หลายคนรู้สึกผูกพันกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานและทำอะไรหลายอย่างร่วมกันมามากมาย โดยไม่ได้เผื่อใจว่าสักวันหนึ่งเขาอาจเปลี่ยนไปจากคนดีกลายเป็นคนที่ทำร้ายเราตลอดเวลา และในเวลานั้น การเดินออกจากความสัมพันธ์จะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะอีกฝ่ายอยู่ในชีวิตของเรามานานเกินไปแล้ว เพราะเวลาทำให้ความสัมพันธ์มันแข็งแรง ต่อให้เราโดนทำร้ายมากแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังรู้สึกสงสารหรือความหลงใหลแบบหน้ามืดตามัว จนยอมอดทนให้เขาทำร้าย และไม่เดินออกจากความสัมพันธ์เสียที หรือ พอตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขาแล้ว พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ (ซึ่งอีกฝ่ายมักพูดไม่จริง) เราก็เกิดอาการใจอ่อน และไม่มูฟออนอยู่เหมือนเดิม เราเรียกความสัมพันธ์แบบนี้ว่าเป็น Trauma Bonding ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อใจของเราเลย เพราะมันทำให้เกิดความเครียด และความทรมานทางจิตขั้นสูง ถ้าเป็นไปได้ เราควรหันหลังให้ความสัมพันธ์แบบนี้ และเดินออกมาให้เร็วที่สุด Trauma Bonding เกิดขึ้นอย่างไร ความสัมพันธ์ประเภทนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มันอาจเกิดขึ้นเพราะเราเข้าใจเหตุผลของผู้ทำร้ายและเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา หรือ เรากลัวการถูกทำร้ายอีกในอนาคต และรู้สึกว่าการหนีออกมาไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัย จึงเลือกที่จะทำให้สิ่งที่จะหนีจากสิ่งที่ตัวเองเผชิญหน้าอยู่ โดยการมองหาข้ออ้างให้การกระทำของพวกเขาถูกต้อง และทำให้การอยู่ในความสัมพันธ์เป็นเรื่องสมเหตุสมผลมากขึ้น นอกจากนเรื่องของจิตใจแล้ว ฮอร์โมนบางตัวก็ทำให้เราเสพติดการอยู่กับคนที่ทำร้ายเราได้เหมือนกัน เช่น ‘โดปามีน’ ที่มักหลั่งออกมาหลังจากที่เราคืนดีกันแล้ว หรือ ‘ออกซิโทซิน’ ที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสคนที่ทำร้ายเรา ฮอร์โมนเหล่านี้อาจทำให้เราเสพติดการอยู่อีกฝ่าย จนไม่ยอมถอยออกมาจากความสัมพันธ์สักที สัญญาณว่าเรากำลังอยู่ใน Trauma Bonding คนที่กำลังอยู่ใน Trauma Bonding มักจะรู้สึกผูกพันหรือรักอีกฝ่ายมาก จนเชื่อว่าพฤติกรรมรุนแรงของอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่มีเหตุผล