TRY HARDER! มาฟังเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้หนุ่มที่มาพร้อมพรแสวง มีโอกาสมาแรงแซงพรสวรรค์

พรสวรรค์กับพรแสวงยังคงเป็นเรื่องโลกแตกที่เถียงให้ตายก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกันอยู่ดี เพราะพรสวรรค์เองเป็นเหมือนทางลัดให้เดินไปสู่ความสำเร็จได้ง่าย ราบรื่น และไวขึ้น ส่วนพรแสวงก็เป็นเหมือนแหล่ง Energy ขนาดใหญ่ที่เติมให้เราแบบไม่มีวันหมด ทั้งคู่ต่างมีข้อดีกันคนละแบบ  UNLOCKMEN จะพามาสำรวจข้อดีของฝั่งพรแสวงกันบ้าง ว่าพวกเขามีจุดแข็งยังไง ทำไมถึงเป็นคู่แข่งของชาวพรสวรรค์ได้แบบสบาย ๆ 

ตั้งแต่เด็กจนโตเราคงคุ้นเคยกับคำว่า “พรสวรรค์” กันดีอยู่แล้ว ลองสังเกตดูว่าหากใครเก่งกว่าคนอื่นแบบโดดเด่นขึ้นมา ไม่ใช่โดดเด่นแบบกล้าแสดงออก แต่หมายถึงประสิทธิภาพของการทำอะไรสักอย่างที่โดดเด่นขึ้นมาแบบออร่าจับ แม้ว่าจะลงทุนลงแรงไปน้อยกว่าคนอื่น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับมีคุณภาพไม่น้อยหน้ากว่ากัน เราคงจะเรียกคนประเภทนั้นว่า “คนมีพรสวรรค์” เราเลยมักจะเห็นเพื่อนในตอนมหาลัย ที่ปาร์ตี้หัวหมุน แฮงก์หน้ามึนเข้าไปสอบ หรือเพื่อนที่ชอบหลับ พลาดทุกเลคเชอร์ แต่กลับได้คะแนนสอบดีระดับต้น ๆ อาจดูน่าหมั่นไส้แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นั่นเป็นเพราะเขาเกิดมาพร้อมกับอาวุธลับที่เป็นเหมือนพลังแฝงอยู่ข้างใน ที่ไม่อาจลอกเลียนแบบกันได้

ความจริงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

หากเรามองไปที่คนที่ประสบความสำเร็จสักคน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะคิดว่าเขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่ความเป็นจริงเบื้องหลังกองเงินกองทองของเขา ก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ แลกมาด้วยความล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อย่างนักบาสเก็ตบอลระดับตำนาน Michael Jordan เขาต้องออกจากทีมตอนมัธยม แต่สุดท้ายเขาก็กลายมาเป็นนักกีฬาระดับตำนานได้แบบไร้ข้อกังขา หรือจะเป็น Walt Disney ผู้เคยถูกตราหน้าว่า “ไม่มีไอเดียเป็นของตัวเอง” และ “ไม่มีจินตนาการเอาซะเลย” จากบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ไล่เขาออก 

นี่ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ หรือไลฟ์โค้ชที่มักเอากรณีของคนที่ประสบความสำเร็จมาให้แง่คิดแบบบิดเบี้ยว แต่เรากำลังพูดถึงความพยายาม ความไม่ยอมแพ้ของพวกเขา ความมี “พรแสวง” ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์หรือไม่ก็ตาม

จุดอ่อนของชาวพรสวรรค์

จะเป็นยังไงถ้าใครสักคนถูกคนรอบข้างบอกอยู่เสมอว่าเขามีพรสวรรค์ ? บางคนอาจใช้พรสวรรค์ตัวเองต่อยอดให้มันยิ่งก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่บางครั้งพวกเขากลายเป็นคนที่ไม่ขวนขวาย ไม่ลับคมให้กับความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดให้ตัวเอง แม้มันจะเป็นมีดชั้นเยี่ยมที่ติดตัวมาแบบไม่มีใครแย่งไปได้ แต่หากเป็นมีดที่ไม่ได้ลับคมเลย มันก็จะเป็นเพียงมีดทื่อ ๆ หรือมีดที่คนใช้ไม่คุ้นมือ เพราะไม่เคยหยิบมันออกมาเลยนั่นเอง 

หรือจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากกว่าการอุปมาอุปมัย ก็ลองนึกถึงเพื่อนตอนมัธยม ผู้จีเนียสระดับที่นั่งมองนกมองไม้ หนังสือใหม่กิ๊กยันสอบปลายภาค แต่เข้ามหาวิทยาลัยได้แบบชิล ๆ ไม่ต้องไปติวให้เป็นแพนด้าแบบคนอื่น และตัวเขาเองก็รู้อีกต่างหากว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น 

จนบางคนที่ไม่ได้มีพรสวรรค์แบบนั้นก็เริ่มรู้สึกหมดกำลังใจเหมือนกัน (เมื่อชาวพรแสวงเอาตัวเองไปเปรียบเทียบคนมีพรสวรรค์) จนอาจหยุดตามความฝันของตัวเองเลยก็ได้ โดยเฉพาะสกิลเฉพาะทางอย่าง ดนตรี กีฬา ศิลปะ หรืออะไรทำนองนั้น มีหลายคนได้ไปข้อ อันล็อกตัวเองจนไปถึงเป้าหมายของตัวเองได้ แต่บางคนกลับยอมแพ้กลางทาง ยิ่งเห็นว่าตัวเองเหนื่อยเหลือเกิน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย 

วิธีดึงพลังให้กับชาวพรแสวง

แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเกิดมามีพรสวรรค์มันช่างได้เปรียบคนอื่นเสียเหลือเกิน แต่จริง ๆ แล้วความ(ไม่)ลับของความสำเร็จคือความพยายามที่ชาวพรแสวงมีติดตัวเหมือนกัน ดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาด้วย 3 วิธีง่าย ๆ 

1. หาสิ่งที่ตัวเองสนใจจริง ๆ

ลองมองหาอะไรที่ใกล้ตัวอย่างสิ่งที่คุณทำบ่อย ๆ ตอนเวลาว่าง  สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจทุกครั้งที่ทำมัน ถ้าตอนนี้ยังนึกไม่ออกหรือยังไม่มี ลองหามันไปเรื่อย ๆ จนเจอสิ่งที่คุณทำได้แบบไม่รู้จักเบื่อ แต่ต้องใช้เวลากับมันสักหน่อย เพราะต้องการสิ่งอยู่กับเราไปอีกนาน สิ่งที่ไม่ฉาบฉวย หรือความสุขระยะสั้น เพราะบางทีความสนใจของเรา หรือสิ่งที่เราถนัด มักจะแฝงอยู่กับอะไรในชีวิตประจำวันแบบที่เราไม่คาดคิดก็ได้

2. เสริมจุดแข็งให้แกร่งยิ่งขึ้น

ถ้าคุณค้นพบว่าคุณชอบศิลปะ ลองหาอุปกรณ์และหาที่สอนด้านศิลปะแบบจริงจัง ให้คุณได้ Take Classes แนะนำว่าต้องเป็นคนสอนที่พร้อมจะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐาน เปิดกว้างให้คุณได้เลือกแนวทางที่คุณชอบเอง ผูกมิตรกับเพื่อนในคลาสเพื่อจะได้มีคนแนะนำทั้งในฐานะผู้เรียนและผู้สอน 

ต่อให้คุณไม่มีสกิลด้านนี้มาก่อนแต่อย่าลืมว่าจุดแข็งของคุณคือความพยายาม ใช้มันให้เป็นประโยชน์ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่คุณชอบแบบเต็มที่ มีแต่วินวิน รับรองว่าหากอะไรมันลงตัว คุณเองก็ไปได้ไกลไม่แพ้ชาวพรสวรรค์แน่นอน

3. กระตือรือร้นกับ Feedback ที่ได้

ลองรับฟังคนรอบตัวว่าคุณต้องพัฒนาตรงไหน หรืออะไรที่จะทำให้คุณก้าวไปได้ไกลมากกว่านี้ ในมุมมองคนอื่นจะเห็นจุดบอดที่เราเองมองไม่เห็น รับฟังข้อติชมของคนอื่นไม่ใช่เพื่อกดดันตัวเอง แต่เอามาเพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่หยุดเรียนรู้ 

เมื่อใครมาบอกว่าคุณไม่ได้มีความสามารถพิเศษ นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังไม่ได้โชว์ศักยภาพของคุณจริง ๆ หรือเปล่า ? คุณรู้ดีว่าคุณกำลังเดินบนทางที่คุณเลือกเองด้วยความชอบ และจะพัฒนามันขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยจุดแข็งอย่างความพยายามของคุณ หลังจากนี้ไม่ต้องน้อยใจว่าเมื่อใครสักคนเป็นคนมีพรสวรรค์แล้ว เพราะจุดแข็งของคุณเองก็ทำแบบที่คนมีพรสวรรค์ทำได้เหมือนกัน 

SOURCE