Life

“UNLOCK YOUR MIND, UNLOCK YOUR POTENTIAL” ระเบิดศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายใน ด้วยวิธีคิดใหม่มองทุกอย่างให้เป็นพลังงานบวก!

By: HYENA December 14, 2017

สำหรับคนที่ติดตาม UNLOCKMEN  มาตั้งแต่ต้นจะรู้ดีว่า UNLOCKMEN นั้นเกิดขึ้นมาพร้อมกับความตั้งใจที่จะทำให้ผู้ชายทุกคน UNLOCK YOUR POTENTIAL ซึ่งก็คือ การทำให้ผู้ชายปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองในทุก ๆ ด้านออกมา และพัฒนาตัวเองให้เจ๋งขึ้นกว่าเดิม

จนถึงทุกวันนี้ เราเชื่อว่า มีคนมากมายที่ยังติดตาม และยังอยากที่จะ UNLOCK ศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ยังคงมีอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ  มาให้กับผู้ชายทุกคนเช่นเคย

สำหรับบทความวันนี้ เราได้นำเอาวิธีการที่จะทำให้คุณปลดปล่อยความคิด และศักยภาพรอบด้านในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ครั้งหนึ่งอาจจะเคยเป็นคนคิดอะไรในแง่ลบ และยังคงรู้สึกว่าไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร มาให้กับชาว UNLOCKMEN ทุกคนได้นำไปลองปรับเปลี่ยน แก้ไข และทำตามกันดู เพียงแค่คุณลองเปลี่ยนมุมมองเดิม ๆ เป็นมุมมองใหม่ด้วยวิธีง่าย ๆ รับรองว่า คุณจะได้ “Unlock Your Mind. และ Unlock Your Potential.”  ได้อย่างเต็มที่กว่าที่เคยอย่างแน่นอน

Rewire Your Brain to Frame Everything in Your Life as a Positive.

เราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีความเจ๋งอยู่ในตัวกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าใครจะรู้วิธีการ หรือนำเอาศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้มากแค่ไหนเท่านั้น และต่อไปนี้ คืออีกหนึ่งวิธีการที่สามารถส่งผลให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปได้ เพียงแค่คุณนำเอาทุกอย่างในชีวิตมาคิดให้เป็นแง่บวก ยกตัวอย่างเช่น

 

Weight Lifting.

เชื่อว่าผู้ชายที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองส่วนใหญ่ คงรู้ดีกว่า เรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าไม่มีร่างกายที่แข็งแรง ก็คงจะอยากที่จะทำอะไรต่อมิอะไรออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้หลายคนเริ่มที่จะหันหน้าเข้า Fitness หรือออกกำลังกายกันเป็นประจำ

แค่เพียงเรื่องออกกำลังกาย คุณก็สามารถปรับเปลี่ยน และสร้างพลังงานด้านบวกให้กับตัวเองได้อย่างที่คุณเองก็คาดไม่ถึง เช่นการเลือกฟังเพลงขณะออกกำลังกายเป็นต้น

หลายคนอาจจะเลือกฟังเพลงที่เมามันส์ กระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกายให้บ้าคลั่งด้วยดนตรีแนว Heavy Metal หรือดนตรี Rock หนัก ๆ เพราะรู้สึกว่า มันช่วยให้คุณได้ปล่อยปล่อยพละกำลังออกไปอย่างเต็มที่ แต่จริง ๆ แล้ว มันยังมีวิธีการที่ดีกว่านั้น

นั่นก็คือ ให้คุณลองเปลี่ยนมาฟังเพลงแนวสบาย ๆ มีเนื้อหาที่ไม่รุนแรง หรือแม้แต่จะลองเปลี่ยนมาฟังดนตรีสไตล์ Happy Music อย่างพวกดนตรี Up Beat ทั้งหลายก็ได้เช่นกัน การฟังเพลงแนวนี้แทนเพลงที่ดุเดือดรุนแรง จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ดี แถมยังทำให้คุณเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลาอีกด้วย เมื่อตัวคนอารมณ์ดีแล้ว เวลาคิดอะไร หรือทำสิ่งใด ทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นจากพลังที่สดใส และส่งต่ออกไปเป็นพลังงานด้านบวกอีกด้วย

 

Getting Reamed at Work.

การทำงานในชีวิตจริง ใช่ว่าจะราบเรียบเสมอไป แน่นอนว่า คุณอาจจะเจอกับความยุ่งยากเข้าสักวันหนึ่งจนทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนได้อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งการโดนเจ้านาย หรือลูกค้าตำหนิในเรื่องที่คุณเองก็ทำผิดพลาดจริง ๆ คุณก็ยังเก็บเอามาเป็นพลังงานในด้านลบให้กับตัวเองอย่างไม่ทันรู้ตัว

ถ้าเป็นแบบนั้น เราควรจะจัดการกับมันอย่างไรดี? คำตอบก็คือ เปลี่ยนมุมมองความคิดกันก่อนเป็นอันดับแรก คุณลองคิดดูดี ๆ อีกทีสิว่า ถ้าหากเจ้านายไม่ตำหนิ ไม่ด่า ไม่เตือน  ลูกค้ารับงานคุณไปแสดงความไม่พอใจ แต่ไม่บอกให้คุณแก้ นั่นแปลว่า ดีอย่างนั้นหรือ? จริง ๆ ถ้าหากคุณลองคิดในแง่บวกดู คุณก็จะรู้สึกได้เองว่า ถ้าหากคนเหล่านั้น ไม่สนใจคุณ หรือใส่ใจคุณล่ะก็ เขาคงปล่อยให้คุณทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องคอยมาบอกจุดผิดพลาดให้คุณได้แก้ไข และพัฒนากันแบบนี้หรอก

ดังนั้น ถ้าหากคุณเริ่มคิดแง่ร้ายที่คุณมี ให้กลายเป็นความคิดในแง่ดีตั้งแต่ต้นได้ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่จะตามมาก็จะกลับกลายเป็นความรู้สึกอีกอย่างที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แถมบางครั้งมันยังทำให้คุณรู้สึกมีไฟที่จะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิมได้อีกด้วย

 

Girls.

ถ้าหากว่าคุณกำลังสานความสัมพันธ์กับผู้หญิงสักคน อาจจะเป็นการเข้าไปทำความรู้จักพูดคุย แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมาลองคิดดูสักนิดสิว่า คุณจะทำอย่างไรในตอนนั้น?

แน่นอน ทั้งความรู้สึก และการแสดงออกของร่างกายจะถูกถ่ายทอดออกมาในแง่ลบโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นไม่ใช่การที่จะทำให้คุณยิ้ม หรือหัวเราะอย่างมีความสุขในเวลานั้นออกมาเป็นแน่

แต่ถ้าหากคุณปรับมุมมองในแง่ลบ ให้กลายเป็นแง่บวกได้ล่ะก็ มุมมองต่าง ๆ ที่คุณมีจากสิ่งที่คุณได้รับกลับมาอาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่น ถ้าหากคุณมองว่า การเข้าหาแล้วถูกปฏิเสธเป็นเหมือนการทดสอบ ซึ่งในครั้งนี้คุณอาจจะสอบไม่ผ่าน คุณก็จะได้มีประสบการณ์ที่จะนำไปพัฒนาแก้ไขจุดบกพร่อง หาว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่ทำให้คุณยังไม่ประสบความสำเร็จในเหตุการณ์ครั้งนี้

การคิดแบบนี้ จะช่วยปลดล็อค และเข้าใจถึงศักยภาพระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จ กับผู้ที่ล้มเหลวได้อย่างชัดเจนอีกด้วย เพราะสำหรับผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเคยผ่านความล้มเหลวมาก่อน และรู้จักที่จะนำเอาจุดบกพร่องของตัวเองไปแก้ไข เพื่อที่พัฒนาให้ตัวเองก้าวไปอีกขั้นในอนาคต

 

Jealousy.

ความอิจฉา เพียงแค่พูดขึ้นมาก็เป็นความคิดในแง่ลบเต็ม ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทำไมคนเราจึงต้องอิจฉาคนที่ดีกว่าเรา เพียงเพราะรู้สึกว่าทำไมตัวเองไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นเหมือนคนอื่นเขา แต่ไม่คิดจะทำอะไรที่จะพัฒนาตัวของเราให้เป็นอย่างเขาให้ได้ในสักวันหนึ่งกันบ้าง?

ความอิจฉา จะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันได้ง่าย ๆ เพียงแค่คุณเปลี่ยนมุมมองแง่ลบที่มีต่อคนรอบข้างให้สลับกลับข้างกลายเป็นมุมมองในเชิงบวกแทน คุณก็จะเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

ยกตัวอย่างเช่น เห็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากว่าคุณ ในขณะที่ใช้เวลาเจริญก้าวหน้าเพียงแค่ 3 ปี แต่คุณอยู่กับที่ 5 ปีก็ยังไม่ไปไหน คุณต้องลองคิดดูแล้วสิว่า เพราะอะไรคุณถึงไม่ไปไหน ไม่ใช่ไปอิจฉาคนอื่น

เมื่อคุณคิดได้เช่นนั้นแล้ว คุณอาจจะพบความเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ อย่างเช่นว่า ‘อ่อ… ที่จริงเขาพัฒนาเร็วกว่า ก็เพราะเขาขยันมากกว่าเราเป็นเท่าตัวเลยนี่หว่า ถ้างั้นเราลองขยันให้เท่าเขาดูบ้างดีกว่าจะได้พัฒนาได้เร็วแบบเขาบ้าง’ เพียงเท่านี้ ความคิดที่เปลี่ยนไป ก็จะช่วยทำให้คุณปลดล็อคประสิทธิภาพในด้านการทำงานของคุณให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นได้แล้ว

 

Real Setbacks.

บางทีความสูญเสีย หรือความผิดพลาดที่ทำให้ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องร้าย ๆ ซะทีเดียว ถ้าหากคุณรู้จักที่จะมองมันให้เป็นแง่บวก สำหรับบางคนที่เจอกับเรื่องร้าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสูญเสียคนในครอบครัว สูญเสียกิจการขนาดใหญ่  สูญเสียงานประจำ หรือได้รับอุบัติเหตุจนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เหมือนกับต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งหมด

หลายคนเมื่อเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ มักจะโทษด่าโชคชะตา และสุดท้ายก็ยอมแพ้ไปเพราะรู้สึกว่าการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หลังจากการสูญเสียเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าจะทำมันอีกครั้ง

แต่ถ้าหากคุณลองมองมันในแง่ดี คุณจะเห็นข้อดีของมันที่ซ่อนเอาไว้ การเริ่มต้นใหม่หลังเหตุการณ์ความสูญเสียที่แม้จะทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักหนา กับการต้องนับหนึ่งใหม่ ทั้ง ๆ ที่ครั้งหนึ่งตัวเองเคยไต่ขึ้นไปจนถึง 10 แต่การเริ่มต้นในครั้งนี้ เป็นเหมือนการพิสูจน์ และยืนยันว่า ครั้งก่อนหน้าที่คุณทำได้นั้น ไม่ใช่แค่ฟลุ๊ค หรือเรื่องบังเอิญ​แต่คุณคือของจริง

นอกจากจะเป็นเครื่องยืนยันว่า คนแกร่งพอที่จะทำมันได้ไม่ว่าจะต้องเริ่มใหม่อีกกี่ครั้งก็ตาม เมื่อคุณคิดถึงความสูญเสียในเเง่ดี มันจะทำให้คุณรู้สึกอีกด้วยว่า นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะให้คุณเริ่มต้นใหม่ แถมยังได้แก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่เคยทำพลาดไปในครั้งก่อน ให้เพอร์เฟ็คแบบไร้ที่ติในครั้งใหม่นี้อีกด้วย

 

The Takeaway.

บางสิ่งบางอย่างในการเปลี่ยนมุมมองความคิดอาจจะทำให้คุณสับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเรากำลังพุดถึงการเปลี่ยนความคิดที่เคยมีในด้านลบ ๆ ให้กลับกลายเป็นด้านบวก

หลายคนอาจจะคิดแบบซื่อตรงเกินไปสำหรับคำว่า ให้คิดในแง่บวก โดยที่เลือกทำ และคิดแต่สิ่งที่ฟังดูดีเท่านั้น แต่อย่าลืมเด็ดขาดว่าโลกเรานั้น ยังมี หยินกับหยาง ที่เป็นตัวแทนของความต่างขั้วทั้งสองด้านอย่างสุดโต่งที่มาบรรจบกัน ดังนั้น บางทีการ UNLOCK ตัวเอง ที่เราบอกว่า มองทุกอย่างให้เป็นบวก อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนก็ได้ แต่มันหมายถึงการทำให้ตัวเองรู้สึกดีในทุก ๆ อย่างที่ทำมัน

ยกตัวอย่างเช่น บางคนเป็นคนที่มีรูปร่างผอมจนเกินไป และไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะเพิ่มน้ำหนักได้ นั่นคือ ความคิดในแง่ลบ คุณจะทำอย่างไรถ้ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่มันยังแฝงไว้ด้วยวิธีการคิดบวก เราจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ดังนี้

เช่นถ้าเราบอกคุณว่า คุณไม่เชื่อว่าตัวเองจะเพิ่มน้ำหนักไปได้มากกว่านี้ เลยปล่อยให้ตัวเองผอมแห้งต่อไปเรื่อย แต่ถ้าหากเป็นเรา เราจะบอกคุณว่า  ‘ถ้าคุณอยากเพิ่มน้ำหนักก็กินมันให้มากที่สุดเท่าที่กินได้ทุกมื้อจนอ้วกแตกไปเลย’

หรือคุณอาจจะรู้สึกเขิน และไม่กล้าเข้าใกล้สาว ๆ ถ้าหากคุณไม่ดื่มจนกรึ่มได้ที่ซะก่อน คุณเชื่อไหมว่า บางทีความเมาที่ฟังดูเป็นสิ่งไม่ดี ก็อาจจะช่วยให้เรามองเห็นความกล้าซึ่งมันก็ถือเป็นเรื่องที่พาให้เราปลดล็อคศักยภาพ และเป็นการมองเรื่องที่เคยเป็นแง่ลบให้กลายเป็นแง่บวกได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเราเราก็จะบอกคุณว่า ‘งั้นคุณก็จงดื่มให้เมา แล้วเข้าไปรั่วใส่สาว ๆ ดูสักครั้งสิ’ คุณเข้าใจบ้างไหมว่า อะไรคือ ความหมายของการ UNLOCK ตัวเอง?

และสุดท้าย อย่างที่บอกไปว่า เราเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง เพียงแต่รอการ UNLOCK อยู่เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะทำมันได้เมื่อ หรือคุณจะเริ่มลงมือ UNLOCK ตัวเองตอนไหน จำเอาไว้ว่า สิ่งที่คุณกำลังทำอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าคุณทำได้คุณจะเปลี่ยนไปเป็นคนที่เจ๋งขึ้นกว่าเก่า ดังนั้น ทางเดียวคือคุณต้องทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และอย่าตีกรอบจำกัดความสามารถตัวเองเอาไว้ด้วยความคิดในแง่ลบว่า เราทำไม่ได้หรอก มันยากเกินไป เรายังไม่ดีพอ แต่ขอให้เปลี่ยนเป็นลองท้าทายตัวเองดูสักครั้งสิว่า ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราจะต้องทำมันได้สิวะ ถึงแม้ครั้งแรกไม่สำเร็จ แต่ถ้าคุณตั้งใจ ทำมันซ้ำ ๆ ต่อไป ยังไงคุณก็ทำได้เพราะเราเชื่อในศักยภาพของทุกคน

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line