Entertainment

Villain with Love: Catherine Tramell วายร้ายสาวสุดเร่าร้อน ที่ฆ่าผู้ชายให้ตายคาจอด้วยจุดซ่อนเร้น

By: unlockmen March 27, 2022

จากหนังระทึกขวัญที่ผู้คนต่างมองข้าม กลับกลายเป็นหนังสุดฮิต แถมยังแจ้งเกิดนักแสดงให้กลายเป็น Sex Symbol แห่งยุค 90s และเพียงซีน ๆเดียว ทำให้ผู้ชายทั่วทั้งโลกต้องซื้อวีดีโอหนังเรื่องนี้เพื่อกด Pause ดูซีนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในวาระที่หนังพิศวาสเขย่าจิตเรื่องนี้มีอายุครบ 3 ทศวรรษในปี 2022 นี้ เรามาทำความรู้จักกับคาแรคเตอร์สุดรัญจวนใจ ที่ทำให้นักแสดงสาวโนเนมอย่าง Sharon Stone กลายเป็นซูเปอร์สตาร์เพียงชั่วข้ามคืน ในหนัง Basic Instinct ที่ชื่อภาษาไทยสุดเร่าร้อนว่า “เจ็บธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา” มาทำความรู้จักกับเธอ แล้วคุณจะรู้ว่าไม่เพียงแค่คนตายในจอ แต่นอกจอ ชายหนุ่มทั่วทั้งโลกต่างก็สู่ขิตตายคารีโมทกันมาแล้วทั้งนั้น

พิศวาสฆาตกรรมปลุกสัญชาติญาณดิบของมนุษย์

Basic Instinct เล่าเรื่องราวของนักสืบ Nick Curran (Michael Douglas) ที่สืบคดีการตายอย่างเป็นปริศนาของชายหนุ่มถูกฆาตกรรมด้วยที่เจาะน้ำแข็งขณะมีเซ็กซ์ และผู้ต้องหาในเวลานั้นคือ Catherine Tramell (Sharon Stone) นักเขียนนิยายสาวสุดเซ็กซี่ ก่อนที่นักสืบจะตกอยู่ในห้วงเสน่หาจนมิอาจถอนตัวขึ้น แม้หนังจะแปะป้ายว่าเป็นแนว Thriller ระทึกขวัญ แต่ความรัญจวนวาบหวามวาบหวิวในหนัง รวมไปถึงฉากเซ็กซ์อันเร่าร้อนรุนแรงในหนัง ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่สุดแห่งความอื้อฉาวที่สามารถทำเงินทั่วโลกได้ถึง 352 ล้านเหรียญทั่วโลก และยิ่งกระหึ่มเมื่อออกขายในรูปแบบ Home Entertainment

แต่กว่าที่หนังเรื่องนี้จะสำเร็จเสร็จสิ้นออกฉายนั้นใช่ว่าจะราบรื่นด้วยดี อุปสรรคมากมายในหนัง ทั้งความบ้าคลั่งของผู้กำกับ การดูถูกดูแคลนของพระเอก และความดังของนางเอกสาวที่แลกมาด้วยน้ำตา ก็ทำให้หนังมีเรื่องเล่าขานมากมายจนกลายเป็นตำนานนอกจอเช่นกัน


จากเรื่องจริงของสาวอะโกโก้ สู่บทหนังมูลค่า 3 ล้านเหรียญ

Basic Instinct คือเรื่องราวสืบสวนสอบสวน ที่ Joe Eszterhas นักเขียนบทและอดีตนักข่าวอาชญากรรมได้เขียนขึ้นมา โดยมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงที่เขาได้ประสบพบเจอ หลังจากที่เขาได้เจอสาวรูดเสาในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ หลังจากที่เขาชวนหญิงสาวคนนั้นขึ้นห้อง โดยพบประสบการณ์ระทึกขวัญที่เขาจดจำมันไม่รู้ลืม

“ผมชวนเธอขึ้นห้อง หลังจากนั้นเธอก็ล้วงกระเป๋าของเธอ ดึงปืน .22 และจ่อที่หน้าของผม แล้วพูดกับผมว่า “ขอเหตุผลที่จะทำให้ฉันไม่เหนี่ยวไกคุณ” ผมรู้สึกเลิ่กลั่กบอกกับเธอว่า “ผมไม่คิดที่จะทำร้ายคุณนะ เท่าที่รู้เมื่อกี้เราสนุกกันมาก” …และเธอก็พูดว่า “แต่ความสนุกของพวกผู้ชาย มันคือความเหนื่อยหน่ายของฉัน” ผมต้องหว่านล้อมอยู่นานกว่าที่เธอจะวางปืนลง

และด้วยความกลัว บวกกับเสน่ห์อันแสนเย้ายวนและอันตรายในคราวเดียวกันนั้นเอง ทำให้ Joe Eszterhas ใช้เวลาเพียง 13 วันเขียนมันเป็นบทภาพยนตร์ จนสตูดิโอ Carolco Pictures ควักเงินจ่ายค่าลิขสิทธิ์เรื่องนี้ด้วยราคาสุงถึง 3 ล้านเหรียญเลยทีเดียว


ผู้กำกับจอมซาดิสต์ มองขาดว่า “นี่คือหนังสไตล์ Hitchcock ยุคใหม่”

หลายคนอาจจะรู้จัก Paul Verhoeven ในฐานะผู้กำกับชาวเนเธอร์แลนด์ที่ไม่เคยประนีประนอมกับคนดู เขาพร้อมนำเสนอความโหดร้ายป่าเถื่อนและสัญชาติญาณดิบผ่านหนังมากมาย โดยแจ้งเกิดในฮอลลีวูดจากหนังซูเปอรืฮีโร่โลกมืดอย่าง Robocop (1987) และหนังไซไฟสุดคัลท์อย่าง Total Recall (1990) ในขณะที่เขากำลังเฟ้นหาผลงานเรื่องต่อไป เขาก็ได้อ่านบทหนังเรื่อง Basic Instinct และสนใจอยากทำหนังเรื่องนี้มาก ๆ โดยบอกกับ The New York Times ว่า “Basic Instinct คือหนัง Hitchcock ยุคใหม่ ที่ส่วนใหญ่หนังระทึกขวัญ ฆาตกรจะซุ่มเงียบในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ขณะที่เหยื่อกำลังอยู่ในครัว แต่เรื่องนี้ ฆาตกรซ่อนตัวอยู่บนเตียง ในขณะที่คุณกำลังทำกิจกรรมเร้าร้อนกันอยู่ มันน่าสนใจและบ้าคลั่งมาก ๆ ”

โดยผู้กำกับ Verhoeven บอกกับ The New York Times ว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับ “ความชั่วร้าย” ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1990 แม้ว่าจะดำเนินเรื่องด้วยความวาบหวามก็ตาม “ช่วงเวลานั้นบ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจตกต่ำ, อันตรายจากโรคเอดส์, อันตรายจากอาชญากรรม ผู้คนตระหนักถึงความจริงที่ว่าความชั่วร้ายนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันของคุณ” เวอร์โฮเวนกล่าว “และนี่คือสัญชาตญาณของผม ในฐานะศิลปิน ในฐานะผู้กำกับ ที่ต้องนำเสนอความจริงให้โลกรับรู้ถึงภัยอันตรายนี้”


Sharon Stone ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการรับบทบาทนี้

อาจจะมองว่า อานิสงส์จากผลงานเรื่องก่อนที่เธอแสดงในหนัง Total Recall ทำให้นักแสดงที่ยังไม่มีชื่อเสียงมากนักในตอนนั้นอย่าง Sharon Stone คว้าบทบาทนี้ไปครอง แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการรับบทบาทนี้ ตรงกันข้าม เธอต้องรับบัตรคิวต่อแถวจากนักแสดงชั้นนำหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Kim Basinger, Meg Ryan, Michelle Pfeiffer, Geena Davis และ Ellen Barkin โดย Sharon รับบัตรคิวที่ 13 ในการพิจารณาเล่นหนังเรื่องนี้ กระทั่ง Michael Douglas ก็มองข้ามเธอในตอนแรกด้วยซ้ำ ถึงขนาดช่วง Screen Test เขาเลือกปฏิเสธที่ไม่ร่วมจอกับเธอ

แต่เพราะความไม่ย่อท้อของตัว Sharon เอง รวมไปถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ไม่กล้าที่จะรับบทที่สุดร้อนแรงนี้ สุดท้ายบทจึงตกมาอยู่กับเธอ โดยเธอรับค่าตัวในการเปลืองเนื้อเปลืองตัวนี้เพียง 500,000 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ Michael Douglas รับค่าตัวไปเหนาะ ๆ ถึง 14 ล้านเหรียญเลยทีเดียว


ภาพจำติดตา ฉากสับขาหลอกในตำนานที่กลายเป็นฝันร้ายของ Sharon Stone

หากพูดถึง Basic Instinct แล้วไม่พูดถึงฉาก “สับขาหลอกในตำนาน” ก็คงเป็นเรื่องผิดบาปเลยทีเดียว เพราะซีนสอบปากคำที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนที่คาแรกเตอร์ Catherine Tramell สวมชุดเดรสรัดรูปสีขาวนั่งเปลี่ยนท่าไขว่ห้าง โดยในร่มผ้าไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ๆ ปิดบังนาผืนน้อยของเธอนั้น คือซีนสำคัญที่ลือลั่นแห่งยุค 90s เลยทีเดียว

แต่เบื้องหลัง สำหรับ Sharon นั้น ฉากที่คลาสสิคทรงพลัง กลับเต็มไปด้วยความหดหู่และความหลอกลวง โดยฉากนี้แรกเริ่มเดิมที เธอสวมกางเกงในเข้าฉาก แต่ผู้กำกับ Paul Verhoeven กลับสั่งให้เธอถอดกางเกงชั้นในตัวนั้นออก ด้วยเหตุผลว่า สีขาวของกางเกงในนั้นมันสะท้อนแสงในกล้อง และเขาก็บอกกับเธอว่า “มันไม่เห็นของลับของเธอหรอกน่า” แต่เมื่อเธอถ่ายทำฉากนี้เสร็จ เธอเดินไปเช็คมอนิเตอร์ สิ่งที่เห็นเต็ม 2 ตาคือของลับของเธออย่างโจ่งแจ้ง สิ่งที่เธอทำหลังจากนั้นคือ เดินไปตบหน้าของผู้กำกับอย่างจัง และขู่ว่าจะฟ้องเขาหากปล่อยฉากนี้สู่สาธารณะ แต่ Paul ก็ดื้อและใส่ฉากนี้ลงไปในหนัง แม้ Sharon จะไม่ปลื้มใจ แต่ความดื้อรั้นของผู้กำกับ ก็ทำให้คนดูหนังทั่วโลกต่างยกย่องว่าเป็นซีนคลาสสิคของหนัง ทำให้ยอดขายวีดีโอขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเพราะหนุ่มกลัดมันต่างต้องการกด Pause ฉากนั้นเพื่อสัมผัสด้วยตาว่าใช่ของจริงใช่หรือไม่ ยิ่งปัจจุบันนี้ความคมชัดระดับ 4K หนังเรื่องนี้ก็ยิ่งไม่แผ่วในการพูดถึงเลย จนสุดท้าย Sharon ในตอนแรกที่ต่อต้านก็ต้องยอมรับและขอบคุณฉากนี้ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้และตัวเธอเป็นที่กล่าวขวัญถึง โดยที่เธอยังเก็บเดรสสีขาวนี้ไว้เป็นที่ระลึก และช่วงเวลาหนึ่ง ในเทศกาลฮาโลวีน ชุด ๆ นี้กลายเป็นหนึ่งในชุดที่คนสวมใส่มากที่สุด

ขณะเดียวกัน หนังเสนอความรุนแรงอย่างสุดโต่งจน MPAA ที่ทำหน้าที่จัดเรทภาพยนตร์มอบเรท NC-17 ให้กับหนังเรื่องนี้ จนผู้กำกับต้องตัดแก้ใหม่ถึง 14 รอบ ก่อนที่หนังจะได้เรท R แต่ที่น่าแปลกใจคือฉากสับขาหลอกของ Sharon นั้นไม่เคยมีปัญหากับเจ้าหน้าที่เลยสักครั้ง


หนังที่ไม่ถูกใจ LGBTQ+ ตั้งแต่แรกฉาย

ความร้อนแรงของหนังไม่เพียงกระฉ่อนด้วยฉากพิศวาสสุดวาบหวามเท่านั้น แต่เหล่า LGBTQ+ ก็เป็นเดือดเป็นแค้นไม่ใช่น้อย เมื่อบทหนังได้หลุดถึงมือนักเคลื่อนไหวในซานฟรานซิสโก แล้วพบว่าฆาตกรต่อเนื่องเป็นพวกรักร่วมเพศ ร้อนจนผู้เขียนบทต้องแก้ไขรายละเอียดในบทถึง 10 หน้า ในขณะเดียวกันตำรวจต้องปวดหัวที่ต้องรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วงที่จะมาปั่นป่วนกองถ่าย จนต้องออกกฏให้กลุ่มผู้ประท้วงอยู่ห่างจากสถานที่ถ่ายทำถึง 100 ฟุต เลยทีเดียว

จนหนังเสร็จสิ้นออกฉาย กลุ่มนักเคลื่อนไหวก็ไม่วายประท้วงที่หน้าโรงหนัง โดยให้เหตุผลว่า “หนังเรื่องนี้เชื่อมโยงความรุนแรงโดยขาดการรับผิดชอบต่อสังคม เราไม่ได้ขอให้คว่ำบาตรหนังเรื่องนี้ เราไม่ได้เรียกร้องให้มีการเซ็นเซอร์เรื่องนี้ แต่เราอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงภัยซ่อนเร้นในหนังเรื่องนี้” ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าผลลัพธ์ของการประท้วงคือผลักดันให้หนังเรื่องนี้ฮิตขึ้นนั่นเอง


คาแรคเตอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจจนเกิดโศกนาฏกรรมช็อคโลก

แม้ว่าคาแรคเตอร์ Catherine Tramell จะกลายเป็นที่จดจำในฐานะ Icon แห่งยุค แต่มีเหตุสะเทือนขวัญครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในปี 2012 ที่ประเทศแคนาดา นั่นคือ “คดีฆาตกรรม Jun Lin” ที่ตายอย่างอย่างเป็นปริศนาและถูกจับแยกชิ้นส่วนอย่างสยดสยอง จนสามารถจับผู้ต้องหาได้ เป็นแฟนหนุ่มที่ชื่อ Luke Magnotta ที่เลียนแบบการฆาตกรรมจากในหนัง โดยเปลี่ยนจากที่เจาะน้ำแข็งเป็นไขควง และใช้นามแฝงว่า “Kirk Tramell” ที่ไม่เพียงแค่ฆ่าแฟนหนุ่มของเขาเท่านั้น แต่ยังฆ่าแมวอัพลงอินเตอร์เน็ทอีกด้วย (สามารถติดตามเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ได้ในสารคดี Don’t F**k with Cats: Hunting an Internet Killer ทาง Netflix)

แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมา 30 ปีแล้ว แต่คาแรคเตอร์ของสาวร้อนร้ายลึกคนนี้ ยังคงเป็นที่จดจำ และเป็นวายร้ายที่รักที่ชายหนุ่มทั้งโลกยังคงหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเธอตราบจนปัจจุบัน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line