Work

ทำไม WORK-FROM-HOME จึงเป็นรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและจัดการกลยุทธ์ได้ดีที่สุด

By: PERLE September 17, 2018

ในยุคที่กระแสสังคมพัดผ่านอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับทุกอย่าง ไม่เว้นแม่แต้วัฒนธรรมการทำงาน ก่อนหน้านี้ถ้าเราพูดถึงการทำงาน ความหมายของมันมีรูปแบบเดียวคือการเดินทางออกจากบ้านไปทำงานในสถานที่ที่องค์กรต้นสังกัดจัดไว้ให้ แต่ทุกวันนี้มีงานหลายประเภทที่สามารถทำได้จากทุกที่ในโลก ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานถึงที่ จึงเกิดรูปแบบการทำงานใหม่ที่เรียกว่า Work-From-Home ขึ้นมา

Work-From-Home ดีจริงหรือ? การทำงานที่บ้านจะดีกว่าที่ทำงานได้ยังไง? พนักงานจะมีความรับผิดชอบพอหรือเปล่า? งานจะไม่เละเทะเหรอ? และสารพัดคำถาม แต่ตอนนี้มีผลการสำรวจออกมาช่วยยืนยันแล้วว่า Work-From-Home คือรูปแบบการทำงานที่ดีที่สุดในการจัดการกลยุทธ์ต่าง ๆ สำหรับบริษัท ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากการศึกษาของ Harvard Business Review ได้ทำการทดลองเรื่อง Work-From-Home กับพนักงานบริษัท Call Center แห่งหนึ่ง โดยได้แบ่งพนักงานเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ทำงานที่บ้าน ส่วนอีกกลุ่มให้เดินทางมาทำงานที่ออฟฟิศตามเดิม เวลาผ่านไป 9 เดือน เมื่อนำผลลัพธ์การทำงานของพนักงานทั้ง 2 กลุ่มมาเปรียบเทียบกันพบว่ากลุ่มพนักงานที่ทำงานที่บ้านสามารถทำยอดขายรวมได้มากกว่ากลุ่มทำงานที่ออฟฟิศถึง 13.5% เลยทีเดียว

ลดความตึงเครียด

จากการสำรวจของ Ctrip เกี่ยวกับความพึงพอใจในงานพบว่าพนักงานที่สามารถทำงานจากบ้านได้นั้นมีความพึงพอใจและมีความสุขกับงานมากกว่าพนักงานที่ต้องไปทำงานที่ออฟฟิศเป็นประจำถึงเท่าตัว ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงมาก

นอกจากเรื่องความสุขในการทำงานแล้ว บริษัทที่มีนโยบาย Work-From-Home สามารถหาพนักงานเข้ามาทำงานได้ง่ายกว่าบริษัททั่วไปถึง 41%

ลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท

นโยบาย Work-From-Home นอกจากจะมีข้อดีกับบรรดาพนักงานแล้ว ตัวบริษัทเองก็ได้ประโยชน์ไม่แพ้กัน เพราะเมื่อพนักงานทำงานที่บ้าน ทรัพยากรในการทำงานก็ย่อมตกเป็นภาระหน้าที่ของตัวพนักงานเองที่ต้องแบกรับ เช่นค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอินเตอร์เน็ต ปากกาเครื่องเขียน และอีกสารพัด เรียกว่าเป็นนโยบายที่แฮปปี้วิน-วินกันทั้ง 2 ฝ่าย

อาการป่วยไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป

อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การที่พนักงานมีอาการป่วยแล้วฝืนมาทำงานนั้นส่งผลเสียต่อบริษัทอย่างร้ายแรงเกินกว่าที่คาดไว้มาก จากสถิติของสำนักแรงงานสหรัฐอเมริกาการแพร่เชื้อหวัดสู่เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ นั้นเป็นสาเหตุให้เกิดการขาดงานที่มากขึ้นและส่งผลต่อรายได้ของบริษัท โดยทุก ๆ วันในสหรัฐอเมริกามีการสูญเสียรายได้จากสาเหตุนี้มากกว่า 1 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

บริษัทจ่ายเงินเดือนน้อยลง

เงินเดือนพนักงานคือรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุดของบริษัท ดังนั้นจึงน่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทถ้าสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงได้ ซึ่งตามรายงานผลสำรวจจาก American Economic Review พบว่าพนักงานส่วนใหญ่ยินดีจะลดเงินเดือนของตัวเองลง 8% แลกกับการที่พวกเขาสามารถทำงานที่บ้านได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจากผลสำรวจของหลายสำนักจะลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าการทำงานแบบ Work-From-Home คือรูปแบบการทำงานที่ดีที่สุดในปัจจุบัน แต่เรื่องแบบนี้เป็นวัฒนธรรมเฉพาะองค์กร การจะเปลี่ยนแบบปุปปัปน่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี การค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิดน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

SOURCE1

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line