DESIGN

THE PROFILES: PAUL ALTIERI เซียน ROLEX ที่มองเรื่องราวของนาฬิกาสำคัญกว่าคำว่ารุ่นหายาก

By: TOIISAN March 24, 2020

ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย เรือนเวลาที่สุภาพบุรุษส่วนมากมักให้ความสนใจคงหนีไม่พ้น Rolex เพราะมันคือหนึ่งในสัญลักษณ์ความเท่ก้าวผ่านกาลเวลา เป็นตัวแทนของความภูมิฐานมีระดับ ด้วยเหตุผลหลายอย่างจึงทำให้นาฬิกาสัญชาติสวิสนามว่า Rolex กลายเป็นนาฬิกาขวัญใจของใครหลายคนอย่างไม่ยากเย็น รวมถึงชายที่ชื่อว่า Paul Altieri ด้วยเช่นกัน

ชายชาวอิตาลีนามว่า Paul Altieri เป็นผู้ก่อตั้ง Bob’s Watches บริษัทขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนนาฬิกาแบรนด์หรูทั้ง Rolex, Patek Philippe, Omega, Tudor, Panerai และ Cartier โดยการจัดประมูล สร้างเว็บไซต์ให้เหล่าคนหลงรักนาฬิกาแบรนด์นี้เข้ามาพูดคุยและตามหาเรือนเวลารุ่นที่ใช่ 

ถ้าเป็นการซื้อขายผ่านหน้าร้านหรือแข่งขันกันแย่งชิงในงานประมูล ผู้คนก็จะอุ่นใจว่านาฬิกาที่ได้ต้องเป็นของแท้ แต่สำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันบนเว็บไซต์อาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย คนขายก็กลัวว่าจะไม่ได้เงินส่วนคนซื้อก็กลัวว่า Rolex ที่ตัวเองได้มาจะเป็นของปลอม

Paul ผู้รักนาฬิกาตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเขาก็หลงใหลนาฬิกาแบรนด์นี้ไม่น้อยกว่าใคร การสร้างเว็บไซต์ของเขาดำเนินไปอย่างรัดกุม Paul ทีมงานของเขานำนาฬิกาที่จะวางจำหน่ายบนเว็บไซต์มาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าเรือนเวลาเป็นของแท้และอยู่ในสภาพดีเยี่ยม 

Paul พูดเสมอว่านาฬิกา Rolex GMT Black & Blue ที่ผู้คนเรียกกันว่ารุ่นแบทแมน ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม Rolex มาโดยตลอด ตัวเขาเองก็ชอบสวมใส่นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้อยู่บ่อย ๆ พร้อมมอบความรู้เท่าที่ตัวเองมีเกี่ยวกับ Rolex ทั้งสไตล์สมัยใหม่และแบบวินเทจ เพื่อช่วยให้คนที่ชื่นชอบนาฬิกาเหมือนกับเขาได้ค้นหา Rolex ที่เหมาะกับข้อมือของแต่ละคน ตอนนี้เว็บ Bob’s Watches ที่เขาสร้างก็กลายเป็นตลาดออนไลน์แลกเปลี่ยน Rolex ใหญ่ที่สุดในโลกไปเสียแล้ว

“นาฬิกาไม่ได้มีหน้าที่แค่บอกเวลาเท่านั้น” – Paul Altieri 

สิ่งที่นักนาฬิกาทั่วโลกต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับ Paul Altieri คือของสะสมของเขา นาฬิกา Rolex ถูกดูแลอย่างดีหลายสิบปีบ่งบอกถึงความรักที่พยายามนำเสนอความก้าวหน้าทาง horoligical ของ Rolex แต่ละเรือนที่ Paul ได้มาก็มีเรื่องราวแตกต่างกัน แถมพอนาฬิการุ่นเหล่านี้เปิดตัวสู่สายตามหาชนราคาก็พุ่งสูงกว่าป้ายราคาไปหลายเท่าตัว 

 

GMT-MASTER Ref.6542 
“TROPICAL DIAL CIRCA 1959”

Rolex GMT-Master Ref.6542

GMT-Master เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1955 ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้นักบินมีเครื่องบอกเวลาที่สามารถบอกได้สองเขตในเวลาเดียวกัน (dual-time) เพราะการเดินทางข้ามทวีปหรือข้ามเขตประเทศทำให้ไทม์โซนของเวลาเปลี่ยนไป Rolex สามารถบอกได้สองเวลาจึงกลายเป็นนาฬิกายอดฮิตของเหล่านักบิน 

สำหรับนาฬิกาข้อมือ GMT-Master Ref.6542 จะถูกผลิตขึ้นช่วงปี 1954-1959 โดย “Tropical Dial circa” ที่ Paul ได้มาคือรุ่นที่ผลิตในปีสุดท้าย กรอบอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน-แดง มองแทบไม่เห็นสีเพราะผ่านเรื่องราวมามากมายเข้ากันได้ดีกับตัวเรือนทำจากสเตนเลสตีลกับสายหนังดั้งเดิมเต็มไปด้วยรอย แต่กลับมีราคาสูงถึง 200,000 เหรียญ (6.6 ล้านบาท) 

Paul Altieri เล่าถึงที่มาของนาฬิกาเรือนนี้ว่าเขาได้มาจากลูกชายของนักบินคนหนึ่ง พ่อของคนขายเกิดปี 1909 สร้างชื่อในกองทัพสหรัฐอเมริกาปี 1930 และเกษียณในปี 1970 เรือนเวลานี้พบเจอเรื่องราวมากกว่าตัวของ Paul Altieri เองด้วยซ้ำ เพราะมันเคยอยู่บนข้อมือของนายทหารจากยุคแห่งความขัดแย้งระหว่างประเทศมาหลายครั้งหลายคราทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 แวะเวียนไปยังสงครามเวียดนามและสงครามเกาหลี Paul Altieri จึงมองว่านาฬิกาที่เขาได้มาไม่ได้มีหน้าที่บอกเวลาเท่านั้นแต่ยังเป็นตัวแทนส่งต่อประวัติศาสตร์น่าทึ่งมาให้เขา 

 

GMT-MASTER Ref.6542 
“CIRCA 1959”

Rolex GMT-Master Ref.6542

GMT-Master Ref.6542 รุ่นเดียวกับเรือนที่ถูกเล่าไปก่อนหน้านี้ แต่มีหน้าตาแตกต่างกันตรงสายนาฬิกาสีน้ำตาลอ่อนกับขอบหน้าปัดสมบูรณ์กว่า ส่งให้ Rolex เรือนนี้มีมูลค่าสูงถึง 275,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 9 ล้านบาท)

Paul Altieri เล่าถึงนาฬิกาเรือนนี้ว่าบุคคลก่อนหน้าที่ครอบครอง Circa 1959 เดินทางไปยังไกลสุดของมุมโลก ชายคนนั้นซื้อนาฬิกาข้อมือจากร้าน Rolex ในเมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่โด่งดังเรื่องทิวทัศน์ ลงไปยังเหมืองทองแดงใต้ดินลึก 1,300 เมตร ในเมืองเล็ก ๆ ของประเทศแซมเบียที่ทวีปแอฟริกาใต้

ร่วมเดินทางกับเจ้าของไปยังประเทศลิเบีย ผ่านทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา เดินทางระหว่างอัมมานไปแบกแดดในปี 1980 ขึ้นสู่ยอดพิระมิดของประเทศอียิปต์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายที่เรียกว่า ‘รอยขีดข่วน’ สลักไว้เป็นของแถม ซึ่ง Paul Altieri ไม่แน่ใจว่าเจ้าของนาฬิกาคนก่อนหน้าทำอาชีพอะไร แต่เขาเป็นนักผจญภัยที่ยอดเยี่ยมที่ชอบสวมใส่ GMT-Master ไปทุกการเดินทาง

GMT-Master คือนาฬิกาที่ Rolex ออกแบบมาสำหรับนักเดินทางโดยเฉพาะ การที่ Circa 1959 เรือนนี้ผจญภัยไปหลายสถานที่ถือว่ามันได้บรรลุเป้าหมายแท้จริงไปเรียบร้อยแล้ว

 

GMT-MASTER Ref.6542 
“Circa 1958”

Rolex GMT-Master Ref.6542 “Circa 1958”

GMT-Master Ref.6542 “Circa 1958” ถูกเรียกว่าเป็น “นาฬิกาข้อมือตัวอย่าง” เรือนเวลาสีทองเหลืองรุ่นแรก มาพร้อมกับกรอบอะลูมิเนียมสีแดง ตรงโลโก้บนหน้าปัดไม่มีฝาครอบมงกุฎมีมูลค่า 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5 ล้านบาท) 

ย้อนกลับไปยังที่มาของนาฬิกาเรือนนี้ Paul Altieri กล่าวว่าเจ้าของเดิมเป็นแพทย์นักเรียนทุนจาก North Carolina เขาไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมาตั้งแต่แรกติดไปทางยากจนด้วยซ้ำ แต่การที่เขาสามารถเก็บเงินซื้อนาฬิกา Rolex ได้สักเรือนนั้นเป็นเพราะความพยายามจากการทำงานหนัก จากนักเรียนทุนโตมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญเรื่องการทำศัลยกรรมพลาสติก และเป็นหนึ่งในทีมบุกเบิกพัฒนางานวิจัยการปลูกถ่ายอวัยวะปี 1970 มีส่วนทำให้วิทยาการด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ พัฒนาไปอย่างราบรื่น 

 

Rolex GMT-Master Ref. 1675 Circa 1966

Paul Altieri ดูเหมือนจะปลาบปลื้มกับที่มาของนาฬิกาเรือนนี้มากเป็นพิเศษ เขาบอกว่าเจ้าของเดิมเป็นชายที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาก ๆ จากเด็กจน ๆ มาเป็นคนสำคัญต่อวงการแพทย์ ถึงแม้เขาจะมีเงินเยอะมากแต่ไลฟ์สไตล์ของชายคนดังกล่าวก็ยังถ่อมตนเหมือนเดิม เขาไม่ค่อยซื้อของแพง ๆ แต่สำหรับ Rolex GMT-Master เรือนนี้ถือเป็นข้อยกเว้นเดียวจริง ๆ เพราะการได้ครอบครองเรือนเวลามันคือความฝันของคนที่หลงใหล Rolex 

Rolex GMT-Master Ref.1675

สังเกตว่าของสะสมของ Paul Altieri จะเป็นนาฬิกาวินเทจของ Rolex รุ่น GMT-MASTER Ref.6542 เป็นส่วนมาก จริง ๆ แล้วยังสะสมนาฬิกาวินเทจอีกหลายรุ่นด้วยกันเช่น GMT-Master Ref.1675 แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าความเก่าโคตรหายากคือเรื่องราวน่าประทับใจ แต่ละเรือนมีการเดินทางแตกต่างกัน เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอัดแน่นอยู่ในนาฬิกามีค่ามากกว่าความหายากหรือนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบเดินตรงหรือไร้รอยขีดข่วน เพราะนาฬิกาแบบที่ว่าเขาสามารถหาซื้อจากไหนก็ได้

Paul พึงพอใจกับนาฬิกาที่เขาได้มาแม้ว่ามันจะมีรอยของการผจญภัยอยู่เต็มไปหมดก็ตาม และคงมีนักสะสมนาฬิกาหลายคนที่คิดเหมือนกับเขาจึงทำให้นาฬิกาข้อมือเก่า ๆ รูปลักษณ์ภายนอกไม่สมบูรณ์แบบมีราคาสูงหลายล้านบาท 

“เราสามารถเห็นมุมมองความคิดของคนได้จากงานอดิเรก ความชอบ และของสะสมของเขา”

 

SOURCE 1 / 2 / 3 / 4

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line