World

Ole Gunnar Solskjaer Era: 5 ผลงานยอดเยี่ยมในนามผู้จัดการ Man Utd โหวตโดยแฟนบอลปีศาจแดง

By: JEDDY November 26, 2021

“และแล้วก็ถึงเวลา และแล้วเธอก็ต้องไป” ท่อนร้องจากเพลง “เกิดมาแค่รักกัน” ของวง Big Ass ดังขึ้นมาในหัวทันทีหลังจากที่ทราบข่าวการถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์  เป็นการเซ่นผลงานอันย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา 12 นัด แพ้ไปถึง 5 นัด ซึ่งฟางเส้นสุดท้ายของบอร์ดบริหารเกิดขึ้นในนัดที่แพ้วัตฟอร์ดไป 4-1

จริงอยู่ที่บรรดาแฟนบอลปีศาจแดงต่างต้องการให้โซลชาร์ลงจากตำแหน่งมาซักพักแล้ว แต่พอจากไปจริง ๆ กลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งมันอาจจะมาจากทั้งความรักและความผูกพันตั้งแต่สมัยที่โซลชาร์ยังเป็นนักเตะในฐานะตำนานของสโมสรกับบทบาทซุปเปอร์ซับฉายา “เพชรฆาตหน้าทารก” เป็นนักเตะที่ไม่เคยปริปากบ่นแม้จะลงเล่นในตำแหน่งตัวสำรองเป็นประจำก็ตาม แต่ลงมาทีไรก็สามารถสร้างสถานการณ์ที่ช่วยให้ปีศาจแดงกลับมาได้เปรียบอยู่เสมอ

ในเมื่อโซลชาร์จากไปแล้ว ความขุ่นเคืองในใจของแฟนบอลก็ค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย และเพื่อเป็นการให้เกียรติความจงรักภักดีและความทุ่มเทของโซลชาร์ เราขอพาย้อนความทรงจำอันสวยงามกับ 5 แมตช์ยอดเยี่ยมของแมนยูไนเต็ดในยุคโซลชาร์


คาร์ดิฟ ซิตี้ 1-5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
(พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018/2019 : วันที่ 23 ธันวาคม 2018)

หลังจากที่โชเซ่ มูริญโญ่ ถูกปลดจากตำแหน่ง โซลชาร์ก็เข้ามารับหน้าที่ต่อในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราว และสามารถสร้างความประทับใจให้แฟนบอลได้ทันทีด้วยการบุกไปประเทศเวลส์ถล่มคาร์ดิฟ ซิตี้ อดีตสโมสรที่เขาเคยคุมทีมเละเทะถึง 5-1

เกมรุกของแมนยูไนเต็ดดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอย่างชัดเจน รวมไปถึงจิตใจของนักเตะก็มุ่งมั่นที่จะเอาชนะตามแบบฉบับจิตวิญญาณของปีศาจแดง ถือเป็นการเปิดตัวได้เพอร์เฟคจริง ๆ


เปแอสเช 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
(ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 วันที่ 7 มีนาคม 2018)

นัดแห่งปาฏิหารย์ที่แฟนบอลไม่มีวันลืม การพลิกนรกเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างเร้าใจ ได้อารมณ์การโกงความตายเหมือนในยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ในนัดแรกแมนยูไนเต็ดแพ้เปแอสเชคาบ้านมา 0-2 ทำให้สถานการณ์การเข้ารอบดูริบหรี่มาก โดยเฉพาะความเสียเปรียบของกฎประตูทีมเยือน แถมบรรดานักเตะของทีมดังจากฝรั่งเศสยังเต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์มากมาย แม้ในนัดนี้จะขาดเนย์มาร์ แต่ก็ยังมีเอ็มปัปเป้, ดิ มาเรีย, แวร์รัตติ รวมไปถึงธิอาโก้ ซิลวา

แต่ด้วยแพชชั่นที่เต็มเปี่ยมของบรรดาพลพรรคนักเตะปีศาจแดงในตอนนั้นมันก็ส่งให้พวกเขาบุกไปเอาชนะเปแอสเชได้ถึงถิ่นในสกอร์ 1-3 ทำให้พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายตามกฎประตูทีมเยือน (สกอร์รวม 3-3)


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เชลซี
(พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020 วันที่ 11 สิงหาคม 2019)

นัดเปิดฤดูกาล 2019/2020 และตอนนี้โซลชาร์ได้กลายเป็นผู้จัดการทีมถาวรเป็นที่เรียบร้อย นี่คือนัดของการเผชิญหน้าระหว่างอดีตนักเตะตำนานสโมสร เพราะทีมเชลซีคุมทีมโดยแฟรงค์ แลมพาร์ด นั่นเอง

แม้รูปเกมแมนยูไนเต็ดจะตกเป็นรอง แต่ด้วยแทคติกการสวนกลับที่เฉียบคมและการจบสกอร์ที่แม่นยำทำให้พวกเขาบดขยี้ผู้มาเยือนจากลอนดอนไปได้อย่างขาดลอย ซึ่งทีมเจ้าถิ่นไม่เคยเอาชนะเชลซีได้ในสกอร์นี้นับตั้งแต่ปี 1965 เลยทีเดียว


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 เซาแทมป์ตัน
(พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/2021 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2021

นับตั้งแต่ยุคของเฟอร์กี้ เราก็ไม่ได้เห็นการยิงประตูถล่มทลายมานานแล้ว จนกระทั่งมาถึงยุคของโซลชาร์ในเกมที่พบกับนักบุญ เซาแทมป์ตัน หลังจากเริ่มเกมได้เพียง 2 นาที อเล็กซานเดร แยน เควิตซ์ ไปทำฟาล์วใส่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ทำให้ถูกใบแดงไล่ออกตั้งแต่นาทีที่ 2 ตามมาด้วย ยาน เบดนาเร็ก ถูกใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงในนาทีที่ 86 ด้วยจำนวนผู้เล่นที่น้อยกว่าของคู่แข่ง ลูกทีมของโซลชาร์ก็ใช้โอกาสนี้ดาหน้าบุกถล่มทีมนักบุญยับเยินถึง 9-0 แบบไร้ความปราณี

ในช่วงนั้นแมนยูไนเต็ดยังฟอร์มร้อนแรงไม่แพ้ใครมาติดต่อกันถึง 9 นัด (ชนะ 4 เสมอ 5)


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
(พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020 วันที่ 8 มีนาคม 2020)

นอกจากศึกแดงเดือด อีกหนึ่งเกมที่แพ้ไม่ได้คือเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ภารกิจจมเรือใบจึงสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวทีมและแฟนบอล ต่างก็กระหายชัยชนะในนัดนี้ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ความเข้มข้นของเกมยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกเท่าตัว และแมตช์นี้คือสุดยอดความทรงจำของเหล่าบรรดาแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลก

บรรยากาศในเกมนี้แม้จะชมผ่านจอทีวีก็ต้องบอกได้เลยว่าสุดยอดและบีบหัวใจเอามาก ๆ แน่นอนว่ารูปเกมของแมนยูไนเต็ดมาในสไตล์ตั้งรับรอสวนกลับ และเป็นอีกครั้งที่แทคติกนี้สามารถใช้ได้ผล

ลูกแรกได้มาจากลูกตั้งเตะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ บรูโน่ แฟร์นานเดส อาศัยจังหวะเล่นเร็วกระดกบอลข้ามกำแพงให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หลุดเข้าไปยิงให้ทีมขึ้นนำ

หลังจากนั้นตลอดทั้งเกมแมนซิตี้ก็คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด แต่ไม่สามารถเจาะตาข่ายได้เลย จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 6 ของครึ่งหลังแมนซิตี้กำลังพยายามจะบุกเพื่อลุ้นประตูตีเสมอ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวเขา บอลเริ่มต้นจาก เอเดอร์สัน ผู้รักษาประตูชาวบราซิลเลี่ยนพยามยามเขวี้ยงบอลเปิดเกมไปข้างหน้า แต่ดันผิดพลาดเพราะมันดันไปเข้าทาง สก็อต แม็คโทมิเนย์ กองกลางชาวสก็อตติช วิ่งเข้ามาซัดแบบไม่ต้องบอลพุ่งเข้าตาข่ายไปแบบสะใจทั้งผู้เล่นและคนดู จบเกมปีศาจแดงแตกทัพเรือใบได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-0

แม้ เป็ป กวาร์ดิโอลา จะเก่งกาจขนาดไหน แต่เขามักจะแพ้ทางโซลชาร์อยู่เป็นประจำ


5 เกมส์เหล่านี้คือความทรงจำอันงดงามที่กุนซือชาวนอร์เวย์ผู้นี้ได้มอบให้กับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าเสียดายที่ประสบการณ์และฝีมือของเขายังสะสมเลเวลมาไม่พอที่จะพาทีมกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง

แต่เชื่อได้เลยว่าหากโซลชาร์ยังไม่ท้อแท้กับเส้นทางนี้ และคอยเรียนรู้ขัดเกลาฝีมือ ในอนาคต โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอนครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line