เทคนิคเบื้องต้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่แนวเทคนิค

การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ถ้าเคยถามผู้ใหญ่รอบตัว บ้างก็บอกว่าเหมือนแหล่งการพนัน บ้างก็บอกว่าเป็นแหล่งการลงทุน แหล่งเงินมหาศาล พูดถึงตลาดหุ้นขึ้นมา อาจมีหลายคนขยาดเพราะเคยเจ็บช้ำ ขาดทุน เสียเงินให้กับตลาดหุ้นมามาก  ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น เราควรเรียนรู้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะเริ่มลงทุนกันคะ

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น เรามักแบ่งนักลงทุนออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ Value Investor คือเน้นการลงทุนโดยศึกษาปัจจัยพื้นฐานของกิจการ ผลประกอบการ และงบการเงิน ส่วน Technical Analysis คือการใช้กราฟเทคนิคในการวิเคราะห์เลือกลงทุนในหุ้น โดยในบทความนี้เราจะเน้นเรียนรู้ข้อมูลการลงทุนแบบเทคนิคเบื้องต้นมาประกอบการตัดสินใจในการลงทุนกันคะ

นักลงทุนมือใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้น มักจะถอดใจเมื่อเห็นกราฟเขียว-แดงยุ่งเหยิงพันกันไปมา ไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ตรงไหนก่อนดี ทำให้หลายคนไม่ได้เริ่มต้นสักที แต่อย่าพึ่งถอดใจไป เพราะเรามีวิธีทำความเข้าใจกราฟหุ้นแบบง่ายๆมาแบ่งปันค่ะ

รู้จักกราฟแท่งเทียนเบื้องต้น

ก่อนอื่นถ้าคุณยังไม่มีพอร์ตการลงทุนเป็นของตนเอง แหล่งความรู้ที่แรกเรื่องการลงทุนที่เราแนะนำคือ SET.or.th และถ้าคุณอยากเริ่มดูกราฟหุ้น โปรแกรมฟรีในอินเตอร์เน็ตที่เราแนะนำก็มี Chart.investor.co.th ส่วนคนที่เปิดพอร์ตเรียบร้อยแล้วพลาดไม่ได้เลยกับโปรแกรม Efin StockPickUp เพราะโปรแกรมนี้คุณสามารถใส่ Indicator เทคนิคมากมายที่เหมาะกับการลงทุนสไตล์คุณได้ ก่อนอื่นสำหรับมือใหม่เวลาเปิดจอ เจอกราฟหุ้น อย่าพึ่งตกใจว่าทำไมดูไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วมันดูไม่ยากเลย  ก่อนอื่นเรามารู้จักแท่งเทียนกันก่อนค่ะ

จากกราฟเขียวแดงขึ้นลงเต็มไปหมด หรือบ้างจะเป็นสีฟ้าหรือแดง ให้เราเริ่มดูทีละแท่งนะคะว่ามีความหมายอย่างไรกันบ้าง จากภาพประกอบด้านบนแท่งเขียวเราขอให้แสดงถึงความดีงามในตลาดหุ้น ส่วนเจอแท่งแดงเมื่อไร คุณอาจจะพบความขาดทุนได้ในวันนั้น

ที่นี้มาดูตัวอย่างง่ายๆเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นค่ะ  ถ้าดูตามแท่งสีแดง แสดงว่าวันนี้ราคาปิดของหุ้นตัวนี้จะอยู่ที่ 9 บาทนะคะ  แปลว่าถ้าตอนเช้าคุณซื้อที่ 10 บาท  วันนี้คุณจะขาดทุนทั้งหมด 1 บาท ต่อราคาหุ้นค่ะ  ส่วนแท่งสีเขียว หากตอนเปิดตลาดหุ้น คุณได้เข้าซื้อตอนราคาต่ำสุดที่ 8 บาท วันนี้คุณจะโชคดีได้กำไร 2 บาท เพราะแท่งสีเขียวปิดที่ 10 บาทค่ะ

รู้จัก TREND เบื้องต้น

การที่จะวิเคราะห์การลงทุนในตลาดหุ้นได้ เราต้องมองเทรนด์แนวโน้มของตลาดให้ออกว่าจะไปในทิศทางไหน  โดยแนวโน้มของในตลาดมี 3 แบบคือ

1. UPTREND                 แนวโน้มตลาดขาขึ้น เหมาะกับการเข้าเทรด

2. SIDEWAYS TREND   แนวโน้มแบบเคลื่อนตัวไปด้านข้างแบบฟันปลา กราฟช่วงนี้แยกได้ออกเป็นแบบช่วงพักตัว ซึ่งสามารถมีแนวโน้มต่อไปคือเป็น ขาลงเต็มที่ หรือ ขาขึ้นเต็มที่ก็ได้ และมักเป็นช่วงที่นักลงทุนส่วนมากขาดทุนเสมอถ้ามองเทรนด์ภาพใหญ่ไม่ออกกัน

3. DOWNTREND          แนวโน้มขาลง ตลาดเป็นแบบวิ่งลงอย่างเดียว หากจะลงทุนในช่วงนี้อาจมีการเก็งกำไรระยะสั้นในช่วง Rebound ได้ ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากเป็นพิเศษนะคะ

การมองเทรนด์ของตลาดหุ้นให้ออก จะเป็นการช่วยให้เราวางแผนการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ว่าควรแบ่งรับ แบ่งสู้อย่างไรกันบ้าง ยิ่งตลาดหุ้นในช่วงนี้เทรนด์ตลาดหุ้นอยู่ใน sideway trend จะเป็นช่วงที่ค่อนข้างวางแผนการเล่นได้ยากเพราะต้องลุ้นว่าจะทะลุขึ้น หรือลงกันแน่

รู้จักเส้นค่าเฉลี่ย EMA – Exponential Moving Average

ในการวิเคราะห์แนวโน้ม อีกเทคนิคหนึ่งที่นักลงทุนนิยมนำมาใช้คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่  โดยการคำนวณหาเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบพื้นฐาน  วิธีง่ายๆ คือนำราคาปัจจุบัน และราคาวันก่อนหน้านี้มารวมกัน และหารด้วยวันที่ต้องการเฉลี่ยทั้งหมด ซึ่งจำนวนวันเฉลี่ยที่ใช้ จะขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการที่จะวิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้น กลาง หรือระยะยาว

โดยส่วนมากช่วงเวลาที่นักลงทุนส่วนมากใช้จะมีดังนี้

10 วัน   ใช้สำหรับนักลงทุนระยะสั้น

25 วัน   ใช้สำหรับนักลงทุนระยะค่อนข้างปานกลาง

75 วัน   ใช้สำหรับนักลงทุนระยะกลาง

200 วัน ใช้สำหรับนักลงทุนระยะยาว

ส่วนเวลาที่จะหาสัญญานซื้อหรือขาย เพื่อให้เข้าใจง่ายคือ ค่าเฉลี่ยวันน้อย ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเส้นมาก คือสัญญานซื้อ และค่าเฉลี่ยวันมาก ตัดเส้นค่าเฉลี่ยน้อยลงมา คือสัญญานขาย

ยกตัวอย่างตามกราฟด้านบน ให้เส้นสีแดงเป็น EMA 5 และ เส้นสีเหลืองเป็น EMA 10 เมื่อเส้น EMA 5 ตัดเส้น EMA 10 ลง เป็นสัญญานให้ขาย และเมื่อ EMA 5 ตัดเส้น EMA 10 ขึ้นหมายความว่าเป็นสัญญานให้เข้าซื้อได้

อย่างไรก็ดี การใช้ EMA เป็นเพียงส่วนประกอบในการมองแน้วโน้มของราคาเท่านั้น ดังนั้นเราควรใช้เทคนิคอื่นๆประกอบในการเลือกซื้อ-ขายหุ้นด้วยนะคะ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเทคนิคการลงทุนเบื้องต้นที่เราควรเรียนรู้ ความจริงแล้วการลงทุนด้านเทคนิคยังมีเครื่องมืออีกหลายอย่างที่นักลงทุนต้องหาความรู้เพิ่มเติมเช่น RSI MACD FIBONACCI ELLIOT WAVE ซึ่งเราจะนำข้อมูลมาแชร์เพิ่มเติมในบทความต่อๆไป และนอกจากความรู้ด้านเทคนิค สิ่งที่สำคัญอีกอย่างขาดไม่ได้คืออุปกรณ์ในการเทรด โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่พวกเราต้องเดินทางในเมืองตลอดเวลา การใช้มือถือเทรดบ่อยๆอาจจะไม่สะดวกมากนักและมีข้อจำกัดเยอะในการใช้กราฟเทคนิค ดังนั้นการเลือกโน๊ตบุ๊คที่บาง พกพาสะดวก น้ำหนักเบา รองรับการใช้โปรแกรม Window หรือโปรแกรมดูกราฟหนักๆได้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนสายเทคนิคมาก ที่เราใช้ประจำก็เครื่อง ACER ASPIRE S7 ที่บางเบา สามารถสัมผัสหน้าจอได้ด้วย Tough Glass Design ตีกราฟได้สะดวกด้วยปลายนิ้ว ยกไปเทรดที่ไหนก็สบาย ดีไซด์ดูดี แถมยังสามารถปรับหน้าจอได้ 180 องศาแบ่งเพื่อนดูจอได้สบายเลยค่ะ

สุดท้ายนี้การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นควรศึกษาข้อมูลกิจการบริษัทที่จะลงทุนให้ดีก่อนที่จะเลือกซื้อ-ขาย ลงทุนในตลาดหุ้นนะคะ ศึกษาให้มาก แล้วคุณจะได้อะไรดีๆจากตลาดหุ้นอีกเยอะค่ะ ติดตามความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนได้เพิ่มเติมในตอนต่อไปนะคะ