ผลวิจัยข้อดีของ “เพื่อน” คำที่เรียกออกไปเพียงครั้งเดียว แต่คงความหมายเป็นนิรันดร์

ชีวิตมนุษย์กับการเข้าสังคม ถือเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก เพราะหากคุณต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบเดียวกันนี้ ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่มากกว่า 7 พันล้านคนตามสถิติเมื่อปี 2015 ทำให้การหลีกเลี่ยงสังคมเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และจากผลการวิจัยของสำนัก Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ยังพบว่า บุคคลที่รู้จักเข้าสังคม จะมีอายุยืนมากกว่าปกติอีกด้วย ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ เชื่อว่านอกจากครอบครัวแล้ว สังคมอีกสังคมหนึ่งที่เราเอาชีวิตไปฝากไว้กว่าครึ่ง ก็คงเป็นสังคมอะไรไปไม่ได้นอกจากสังคม “เพื่อน”

คำว่า “เพื่อน” คำที่เรียกออกไปเพียงครั้งเดียว แต่คงความหมายเป็นนิรันดร์ คำพูดนี้คงไม่เกินไปแน่นอน คุณเคยมีเพื่อนที่คุณรักที่สุดไหมครับ ? ไม่ว่าคำๆ นั้นจะบัญญัติยังไงก็ตาม เพื่อนแท้, เพื่อนรัก, เพื่อนตาย จะเพื่อนอะไรก็ตามแต่ เขาคนนั้นคือคนที่คุณจะนึกถึงเป็นคนแรกหากเกิดปัญหาชีวิต อยากได้คำแนะนำจากเขา และคุณจะยอมทำทุกอย่างให้ คุณจะยอมเสียสละ คุณจะยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตัวถ้ามันจะสามารถมีผลดีต่อส่วนรวมของคุณและเขาได้ คุณจะเป็นห่วงเขา คุณจะต้องกังวลทุกข์ร้อนหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา คุณกับเขาจะทะเลาะเบาะแว้ง มีเรื่องบาดหมางกันได้ แต่คุณจะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ หรือทำไม่ดีกับเขาเป็นอันขาด

และนี่เอง เป็นเหตุผลที่ในวันนี้ UNLOCKMEN ขอหยิบ “ผลการวิจัยข้อดี” ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า”เพื่อน” มาฝากกัน เชื่อว่าผลวิจัยเหล่านี้ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันที่ทำให้คุณรู้ถึงความสำคัญของคำๆ นี้อย่างแน่นอน

1. PLoS Medicine

มาถึงผลวิจัยตัวแรก จากผลวิจัยทั้งหมดกว่า 150 ชิ้น ชี้เป็นทางเดียวกันว่า บุคคลที่การปฏิสัมพันธ์ดี มีโอกาสที่จะอายุยืนมากกว่าปกติถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยจากผลการวิจัยนี้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอายุเท่าไร เพศไหน หรือมีสุขภาพอย่างไร หากคุณรู้จักเข้าสังคม คุณก็มีโอกาสที่จะอายุยืนขึ้นได้ทันที แต่สำหรับผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่ำได้ทำการสุ่มวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างที่ล้วนคละกันทั้งสิ้นกว่า 300,000 คน ซึ่งผลก็คือ กลุ่มคนดังกล่าว จะมีอายุยืนน้อยกว่าผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์ดีนั่นเอง

2. 2005 Australian Longitudinal Study of Aging

เชื่อว่าผลการวิจัยนี้คงสร้างความประหลาดใจให้หลายคนแน่นอน เพราะผลการวิจัยนี้ บ่งชี้ว่า “เพื่อน” เป็นบุคคลที่ทำให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดีกว่า “ครอบครัว” จากผลการวิจัยของ Australiea Longitudinal Study of Aging พบว่า บุคคลที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกหลาน และเหล่าบรรดาญาติๆ มีแนวโน้มว่าจะมีผลต่อการอายุยืน แต่บุคคลที่มักเข้าสังคมกับเพื่อนนั้นมีแนวโน้มว่าจะมีอายุยืนมากกว่าถึง 22 เปอร์เซ็นต์

3. Battling specific medical conditions

ศาสตราจารย์ Meira Epplein แห่งมหาวิทยาลัย the Vanderbilt University School of Medicine พบว่า จากการวิจัยกลุ่มเป้าหมายผู้เป็นโรคมะเร็งเต้านมกว่า 2,230 ราย พบสิ่งที่น่าตกใจอย่างหนึ่งก็คือ “การเข้าสังคม” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะส่งผลดีให้สมอง และร่างกายของเรา เพื่อให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย

4. A 1993 study of 736 middle-aged Swedish men found that having a strong social network seemed to significantly decrease the risk of heart attack and fatal coronary heart disease.

มีการวิจัยหมู่ชาวสวีเดนชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเกิดจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างเพศชายกว่า 736 คน พบว่า “การเข้าสังคม” สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดหัวใจร้ายแรง

5. 2007 study suggested that if your friends gain too much weight, you’re more likely to do so, too.

มีผลการวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่ค้นพบถึงเครื่อข่ายความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อน ซึ่งพบว่า เจ้าเครือข่ายนี้จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อตัวคุณเองโดยตรงด้วย ทั้งทางด้านพฤติกรรม และทางด้านความคิด ดังนั้นหากกลุ่มเพื่อนๆ เรามักพูดคุยกันแต่ความคิดบวก ก็จะมีแต่พลังด้านบวกที่เราได้รับนั่นเอง โดยจากผลการวิจัยก็พบสิ่งน่าตลกอย่างหนึ่งก็คือ หากพบว่าเพื่อนของคุณมีแนวโน้มน้ำหนักเกิน อีกไม่นาน คุณก็จะมีน้ำหนักเกินตามเขา หรือเธอ ไปอย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับประโยชน์ของการคบเพื่อนที่ส่งผลต่อสุขภาพของร่างกายที่เราไม่เคยรู้ตัวมาก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ประโยชน์เหล่านี้ก็ถือเป็นผลพลอยได้เท่านั้นนะครับ แต่ผลทางตรงที่เราได้จาก “เพื่อน” เลยก็คือ ความสบายใจ ความสนุกสนาน และที่สำคัญคือประสบการณ์ชีวิต ที่หากไม่มีเพื่อน ก็ไม่รู้จะร่วมลุยฝ่าไปกับใคร และวันนี้ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน ถึงแม้ความจริงที่ว่าตอนนี้เพื่อนที่คุณรักในอดีตหลายคน อาจไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณเหมือนเดิมแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่คุณกลับไปฟังเพลงเดิมๆ ดูหนังเก่าๆ ภาพของพวกเขาเหล่านั้นก็จะปรากฏกลับเข้ามาในหัวให้เรารู้สึกคิดถึงในรูปแบบความทรงจำเสมอ

ข้อมูลบางส่วนจาก : washingtonpost.com