Life

9 เหตุผล ทำไมคุณถึงควรรู้จักกับผู้ชายที่ชื่อ Wim Hof คนที่ใครๆ ก็เรียกเค้าว่า “ICE MAN”

By: HYENA March 22, 2016

หลายๆ คนคงเคยมีความคิดที่อยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์ อย่างเช่นในเวลาที่คุณต้องส่งงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่งานที่ทำกลับยังไปไม่ถึงไหน แถมหนังตาของคุณก็หนักขึ้นทุกทีๆ จนสุดท้ายก็หงายหลังหลับไปในที่สุด สิ่งนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า “ขีดจำกัดทางกายภาพของมนุษย์” และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมหนังอย่าง The Avengers หรือ Spiderman ถึงมีแฟนๆ คอยติดตามอยู่เป็นจำนวนมาก

160322-wim-hof-ice-man-1

แน่นอนว่ามีคนมากมายที่เมื่อดูหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่จบลงแต่อารมณ์ยังคงค้างเติ่ง และแอบมีจินตนาการว่าตัวเองอาจจะมีพลังวิเศษบางอย่างแฝงอยู่ในตัวเช่นเดียวกับเหล่าฮีโร่ในหนัง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หรือเป็นเพียงสิ่งที่คุณคิดไปเองเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วมนุษย์ทุกคนล้วนมีคุณสมบัติพิเศษ และความสามารถเหนือมนุษย์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลซ่อนอยู่ในตัว แต่เรามักที่จะให้ความสนใจกับความสามารถที่เร้นลับนี้น้อยมากๆ หรือแทบไม่เคยจะสนใจกับมันเลยก็ว่าได้ ถ้าหากใครเคยได้ยินชายที่ชื่อ Stephen Wiltshire  และความสามารถพิเศษของเค้าในการสร้างภาพที่มีรายละเอียดแบบพาโนรามา ไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์ หรือวิวเมือง ก็สามารถเกิดขึ้นในหัวได้ครบทุกรายละเอียด ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และอีกคนที่ความสามารถไม่แพ้กันก็คือ Ben Underwood เด็กชายที่ตาบอดทั้ง 2 ข้างจากโรคมะเร็งที่จอประสาทตา โดย Ben สามารถใช้ Echolocation บอกตำแหน่ง รูปร่าง ของทุกสิ่งทุกอย่างแทนการมองเห็นของดวงตาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และนั่นคือเหตุลที่ทำให้วันนี้ เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับนาย Wim Hof ผู้ชายอีกคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ภายในตัว

160322-wim-hof-ice-man-2

ใครคือ Wim Hof

หนึ่งในมนุษย์ที่ได้สมญานามว่า “Iceman”  ชื่อเสียงของเค้าได้กระจายไปทั่วโลก และสำหรับความสามารถของเค้า ที่สามารถอยู่ในอุณหภูมิเลยจุดเยือกแข็งที่แม้แต่ต้นไม้ หรือสัตว์เมืองหนาวก็ยังต้องตายได้แบบชิลๆ  เค้ายังเคยวิ่ง มาราธอนในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา และปีนขึ้นภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะจนไปถึงจุดสูงสุดโดยปราศจากเสื้อผ้ามาแล้ว  Wim Hof ได้รับการพิสูจน์ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า เค้าสามารถควบคุมการทำงานของระบบประสาทเกี่ยวกับอุณหภูมิความเย็นได้โดยการสั่งงานผ่านทางความคิดของเค้าเอง เป็นยังไงบ้างครับสำหรับชายคนนี้ เริ่มดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างรึยัง?

160322-wim-hof-ice-man-3

เรามาต่อกันที่ 9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาย Wim Hof หรือ “Iceman” ของเรากันดีกว่า

  • Wim Hof เคยปีนขึ้นภูเขาเอเวอร์เรสโดยใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น แม้ว่าเค้าจะ ไม่เคยมีประสบการการณ์ปีนเขาลูกนี้มาก่อน ไม่เคยรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศบนนั้น ไม่เคยรู้ว่ามันลำบากขนาดไหน
    Wim Hof  ปีนขึ้นไปจนทะลุความสูงระดับ 22,000 ฟุต ก่อนที่จะเกิดการบาดเจ็บที่เท้า จนทำให้เค้าไปต่อไม่ไหว
  • Wim Hof แช่ตัวเองอยู่ใต้น้ำที่เย็นจนเป็นน้ำแข็งเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยอุณหภูมิในตัวของเค้าไม่ลดต่ำลงเลยแม้แต่น้อย และนั่นคือการทำลายสถิติโลกขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ซึ่งอันดับ 2-3 ก็คือตัวเค้าเองที่เคยได้ทำไว้ก่อนหน้านี้
  • เค้าจบการวิ่งมาราธอนในทะเลทราย นามิบ ที่ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว แถมยังมีอุณหภูมิสูงทะลุ 104 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งทำให้มีการสูญเสียน้ำในร่างกายมากกว่า 40 ปอนด์ แต่เค้าก็สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยไปได้โดยที่ไม่แตะน้ำซักหยด แถมยังดูปกติแบบสุดๆ อีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้เราเห็นได้ชัดว่า นอกจากความเย็นแล้ว ความร้อนก็ยังไม่มีผลอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกด้วย
  • Win Hof แต่งการด้วยกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวในการวิ่งมาราธอน ข้ามทางตอนบนของขั้วโลกเหนือโดยที่เค้าใช้เวลาไม่ถึง 6 ชั่วโมง เท่านั้น
  • Win Hof แต่งกายด้วยกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว และปีนขึ้นไปบนเขาที่มีชื่อว่า Kilimanjaro ที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินแต่ชื่อ บนความสูง 5,895 เมตร ด้วยเวลาไม่ถึง 32 ชั่วโมง แน่นอนว่าไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน
  • เค้ากินอาหารเพียงวันละมื้อเท่านั้น โดยจะเริ่มรับประทานอาหารหลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นไปเท่านั้น เค้าได้ทำแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 38 ปี โดย Wim Hof คนนี้ได้บอกว่า การรับประทานอาหารแบบนี้จะช่วยบรรเทาความเครียดในร่างกายของมนุษย์ได้ เพราะร่างกายจะได้พักผ่อนมากกว่าคนปกติ และไม่ได้มีการทำงานของระบบภายในในเวลาที่ร่างกายควรจะพักผ่อน แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางกรณีเช่น ถ้าหากเค้าต้องการจะใช้พลังงานมากขึ้นอย่างเช่น การวิ่งมาราธอนเพื่อทำลายสถิติอะไรบ้างอย่างที่เค้าตั้งใจ เค้าก็จะเพิ่มการรับประทานอาหารในมื้อเช้าเข้าไปด้วย
  • เค้าดำน้ำในระยะทาง 80 เมตร ใต้ผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งโดยที่ไม่สามารถโผล่ขึ้นมาหายใจได้ ในอุณหภูมิ -30 องศาที่แสนโหดร้ายในขั้วโลกเหนือ
  • Win Hof แสดงความสามารถของความเป็นยอดมนุษย์ให้กับนักวิทยาศาสตร์ได้ตกตะลึงจากการควบคุมของระบบประสาทของเค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยการค้นพบนี้เป็นที่น่าตกใจโดยนักวิจัย พยายามที่จะพิสูจน์ว่าร่างกายของเค้าก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ปกติธรรมดาที่มีขีดจำกัด โดยการ เชิญชวนให้เค้ามาที่ห้องปฏิบัติการ และฉีดสารพิษ อย่างรุนแรงเข้าไปในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ทุกคนก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะในกรณีของ Wim Hof นั้น นักวิจัยพบว่า สารพิษ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเค้าเลยแม้แต่น้อย เพราะเค้าสามารถควบคุมสารพิษ และระบบประสาททุกอย่างในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • Wim Hof  อ้างว่าทุกคนสามารถจะเป็นเหมือนตัวเค้าได้ Wim Hof เริ่มสอนคนอื่นๆ ในการควบคุมความแรงของลมหายใจ , และความสำคัญในการอาบน้ำเย็น และการทำสมาธิ เค้ายังมีหลักสูตร 10  สัปดาห์ ที่เค้าจัดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความสามารถนี้ให้กับคนทั่วๆ ไปได้กลายเป็นยอดมนุษย์อย่างเช่นเดียวกับเค้านั่นเอง

160322-wim-hof-ice-man-4

ทุกคนสามารถทำได้?

แรกเริ่มเดิมที Wim Hof เป็นมนุษย์ปกติทั่วไปอย่างเช่นพวกเราทุกคนนี่แหละ เพียงแต่เค้าเริ่มตระหนักถึงการที่จะอยู่รอดในสภาวะอากาศที่โหดร้ายว่า เค้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร จนเมื่อเขาอายุ 17 Win Hof กล่าวว่า มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ “ดึงดูด” เค้าเพื่อให้เค้ากระโดดลงไปในบ่อแช่แข็งที่เย็นจัด และนั่นเป็นเหมือนการกระตุ้นให้ความสามารถที่หลับไหลของเค้าตื่นขึ้น เค้าได้สอนตัวเองให้รู้จักกับวิธีการที่จะใช้ประโยชน์จากการควบคุมร่างกายของเค้าให้สามารถอยู่ได้แบบชิลๆ ในทุกสภาพแวดล้อม เค้าบอกว่า เทคนิค และวิธีการฝึก ที่คุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง คือการฝึกทำสมาธิ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คุณจะสังเกตเห็น และรู้สึกได้กับการเปลี่ยนแปลงที่อย่างน่าเหลือเชื่อ เริ่มต้นจากประสาทการรับรู้ที่ไม่เคยได้ถูกใช้งานจะเปิดออก และคุณจะค่อยๆ พบกับความสามารถพิเศษที่ซ่อนเร้นในตัวของคุณเอง ดังนั้นสิ่งที่เป็นคำแนะนำที่ Wim Hof ได้ย้ำอีกอย่างก็คือคุณต้องมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ “เชื่อในตัวเอง และฝึกการทำสมาธิ” 

160322-wim-hof-ice-man-5

สุดท้าย Wim Hof เผยความตั้งใจที่อยากจะทำต่อไปในอนาคตนั่นก็คือ “ผมอยากจะตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้น เพื่อที่จะสอนให้เด็กๆ ได้โตขึ้นมาอย่างมีความสามารถ และความกล้าที่จะให้โลกมาท้าทายพวกเค้า ผมจะสร้างมัน”

Source

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line