เคล็ดลับการวิ่งบน Treadmill เพื่อเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีใครที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งบน Treadmill หรือลู่วิ่งกันบ้างคะ Treadmill เนี่ย ถือเป็นอุปกรณ์สามัญประจำฟิตเนสเลยก็ว่าได้ บางคนก็มีเจ้าอุปกรณ์นี้ตั้งไว้ที่บ้านเลย แต่หลายคนก็เอามันมาตากผ้าเช็ดตัวไปซะแล้ว แรกๆ ซื้อมาก็เห่อ แต่พอวิ่งไปสักพักก็เหนื่อยบ้างล่ะ ไม่มีเวลาบ้างล่ะ แน่นอนอยู่แล้วการออกกำลังกายมันใช้กำลังใช้แรงมันก็เหนื่อยอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าคุณเป็นอีกคนที่วิ่งเท่าไรๆ ก็น้ำหนักไม่ลดซะที วันนี้ UNLOCKMEN มีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำค่ะ

การใช้ Treadmill นั้นเป็นการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ ที่ส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ ซึ่งประโยชน์ที่ได้ก็มีมากทั้งกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น เพิ่มเมตบอลิซึ่มให้ร่างกาย โดยสามารถทำได้ทั้งการวิ่งและเดิน อย่างสมัยตอนที่เราเข้าฟิตเนสเราจะเน้นไปที่การเดิน เพราะว่ามันจะไม่หอบเท่าตอนวิ่ง และปรับการชันของเครื่องให้เดินยากขึ้น แล้วก็ปรับความเร็วให้เหมือนการเดินเร็วๆ น้ำหนักก็ลดหายไปเยอะ กล้ามเนื้อก็โผล่มาทันที นอกจากนี้ยังมีการวิ่งเร็วๆ วิ่งจ๊อกกิ้ง ให้ทำแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนอีกด้วย และเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะช่วยให้การวิ่งบนลู่วิ่งเบิร์นไขมันได้ดีบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ

– เริ่มจากการ Warm Up ไม่ใช่ว่าขึ้นมาบนลู่แล้วคุณจะไปให้มันเร็วที่สุดเลยแบบนี้ไม่เวิคแน่ๆ อาจจะหน้ามืดเป็นลมได้ทันที ค่อยๆ เริ่มเดินช้าๆ เดินเร็วๆ แล้วค่อยปรับไปสู่การวิ่งเมื่อร่างกายพร้อมแล้ว

– Walking Interval และ Running Interval ก่อนอื่นเราต้องมาเรียนรู้ก่อนว่า Interval ในที่นี้คืออะไร Interval เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ออกซิเจนเข้าไปสู่ร่างกายได้สูงสุด ถ้าเราสามารถเพิ่มค่าของมันได้ เราก็จะออกกำลังได้นานขึ้น และหนักขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเดินช้าๆ อยู่ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเดินอย่างรวดเร็ว สลับไปมา เรามีตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้

สำหรับ Walking Interval ลองเริ่มต้นง่ายตามตารางนี้ดูก่อนค่ะ ลองปรับ intensity ตามนี้ แล้วลองดูผลที่ได้

mph เป็นความเร็วในการวิ่ง ลองสังเกตดูว่าตัวเลขจะเป็นการสลับไปมา ลองฝึกฝนดูค่ะ แต่มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าอย่าหักโหมจนเกินไป สำหรับตัวเลขระยะเวลาการออกกำลังนั้นอยากให้ลองเพิ่มดูด้วยนะคะ อาจจะเพิ่มเข้าไปช่วงละหนึ่งนาที เพราะการวิ่ง Treadmill ที่ดีนั้น ไม่ควรต่ำกว่า 30 นาที และที่สำคัญคืออย่าหยุดค่ะ ทำไปอย่างต่อเนื่องถึงจะได้ผล อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก็คือท่าทางหลังต้องตรง มือและแขนไม่ควรจะปล่อยให้มันกางออก หรือยืนเก็บ ควรแกว่งไปมาซ้ายขวาๆ เพื่อบาลานซ์การวิ่งของคุณด้วย ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ หรือถ้าใครรู้สึกว่าการวิ่งแบบ interval ยากเกินไปเราก็แนะนำให้เริ่มจากการวิ่งหรือเดินในเวลา 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ และอย่าลืมที่จะ warm up ก็พอ หลังจากร่างกายเริ่มชินแล้ว ก็ให้เปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ดู น่าจะให้ผลในการลดน้ำหนักได้ดีกว่าค่ะ

ข้อมูลบางส่วนจาก : urbanwired