

World
“ผมเกลียดที่ต้องโดนเปรียบเทียบกับพ่อ”เรื่องราวสุข เศร้า เคล้าน้ำตาของพ่อลูกตระกูล SCHMEICHEL
By: unlockmen July 3, 2018 111920
ถึงแม้ว่าเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างทีมชาติโครเอเชียกับทีมชาติเดนมาร์กจะจบลงด้วยชัยชนะของทีมตราหมากรุกจากการดวลจุดโทษ แต่ถ้าพูดถึงผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในเกมดังกล่าวกลับเป็นผู้รักษาประตูของทีมปราชัยอย่าง ‘Kasper Schmeichel’ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมนามสกุลดูคุ้นตา เพราะ Kasper คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ Peter Schmeichel ผู้รักษาประตูระดับตำนานของทีมชาติเดนมาร์กและทีมปีศาจแดง Manchester United
ไฮไลต์ในเกมดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 116 ของการแข่งขัน ขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ Ante Rebic โดน Mathias Joergensen กองหลังทีมชาติเดนมาร์กเสียบสกัดในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้เป็นจุดโทษทันที โครเอเชียส่งเพชฌฆาตอย่าง Luka Modric หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกมาเป็นคนสังหาร เป็นการดวลกันตัวต่อตัวโดยมีประเทศชาติเป็นเดิมพัน ซึ่งผู้ชนะในการดวลครั้งนี้คือ Kasper Schmeichel ที่สามารถโชว์ซูเปอร์เซฟได้อย่างงดงาม ฉุดทีมชาติเดนมาร์กที่เหมือนตกรอบไปแล้วครึ่งตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง และทันทีที่ Kasper Schmeichel สามารถป้องกันประตูไว้ได้ กล้องในสนามก็จับไปที่ Peter Schmeichel ซึ่งในตอนนั้นอยู่ในอารมณ์สะใจ ดีใจ ภูมิใจผสมปนเปกันไปพร้อมตะโกนไปรอบ ๆ ถ้าให้เดาคงกำลังพูดว่า “นี่ลูกผม ๆ” เป็นภาพที่คนดูอย่างเราเห็นแล้วเกือบน้ำตาซึม
พ่อลูกคู่นี้คงมีสายสัมพันธ์กันเหนียวแน่นมาก แต่เชื่อว่าคงมีอีกหลายแง่มุมที่เราไม่เคยรู้ เช่นการเป็นลูกชายผู้รักษาประตูระดับตำนานและตัวเองก็เล่นในตำแหน่งเดียวกันต้องแบกรับความกดดันไว้มากขนาดไหน
ถึงแม้เลือดเนื้อเชื้อไขจะเป็นชาวเดนิช 100% แต่ด้วยหน้าที่การงานของพ่อที่ในขณะนั้นค้าแข้งอยู่กับสโมสร Manchester City ทำให้ในวัยเด็ก Kasper จึงใช้ชีวิตอยู่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ และก็เหมือนครอบครัวนักฟุตบอลทั่วไปที่มักจะส่งเสริมลูกตัวเองให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ Kasper จึงได้เข้าร่วมอคาเดมีของสโมสร Manchester City ตั้งแต่อายุ 16 ปี
Kasper Schmeichel เลือกเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูตามรอยคุณพ่อมาตั้งแต่แรก ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญมากเนื่องจากเขาย่อมรู้ดีว่าพ่อของเขายิ่งใหญ่ขนาดไหน ยังไงเสียผู้คนก็ต้องคาดหวังว่าเขาจะทำได้ดีเหมือนพ่อ
Kasper โดนคาดหวังจากคนรอบตัวสูงลิบ แต่ในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลนั้นเขากลับทำได้ไม่ถึง 1 ใน 10 จากความคาดหวังนั้นด้วยซ้ำ เขาเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ในสโมสร Manchester City หลายปี แต่ก็ไม่สามารถเบียดขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ได้สำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นจอมพเนจรเลยก็ว่าได้ Kasper โดน Manchester City ปล่อยยืมตัวไปเล่นกับสโมสรเล็ก ๆ หลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น Darlington, Bury, Cardiff City และอีกมากมาย
แม้จะพอได้ลงเล่นบ้างแต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าประสบความสำเร็จอยู่มาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เป็นพ่อจะยิ่งเห็นความแตกต่าง ในช่วงอายุเดียวกัน Peter Schmeichel สามารถเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักให้กับ Brondby IF ทีมชั้นนำให้ลีกประเทศเดนมาร์กได้เรียบร้อยแล้ว และเมื่ออายุ 27 ก็ได้ย้ายไปสร้างตำนานที่ Manchester United ขึ้นแท่นกลายเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก ในขณะที่ Kasper ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่ในลีกระดับล่าง เชื่อเลยว่าเขาคงกดดัน โดนสังคมโจมตี เปรียบเทียบเขากับพ่ออย่างหนักแน่นอน ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพออาจจะถึงขั้นแขวนสตั๊ดได้เลย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Kasper เลือก เขาตัดสินใจสู้
คงไม่มีใครชื่นชอบการอยู่ใต้ร่มเงาของพ่อแม่ตลอดเวลา ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามว่า “นี่ลูก…ใช่มั้ย พ่อของเธอเก่งมากเลยนะ” โดยเฉพาะถ้าผู้เป็นลูกผู้เดินตามเส้นทางประกอบอาชีพเดียวกับพ่อความหนักหนาจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว และเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่มีใครเข้าใจมันได้ดีไปกว่าคู่พ่อลูก Peter และ Kasper Schmeichel
“คุณเป็นคนเก่งนะ เพียงแต่พ่อของคุณเขาสุดยอดเกินไปก็เท่านั้นเอง”
นี่คือคำพูดที่ Kasper Schmeichel ได้ยินจนเบื่อ และทุกครั้งที่เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้ง ๆ และพูดขอบคุณไปเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ฝ่ายลูกแต่ Peter Schmeichel ผู้เป็นพ่อก็เกลียดการเปรียบเทียบแบบนี้เข้าไส้เช่นกัน ครั้งหนึ่งสองพ่อลูกได้ออกไปนั่งรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ก่อนที่จะมีแฟนคลับของ Peter Schmeichel เข้ามาทักทายพูดคุย
“คุณคือตำนาน Peter ลูกชายของคุณก็ทำได้ดีนะแต่เขาไม่มีทางเทียบเท่าคุณได้”
“คุณเดินมาถึงนี่เพื่อจะดูถูกลูกชายผมงั้นเหรอ ไปซะ ไปให้พ้นหน้าเดี๋ยวนี้!” Peter ตอบกลับแฟนคลับตัวเองอย่างเดือดดาล
จากเหตุการณ์นี้เรารับรู้ได้ทันทีว่าผู้เป็นพ่อก็ลำบากใจเรื่องการเปรียบเทียบไม่น้อยไปกว่าลูกชายเลย เขาคงรู้สึกแย่มาตลอดที่ความยิ่งใหญ่ของตัวเองกลายมาเป็นสิ่งทำร้ายผู้เป็นลูก
ตลอดชีวิตการค้าแข้ง Kasper Schmeichel โดนคำสบประมาท การเปรียบเทียบแดกดันสารพัด แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็สามารถลบคำพวกนั้นออกไปได้ด้วยตัวของเขาเอง จากนักฟุตบอลที่ดูเหมือนจะล้มเหลวในอาชีพไปแล้วสำหรับ Kasper แต่มาวันหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตก็มาถึงเมื่อเขาย้ายจากทีม Leeds United มาสู่อ้อมอก Leicester City และที่นี่เอง Kasper เหมือนได้เกิดใหม่ เขาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนสามารถพาทีมที่ขณะนั้นอยู่ในลีกระดับ Championship เลื่อนชั้นสู่ Premier League ได้สำเร็จ
เท่านั้นยังไม่พอ Kasper Schmeichel ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างปาฏิหาริย์พาทีมม้านอกสายตาอย่าง Leicester City คว้าแชมป์ Premier League ได้สำเร็จ ซึ่งจากเรื่องนี้เองทำให้บารมีความยิ่งใหญ่ของ Kasper Schmeichel มีไม่น้อยกว่าผู้เป็นพ่อเลย ถึงแม้จำนวนถ้วยรางวัลนั้นจะยังห่างไกล แต่การพาทีมอย่าง Leicester City ซึ่งเป็นทีมเต็งอันดับสุดท้ายคว้าแชมป์ Premier League นั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไปพูดกับใครก่อนเริ่มฤดูกาลคงมีแต่คนด่าว่าบ้า แต่ในตอนนี้ Kasper Schmeichel พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพรสวรรค์การป้องกันประตูของตระกูล Schmeichel สืบทอดผ่าน DNA ได้!
นอกจากความประทับใจที่เราได้จากการอ่านเรื่องราวของสองพ่อลูกคู่นี้แล้ว ยังได้ข้อคิดดี ๆ ติดตัวมาด้วยนั่นคืออย่าให้ใครมากำหนดว่าชีวิตของเราต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มันเป็นของเรา เราต้องเลือกเองว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน และต้องมั่นใจอย่าหวั่นไหวกับคำสบประมาท สักวันหนึ่งโลกจะได้เห็นเองว่านี่แหละตัวตนที่แท้จริงของคุณ