Work

อยู่กันยาว ๆ : อย่าคิดจะลาออก หาก BOSS ของคุณมีคุณสมบัติโคตรเจ๋ง 5 ข้อนี้

By: PEERAWIT March 12, 2018

หนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเริ่มต้นทำงานที่ใหม่ก็คือ ‘เจ้านาย’ ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะไม่ค่อยรู้ว่าหัวหน้าคนใหม่ของเราจะมาในสไตล์ไหนแม้จะเจอกันแล้วตอนสัมภาษณ์ หรือมีคนบอกให้ฟังแล้วคร่าว ๆ แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายเราคงต้องรอวันที่ได้ทำงานกับ boss คนนี้ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร

คนที่เจอเจ้านายดี ๆ ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ดี ๆ ที่มาพร้อมกับความรู้ หลายคนก็หดหู่เหลือเกินที่ต้องทนกับหัวหน้าฟีลแย่จนตัดสินใจลาออก แถมมีโอกาสซวยซ้ำซ้อนเหมือนกันกับออฟฟิศใหม่ แต่เราอยากจะบอกว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็คต์หรอก ทุกคนมีข้อดีข้อเสีย วันหนึ่งหากคุณรู้สึกกังขากับ boss ของคุณขึ้นมา อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ลองสังเกตุดูว่าเขามีคุณสมบัติ 5 ข้อนี้หรือไม่ ถ้ามีครบถ้วน อย่าทิ้งเขาไปเลยครับ อยู่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับหัวหน้าคนนี้จนสุดทางเลยดีกว่า

 

1.มีศิลปะในการฟัง

Peter Drucker ผู้ถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการบริหารยุคใหม่ชาวอเมริกันผู้ล่วงลับเคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารก็คือการได้ยินในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้พูด” 

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การพูดเก่งเท่านั้น ถ้าหัวหน้าของคุณเป็นโคตรผู้ฟังที่ดี มีศิลปะในการปกครอง คอยซักถามถึงสิ่งที่ลูกน้องต้องการเสมอ รวมถึงมีความสามารถในการหยั่งรู้และเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจผู้อื่นแล้วหละก็ ถือว่าคุณโชคดีมาก ๆ ผู้นำคนไหนที่ใส่ใจฟังเสียงจากใจของลูกน้องก็จะสร้างความเชื่อใจและเรียกความภักดีได้ไม่ยาก

 

 2.เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม

ทุกวันนี้ความสามารถในการ coaching ถือเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของผู้นำในบรรดาองค์กรที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด

ถ้าหัวหน้าของคุณอุทิศเวลาในการสอนงานและให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตกับคุณ รวมถึงเป็นผู้นำที่ดีในการหาทิศทางการทำงาน ประเมินประสิทธิภาพได้เที่ยงตรง และเติมเต็มความสำเร็จให้กับภารกิจต่าง ๆ ให้กับองค์กรได้ แบบนี้ยินดีด้วยครับ ยิ่งหากถ้าคุณเป็นหนุ่ม Millennials ไฟแรงแล้วหละก็ เจอนายแบบนี้คุณจะแฮปปี้มาก เพราะเขาจะโค้ชคุณให้ประสบความสำเร็จแบบไม่หวงวิชา

 

3.ผลักดันลูกทีมเต็มที่

หัวหน้าเจ๋ง ๆ มักจะร่วมงานกับลูกทีมอย่างใกล้ชิด และค้นหาพรวรรค์และจุดแข็งของคนนั้น ๆ เพื่อหางานที่เหมาะสมที่สุดให้ลุยอย่างมีความสุข เขาจะคอยปลดล็อกศักยภาพของลูกน้องในทีมเสมอ ไม่เอาดีเข้าตัวแต่อย่างเดียว สร้างสปิริตในการเรียนรู้ให้กับองค์กร และสื่อสารประโยคที่ว่า “การส่งเสริมพนักงานทุกคนคือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา” ออกมาเป็นการกระทำ

เจอ boss แบบนี้เข้าไป อย่าไปไหนเลยครับ เชื่อผม

 

4.สื่อสารอย่างโปร่งใสและเปิดใจ

ขอยกตัวอย่างโมเดลการทำงานของ The Container Store บริษัทที่ติดอันดับ 93 ของ 100 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดจากการจัดอันดับของ Fortune มาเล่าให้ฟังกันหน่อย ผู้บริหารที่นั่นจะเปิดเผยทุกสิ่งให้พนักงานได้รับรู้แบบไม่กลัวเสียการปกครอง และผลที่ได้ก็คือพนักงานที่นั่นรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างแท้จริง

หนึ่งในผู้บริหารของ The Container Store เคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าการทำให้ใครสักคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมด้วยการสื่อสารทุกอย่างกับเขาแบบเปิดเผย เรารู้ว่าข้อมูลบางอย่างที่แชร์ไปอาจตกไปอยู่ในมือของคู่แข่งได้ แต่ถ้าเทียบกับข้อดีที่ได้จากการทำเช่นนี้ ถือว่าคุ้มเสี่ยง” 

ถ้าคุณทำงานกับหัวหน้าที่ปฏิบัติกับคุณในสไตล์นี้ ทุ่มเทให้เขาเถอะครับ

 

5.บริหารงานด้วยความเข้าใจและเห็นใจ

ผู้นำที่ไม่เห็นแก่ตัวมักจะแคร์ความรู้สึกของลูกน้อง มีความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจในความทุกข์ของลูกทีมรวมถึงอยากช่วยแก้ปัญหานั้น ๆ

หัวหน้าที่ดีจะใช้ ‘อำนาจ’ ของเขาในการทำลายความเจ็บปวดและช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของพนักงาน ซึ่งจากการวิจัยระบุชัดเจนว่า หากองค์กรใดมีความเห็นใจและการให้อภัยอยู่ในวัฒนธรรมขององค์กรนั้น ๆ จะทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น, มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ,ทำกำไร และมีการพัฒนาในทุกส่วน ในขณะที่ตัวเลขการย้ายเข้าออกลดน้อยลง ซึ่งคุณก็ไม่ควรจะเป็นคนที่ทำให้ตัวเลขนี้เพิ่มนะครับ

ถ้าหัวหน้าของคุณมีคุณสมบัติครบทั้ง 5 ที่กล่าวมา เราขอแสดงความยินดีด้วยจริง ๆ ครับ สู้ถวายหัวให้เขาได้เลย แต่ต้องอย่าลืมว่าการเป็น ‘มืออาชีพ’ ไม่ว่าจะเจอผู้นำแบบไหนเราก็ต้องทำงานเต็มที่และรักษาหน้าที่ให้ดี และท่องไว้เสมอว่า อะไรที่เราไม่ชอบในตัว boss ก็อย่าเอาติดตัวไปลงกับลูกน้องของเราในอนาตคก็แล้วกันครับ จะได้ทำงานมันส์ ๆ เจ๋ง ๆ ออกมาด้วยกันได้อีกยาว

SOURCE

 

PEERAWIT
WRITER: PEERAWIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line