แรงบันดาลใจจาก CEO หนุ่ม “Dan Price” ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็น The Best Boss In America

ถ้าหากลองมองย้อนกลับไปในปี 2011 มันมีภาพยนตร์อยู่เรื่องหนึ่งที่จุดไฟ และเป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นหลายคน พยายามที่จะลุกขึ้นมาทำธุรกิจของตัวเองกันเป็นแถว โดยภาพยนตร์ที่ว่านี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากชีวิตเบื้องลึกของ ต๊อบ อิทธิพัฒน์ หรือที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะเจ้าของธุรกิจสาหร่ายเถ้าแก่น้อย แต่นอกจากในประเทศของเราแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีเรื่องราวอะไรทำนองนี้เช่นกัน จริงอยู่ที่มันเป็นเรื่องยาก ที่คนคนนึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้นเลข 2 ด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเว็ปไซต์ชื่อดัง Facebook ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน แต่นอกจาก Mark Zuckerberg แล้ว ยังมีหนุ่มนักธุรกิจอีกคนนึงที่น่าจับตามอง และน่าเอาเป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ Dan Price หนุ่มมาดเซอร์วัย 32 ปี ซึ่งได้รับการกล่าวขานให้เป็น The Best Boss In America เลยทีเดียว เมื่อมีการยกย่องกันขนาดนี้ มันจึงต้องมีอะไรไม่ธรรมดาอยู่เบื้องหลังแน่ๆ วันนี้เราจึงขอนำเอาเรื่องราวเจ๋งๆ ของผู้ชายคนนี้ มาให้กับชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน รับรองว่า คุณจะต้องชื่นชม และได้รับแรงบันดาลใจจากหนุ่มเซอร์คนนี้กันไปแบบเต็มๆ อย่างแน่นอน

สำหรับ Dan Price เป็นนักธุรกิจ และเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท Gravity Payment ซึ่งเป็นธุรกิจบริการระบบจ่ายชำระเงินผ่านบัตรเครดิต  แต่ก่อนหน้าที่ Dan Price จะมีทุกวันนี้ได้นั้น เค้าเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อเค้ามีอายุได้ 19 ปี และยังอยู่ในช่วงที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย ได้ตัดสินใจเดินตามความฝันของตัวเอง จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ และนำเค้าเข้าสู่เส้นทางของธุรกิจ Startup ที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทในเวลาต่อมา

ในขณะที่มีคนมากมายกำลังพยายามอ่านหนังสืออย่างหนัก ด้วยความหวังที่จะจบการศึกษาออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยสวยๆ เพื่อนำมาเป้นตัวช่วยในการหางานดีๆ ทำ แต่ Dan Price กลับมองเห็นถึงช่องทางที่ดีกว่าด้วยมุมมองอันเฉียบแหลม ในขณะที่มีผู้คนมากมายหันมาเปิดกิจการเป็นของตัวเองเหมือนๆ กันหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, ร้านขายเสื้อผ้า หรือร้านอะไรก็ตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็ดูเป็นไปได้สวยสำหรับคนเหล่านั้น แต่สำหรับ Dan Price ชายหนุ่มวัย 19 ปีในขณะนั้น กลับมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในทุกๆ ธุรกิจ นั่นก็คือ การชำระเงินที่ยุ่งยาก และมีค่าใช่จ่ายที่ค่อนข้างสูง Dan จึงเริ่มคิด และศึกษาในเรื่องของระบบการชำระเงินอย่างจริงจัง จนกลายเป็นผู้รู้จริง และออกให้ปรึกษา รวมไปถึงการแนะนำอุปกรณ์ที่ช่วยให้การชำระเงินสะดวกขึ้น จนสุดท้ายตัวเค้าเอง ก็ได้หันมาเป็นผู้ผลิต และพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชำระเงินด้วยตัวเอง และนั่นคือ ที่มาของการก่อตั้ง บริษัท Gravity Payment

ที่น่าสนใจก็คือ Dan Price สามารถสร้างบริษัทของเค้าให้เจริญเติบโตขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่บริษัท Gravity Payment ของเค้าไม่ได้ตั้งอยู่ในเขต Silicon Velley และอยู่ในรัฐที่แทบจะไม่มีนักลงทุนคนใด ให้ความสนใจใช้บริการของเค้าเลย แต่บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปัจจุบัน Gravity Payment  ได้กลายเป็นผู้ที่คอยดูแลยอดชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นจำนวนเงินมหาศาลกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้ถล่มทลายถึง 4,950 ล้านบาท

เมื่อบริษัทใหญ่ขึ้น จำนวนของพนักงานก็ย่อมต้องเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบสุดๆ ต้องสะดุดชนิดที่เรียกได้ว่า หัวทิ่มหัวตำจากพิษของการตกต่ำของค่าเงิน และเศรษฐกิจ ในช่วงนั้นเองที่บริษัทต่างๆ ได้ทำการลดจำนวนพนักงานลงโดยการไล่ออก, สั่งพักงาน และปรับลดเงินเดือนลง  เพื่อที่จะคงความอยู่รอดขององค์กรให้อยู่เหนือขีดอันตรายจากภัยเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัท Gravity Payment ของ Dan Price ก็โดนปัญหาเศรษฐกิจเล่นงานไปด้วยเช่นกัน ทำให้พนักงานของเค้าทุกคนเริ่มกังวล และมีอาการจิตตก เพราะกลัวว่าจะโดนไล่ออก, โดนสั่งพักงาน หรือโดยลดเงินเดือนเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา

แต่สิ่งที่ Dan Price ทำนั้น ต้องทำให้พนักงานทุกคนต้องอึ้ง และซาบซึ้งสุดๆ เมื่อ CEO หนุ่มมาดเซอร์ของพวกเค้า ได้ประกาศออกมาว่า “ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในมนุษย์เงินเดือน และเคยประสบปัญหาจากการลดเงินเดือนลงชนิดโหดร้าย จนคิดว่านายจ้างกะจะให้ผมอดข้าวตายก่อนจะถึงสิ้นเดือนมาแล้วเช่นกัน” เค้ายังบอกต่ออีกว่า “เงิน เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะกับชีวิตของพนักงานบริษัททุกคน”

ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้าย ภายในบริษัท Gravity Payment ก็กลับมีบรรยากาศที่ตรงกันข้าม เมื่อ Dan Price ผู้ซึ่งเป็นถึง CEO ได้ประกาศว่าจะไม่มีการไล่พนักงาน, ไม่มีการสั่งพักงาน และไม่มีการลดเงินเดือน แต่ในทางตรงกันข้าม เค้าจะเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงานทั้งหมด 70 คน สูงขึ้นเป็น 2 เท่าตัว โดยมีค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 2.3 ล้านบาทต่อปี จากค่าจ้างขั้นต่ำเดิมที่ถูกตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านบาทต่อปี ทำเอาพนักงานทั้งหมด ถึงขั้นช็อคตาตั้ง นึกว่าหูฝาดกันทั้งบริษัทกันเลยทีเดียว

โดยเงินที่เค้าได้นำมาเพิ่มให้กับพนักงานของเค้านั้น ก็ไม่ได้ไปเอามาจากที่ไหน เพราะมันเป็นเงินเดือนส่วนตัวของเค้าที่ได้รับอยู่ ซึ่งรวมแล้วตกอยู่ที่ราวๆ 33 ล้านบาทต่อปี ในฐานนะผู้ก่อตั้งธุรกิจ และผู้ดำรงค์ตำแหน่ง CEO ของบริษัท  มันจึงหมายความว่า ตัวเค้าจะมีเงินเดือนลดลงประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี โดย Dan Price ปรับเงินเดินตัวเองจาก 33 ล้านบาทต่อปี ให้เหลือเพียง 2.3 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับเงินขั้นต่ำของบริษัทที่เค้าได้ตั้งใจกำหนดขึ้นด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเพิ่มการอัดฉีดเงินโบนัสให้พนักงาน โดยการนำเงินจากผลกำไรที่ได้ของบริษัทส่วนหนึ่ง มาเป็นงบในการตบรางวัลให้กับพนักงานบริษัทที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ทันทีที่การประกาศของ Dan Price จบลง พนักงานทั้งหมดต่างซาบซึ้งกับความใจกว้างของเค้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่มีการโดนไล่ออก หรือตัดเงินเดือนเหมือนกับบริษัทอื่นๆ ที่ทำแบบนั้นกันแทบจะทั้งประเทศแล้ว ยังกลับกลายเป็นว่า พนักงานส่วนใหย่มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับตั้งหลักดาวน์บ้านดาวน์รถกันเลยก็มี Dan Price ได้แสดงออกถึงความเป็นห่วงพนักงานของเค้าในขณะที่เศรษฐกิจกำลังดิ่งลงเหว และประชาชนซึ่งเป็นพนังงานบริษัทส่วนใหญ่ เริ่มมีปัญหาในเรื่องของความเครียด จากรายรับ และรายจ่าย จึงเพิ่มเงินค่าจ้างให้ เพื่อให้นำไปใช้สอยดำรงค์ชีพได้โดยไม่ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และอยากให้พนักงานทุกคนมีความสุข เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก  จนทำให้ชื่อของ Dan Price กลายเป็นที่พูดถึงในฐานะ The Best Boss In America เลยทีเดียว

หลังจากนั้น พนักงานทุกคนต่างมีความสุข และตั้งใจทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของ CEO ผู้นี้เป็นอย่างมาก Dan Price ที่ถึงแม้ว่า ในตอนแรกจะมีรายได้สูงถึง 33 ล้านบาทต่อปี กลับกลายเป็นมีรายได้เท่ากับพนักงานขั้นต่ำสุดในบริษัท อีกทั้งยังต้องย้ายออกจากบ้านหลังโตที่เคยอยู่อาศัยในช่วงที่มีรายได้เปนกอบเป็นกำ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้จ่ายเป็นเงินคาจ้างของพนักงานเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น Dan ก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และเรียบง่ายตามสไตล์ผู้ชายเซอร์ของเค้าได้อย่างน่ายกย่อง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ได้ใจของลูกน้องทั้งบริษัทได้อย่างไร

ข่าวนี้ดูเหมือนจะค่อยๆ เงียบหายไปตามกาลเวลาที่ร่วงเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคลิป VDO หนึ่ง ถูกเผยแพร่ไปในสื่อออนไลน์ และมีคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ  นั่นก็เพราะว่า มันเป็นคลิปการเซอร์ไพร้วันเกิดของ Dan Price  จากพนักงานบริษัททุกๆ คน โดยของขวัญที่พนักงานทุกคนร่วมกันซื้อให้กับ Boss ของเค้าก็คือ รถยนต์ Tesla Model S ที่พนักงานทุกคนรู้ดีว่า มันเป็นรถในฝันของ Dan และตัว Dan เอง ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากได้มันมาโดยตลอด

โดยการมอบของขวัญให้กับ Dan Price ครั้งนี้ เป็นการตอบแทนในสิ่งที่ CEO หนุ่มคนนี้เคยทำให้ และแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะผ่านมาแล้วถึง 2 ปี กับอีก 4 เดือน แต่พวกเค้ายังคงซาบซึ้ง และไม่มีทางจะลืมความรู้สึกในวันนั้นได้เลย

“ในฐานะของพนักงาน Gravity ทุกคน พวกเราได้ช่วยกันเก็บเงินคนละนิดละหน่อย มาตลอดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา  และตัดสินใจร่วมกันว่า เราจะนำเงินไปซื้อรถในฝันของ Boss มาเซอร์ไพร้เป็นของขวัญวันเกิด”

และต่อไปนี้ คือ VDO ช่วงเวลาที่พนักงานทุกคน มอบของขวัญให้กับ Dan Price ที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่า พนักงานจะจัดงานวันเกิด และจะมีของขวัญมามอบให้กับตัวเค้าเอง

นี่แหละ Dan Price ชายหนุ่มผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แค่เฉพาะเรื่องการที่เค้าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วก็ถือว่า น่าชื่นชมอยู่แล้ว แต่การที่เค้าแสดงออกถึงความเป็นนำที่ยอดเยี่ยม ที่เป็นห่วงเป็นใยพนักงานมากขนาดนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า เค้าเป็นผู้ชายที่ใจกว้าง และน่ายกย่องเป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากเรื่องราวเหล่านี้ การใช้ชีวิต Lifestyle และการทำงานของผู้ชายคนนี้ ถ้าหากได้ลองหาข้อมูลของเค้าเพิ่มเติมกันดูจะรู้เลยว่า มันช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวคุณเองได้มากจริงๆ

SOURCE, SOURCE2, SOURCE3