ เชิญไปดูกันเลยดีกว่าว่าตัวละครไหนใส่นาฬิกาอะไรเข้าฉากกันบ้าง เอ้า…
เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้จัก STRANGER THINGS ซีรีส์ย้อนยุคที่ฉายในเน็ตฟลิกซ์มาแล้วสองภาค ว่าด้วยเรื่องเด็กชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับและมีเหตุประหลาดเกิดขึ้นในเมือง ถือเป็นซีรีส์ที่ผนวกความลี้ลับและการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่าระดับความมันส์อยู่ในขั้นสุดและได้ใจผู้ชายหลายคนไปเต็ม ๆ หลังจากปล่อยให้แฟนซีรีส์ทนคิดถึงอยู่นาน STRANGER THINGS ภาค 3 ก็เตรียมลงจอเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ต้องบอกว่าจุดเด่นของซีรีส์ที่เท่ไม่แพ้พล็อตเรื่อง คือสไตล์การแต่งตัวและกลิ่นอายของยุค 80s ที่ทำเอาหลากแบรนด์แฟชั่นต้องจับมาคอลแลปส์กับไอเทมต่าง ๆ ของตน แม้แต่โพลารอยด์เองก็ทนไม่ไหวต้องหยิบความไอคอนิกและดีเอ็นเอสุดเข้มข้นของซีรีส์เรื่องดัง มารังสรรค์เป็นกล้องโพลารอยด์รุ่นพิเศษ ‘ONESTEP 2: STRANGER THINGS EDITION’ ที่ดีไซน์ตัวกล้องให้กลับหัวล้อกันกับโลก upside down แถมออกแบบบอดี้ให้ดูเรียบง่าย ย้อนยุค และสื่อถึงความเป็น STRANGER THINGS ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ตัวบอดี้ดีไซน์ด้วยสีน้ำเงินและสอดแทรกความดุดันด้วยสีแดงดำ เสริมความคลาสสิกอีกทีด้วยฟิล์มโพลารอยด์ 600 แบบดั้งเดิม ทั้งยังผลิตฟิล์ม i-Type รุ่นพิเศษและออกแบบลวดลายบนขอบฟิล์มทั้ง 16 แบบตามสไตล์ยุค 80s บันทึกภาพแบบร่วมสมัยด้วยเลนส์ high-quality 2ft พร้อมจับภาพที่คมชัดและถ่ายภาพได้ดีในสภาพแสงที่น้อยสุดท้าทาย เปิดมุมมอง 41 องศาในแนวตั้งและมุมมองแบบ