Featured

MUST BE THERE: 5 ชายหาดที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต

By: unlockmen April 14, 2015

เดือนเมษายน สำหรับผม นั้นเป็นเดือนที่ผมชอบมากที่สุด เพราะเป็นวันปีใหม่ไทย นั่นหมายถึงเป็นวันหยุดยาว และเป็นวันหยุดยาวที่ผมสามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสบายใจที่สุดเนื่องจาก หยุดแค่ประเทศไทย ประเทศอื่นไม่หยุดด้วย ดังนั้นเวลาได้ไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดสงกรานต์นั้น ไม่ต้องไปแย่งกันอยู่ แย่งกันกินกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น

เดือนเมษายนนอกจะมีวันหยุดยาวเป็นข้อดีแล้วยังมีสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนอาจจะไม่ชอบ นั่นก็คือ เป็นเดือนที่เริ่มต้นฤดูร้อนของประเทศไทย และไม่ใช่ร้อนธรรมดา แต่ร้อนมาก และสถานที่ดับร้อนที่ฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้นการเที่ยวทะเล

ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลมาหลากหลายที่ทั่วโลก และถ้าถามผมว่า 5 ชายหาด Must Be There ไหนบ้างที่ควรไปและเพราะอะไรนั้นมาดูกันครับ

Must Be There No 5. Cable Beach, at Broome in Western Australia

เมือง Broom เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทสออสเตเลีย การเดินทางไปที่นี่หากมาจากประเทศไทยสามารถเดินทางโดยเครื่องบินตกระยะทางประมาณ 6 ชั่วโมงมาที่ เมือง Perth และต่อเครื่องอีก 2 ชั่วโมงเพื่อมาเมือง Broome แม้เมือง Broome จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่เป็นเมืองที่มีชายหาดงดงามที่สุดใน ออสเตรเลีย ชื่อว่า Cable Beach

mbt2

Cable Beach เป็นชายหาดที่ได้ขึ้นชื่อว่าโรแมนติดที่สุดแห่งหนึ่ง ของ Western Australia ที่เมือง Broome เป็นชายหาดยาว 22 กิโลเมตร ทรายขาวนวลเนียน นักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมต่างๆตามชายหาดรวมถึง เฝ้ามองพระอาทิตย์ตกที่จัดว่าเป็นช่วงเวลาสุดโรแมนติคมากๆ

mbt4

mbt

ทุกๆเย็นจะมีคู่รักมานั้งดู พระอาทิตย์ตก สำหรับผมมองว่า ที่นี้เป็นชายหาดที่โรแมนติกที่สุดในโลก เพราะนอกจากจะมีชายหาดที่สวยงามแล้ว ตรงแถวชายหาดจะมี โรงหนังกางแปลงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยที่โรงหนังกลางแปลงนี้ จะฉายหนังวันละ 2 รอบ  ชายหาด Cable Beach นี้ นอกจากจะมีโรงหนังกลางแปลง  หากตอนพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เราสามารถมานั่งดูดาว ในมุมที่เรียกว่า 180 องศา ได้เลยเพราะที่นี้ไม่มีภูเขา และ ภูมิประเทศของที่นี้ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย จึงไม่เมฆมาบดบังแสงดาวยามค่ำคืนได้เลย

mbt5

mbt6

mbt3

Must Be There No 4. Pink Beach

หนึ่งในชายหาดสำหรับคนที่ชื่นชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติค ที่ชื่อว่า Pink Beach หรือชายหาดสีชมพู บนเกาะโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย ที่นี้ได้ชื่อว่าชายหาดสีชมพู่ เพราะชายหาดเป็นสีชมพูที่เกิดจากการรวมตัวกันของทรายสีขาวผสมกับทรายสีแดงที่เกิดจากตะกอนประการังสีแดง Pink Beach แห่งนี้เป็นหนึ่งในชายหาดสีชมพูที่มีเพียง 7 แห่งของโลกเท่านั้น ความโรแมนติคที่นอกจากทรายบนชายหาดสีชมพูแล้ว ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยสุดๆ โรแมนติกทั้งชายหาดและพระอาทิตย์เลยทีเดียว

mbt7

mbt8

mbt9

 Must Be There No 3. ทะเลเดดซี หรือ ทะเลมรณะ (ทะเลเกลือ)

เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุด  ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานส์จอร์แดนที่ด้านตะวันออก แม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมายังทะเลเดดซีนี้ ซึ่งมีความยาว 80 กิโลเมตร และมีความกว้างถึง 18 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่นั้น 1,020 ตารางกิโลเมตร

แม้ประเทสจอร์แดนจะเต็มไปด้วยทะเลทราย แต่หลายๆคนก็เลือกที่จะมาสักครั้งกับทะเลที่ไม่มีวันจม และรอบๆทะเล เดดซีนั้น จะมีโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เรียงรายให้เลือกในการมาพักผ่อนตากอากาศ

mbt10

mbt11

 Must Be There No 2.  ชายหาดโคปาคาบานา

ชายหาดที่ยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีทางเดินเลียบชายหาดสไตล์โปรตุเกสที่ปูกระเบื้องเป็นรูปคล้ายลอนคลื่นในทะเล อีกทั้งทิวทัศน์รอบข้างยังมีเสน่ห์ด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน

หากมองลองมาจากด้านบนจะเห็นหาดโคปาคาบานาเป็นชายหาดโค้งรับกับหาดทรายขาวและ น้ำทะเลสีฟ้าสดใส แต่สิ่งที่ทำให้ชายหาดดูมีสีสันก็คงเป็นสาวๆแซมบ้าแสนเซ็กซี่กำลังอาบแดดบน ชายหาดในชุดบิกินี่ ส่วนหนุ่มกล้ามโตผิวสีน้ำตาลสวยในกางเกงว่ายน้ำก็น่าดูไม่แพ้กัน โดยกิจกรรมบนชายหาดแห่งนี้นอกจากจะมาอาบแดดและเล่นน้ำทะเลกันแล้ว วอลเล่ย์บอลและฟุตบอลชายหาดก็เป็นกิจกรรมที่นิยมไม่แพ้กัน

หาดโคปาคาบานานี้จะมี ธงอยู่ 2 สี คือ สีเขียวและสีแดง เพื่อเตือนนักท่องเที่ยวว่าควรลงไปเล่นน้ำหรือไม่ เพราะคลื่นที่นี่ค่อนข้างสูงถึงประมาณ 3-5 เมตร หากธงสีเขียวหมายความว่าสามารถลงไปเล่นได้

mbt12

mbt13

Must Be There 1. ชายหาดที่สวยที่สุดของผม นั้นก็คือ เกาะแฟร์นันโด ดี โนโรญา

เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งห่างจากฝั่งถึง 354 กิโลเมตร การเดินทางมาที่นี่ต้องบินด้วยเครื่องบินลำเล็กเท่านั้น ซึ่งหากมาจากประเทศไทยนั้นค่อนข้างใช้เวลามาก การเดินทางต้องใช้เวลาบินมายังประเทศ Brazil ประมาณ 21 ชั่วโมงแล้วยังต้องใช้อีกประมาณ 5 ชั่วโมงบินจากเมือง รีโอ มายังเกาะนี้ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงเกือบทุก 15 นาที ฝนตกสลับแดดออกจึงทำให้ธรรมชาติสมบูรณ์มาก

mbt15
การมาเกาะแฟร์นันโดนั้นค่อนข้างจะยากมาก เพราะต้องทำเรื่องขอเข้าเกาะให้ได้ก่อนถึงมาได้ และจะมีนักท่องเที่ยวเพียงประมาณ 7,000 คน ที่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ต่อปี  ที่นี่มีน้ำทะเลที่ใสมากๆ และมีชายหาดที่สวยที่สุดในโลก จากการ vote ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก 2014 เพราะบริเวณชายหาดจะมีน้ำตกด้วย และ เนื่องจากที่นี้เป็นเกาะที่มีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวน้องมาก ธรรมชาติจึงสมบูรณ์มากๆ

mbt14

 

Follow our Writer at:  MustBeThere

mbt18

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line