

Work
COFFEE SHOP EFFECT: ออกไปทำงานข้างนอกไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เพิ่มพลังการทำงานได้จริง
By: unlockmen July 22, 2019 154517
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายุคนี้มันเป็นยุคร้านกาแฟครองเมือง เพราะแทบทุกสัปดาห์ Facebook มักจะมีร้านคาเฟ่แนะนำใหม่ ๆ หรือ Co-Working Space ดี ๆ ผุดขึ้นมาให้เห็นบนหน้า feed ตลอดเวลาจนเราสงสัยว่าอะไรมันจะบูมขนาดนั้น แต่เราก็ยังขยันไปแวะร้านใหม่ ๆ เหมือนกันเพื่อหาพื้นที่ดี ๆ ไว้ทำงาน
ทำงานในคาเฟ่ทำไม? ออฟฟิศก็มี บ้านก็ฟรี กระเสือกกระสนไปทำไมให้เสียเงิน?
เชื่อว่าขณะที่เราลากตัวเองพร้อมหอบคอมกับอุปกรณ์ชาร์จหนักรวมโลกว่า ๆ ไปไหนมาไหนเพื่อหาที่ปักหลักทำงาน มันต้องเคยมีคนถามคำถามนี้ โดยที่ตัวเองก็ยังตอบไม่ได้ด้วยว่าทำไม แต่ที่รู้ ๆ คือสมองมันแล่นมากกว่าจริง ๆ ปริมาณงานก็ทำได้เยอะกว่า
ถ้าคุณยังหาคำตอบไม่ได้ โปรดรู้ไว้ว่าปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า Coffee Shop Effect ซึ่งมาพร้อมกับข้อดีต่าง ๆ ที่เพิ่มศักยภาพการทำงานต่อไปนี้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ Ambient ที่เกิดในร้านกาแฟมันกระตุ้นสมองเราให้ทำงานได้ดีไม่แพ้การจิบคาเฟอีนประจำร้าน จึงไม่แปลกที่งานครีเอทีฟหรือความหัวแล่นมักจะเริ่มต้นขึ้นจากในนั้น โดยผลวิจัยของ Van der Groen พิสูจน์ให้เห็นว่าประสาทสัมผัสที่เกิดขึ้นจากการรบกวนนี้ ถ้าเราได้รับมันในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้สมองกระตุ้นและเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองใหม่ได้
รูประดับคลื่นเสียงแต่ละแบบ ระดับเสียงรบกวนที่เหมาะสมไม่ว่าจะจากสัญญาณแทรกอุปกรณ์หรือสภาพแวดล้อมคือแบบ optimal noise
กุญแจสำคัญที่กล่าวถึงการรบกวนแบบพอเหมาะนี้เชื่อมโยงกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเรียกว่า “stochastic resonance” หรือการกำทอนทางสถิติ แม้ชื่อจะเข้าใจยาก แต่อธิบายได้ง่าย ๆ ว่าบางครั้งเสียงหรือสัญญาณที่มารบกวนเราจากสภาพแวดล้อมในปริมาณพอเหมาะแทนที่จะเป็นการรบกวนกลับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ ซึ่งเรื่องนี้เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าต่อให้เป็นเพลงที่เราชอบฟังผ่านสตรีมอุดหูไว้เวลาทำงาน ถ้าเปิดดังเกินไปก็ทำให้สมาธิเรากระเจิงได้เช่นกัน
ด้วยอัตราเสียงแบบสุ่มที่อาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะก็ได้ขึ้นอยู่กับการเปิดของแต่ละร้าน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เราต้องทำงานกันแบบ “Hopping” เปลี่ยนคาเฟ่ไปเรื่อย ๆ เผื่อว่าจะเจอกับสิ่งรบกวนที่ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้เราอาจจะไม่รู้ตัว เวลาเราแวะบางร้านเรารู้สึกว่าสภาพมันวุ่นวายเกินไป ขณะที่บางที่ที่คนเพียบ อาจจะมากกว่าหรือพอ ๆ กันเรากลับไม่อึดอัดจากสถานการณ์นี้ ทั้งหมดนั้นอาจจะมีเหตุผลแฝงที่เราไม่ได้ฉุกคิดอย่าง “เสียง” เป็นตัวแปร
เวลาไปร้านกาแฟเรามักได้ยินเสียงเพลงคลอเบา ๆ ตลอดเวลา ดนตรีประกอบที่หลายคนมองข้ามนี้มีงานวิจัยออกมายืนยันว่ามันทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานที่แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของบทเพลงสร้างสมาธิที่กล่าวว่า ถ้าเราฟังทำนองดนตรีที่ไร้เนื้อร้องและเป็นบทเพลงคุ้นเคยจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเราดีขึ้นมากกว่าการฟังเพลงมีเนื้อร้อง
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “บ้านหลังที่สาม” ที่ใช้สำหรับพักใจและใช้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับแบรนด์กาแฟเจ้าดังอย่าง Starbuck ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้กลายเป็นแนวทางที่กระจายไปสู่ร้านกาแฟแห่งอื่น ๆ ของตลาดเกินกว่า 50% ในวันนี้
เหตุผลที่งานจะดีถ้ามีร้านกาแฟเป็นเพื่อน มาจากองค์ประกอบเด่น 2 ประการที่ตอบโจทย์และเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างศักยภาพการทำงาน ประการแรกคือความสะดวกสบายที่ส่งเสริมต่อการทำงาน (จุดชาร์จไฟไม่ต้องเสียเงิน มี Wifi ใช้ มีเก้าอี้ที่นั่งสบาย เครื่องดื่มและอาหารพร้อมคลายหิว แถมยังมีห้องน้ำฟรีให้เข้าได้) และประการถัดมาคือบรรยากาศที่ทำให้เราไม่อู้เพราะมันไม่สบายเกินไปเหมือนบ้าน แต่ก็ไม่กดดันเสียจนคิดงานไม่ออกแบบออฟฟิศ รอบข้างก็มีคนทำงานรายล้อมเหมือนกันจนไม่รู้สึกเหงา
“ไม่ชอบกาแฟแต่แค่ดมก็ทำงานดีขึ้นได้” องค์ประกอบที่ไม่เลือกรสชาติและสารกระตุ้นจากคาเฟอีนแบบนี้เองก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการวิจัยไว้ เรามีคนรอบข้างหลายคนที่ไม่ดื่มกาแฟแต่สุดท้ายแล้วพวกเขายังมีความสุขกับการทำงานในร้านกาแฟอยู่ดี และทำงานได้ดีกว่าที่อื่น ๆ ด้วย!
ทำไมคนที่ไม่ชอบกาแฟเองยังต้องหลงรักและทำงานได้ลื่นเวลาอยู่ในคาเฟ่ เรื่องนี้มีงานวิจัยออกมารับรองว่าอโรม่าจากกาแฟช่วยให้เราตื่นตัว คิดวิเคราะห์ได้ดี แถมทำให้ทำแบบทดสอบ GMAT หรือการคิดเชิงประยุกต์ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างฉลุย โดยการทดสอบครั้งนี้เขาได้แบ่งห้องออกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกไม่มีกลิ่นใด ๆ และห้องที่สองคือห้องที่มีกลิ่นกาแฟ จากนั้นให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมากกว่า 200 คนทดสอบทำพีชคณิตในแต่ละห้อง ผลของการทดสอบพบว่าห้องที่มีกลิ่นกาแฟได้คะแนนการทดสอบสูงกว่าอีกห้องอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตามถึงแม้เราจะบอกเหตุผลทั้งหมดให้รู้แล้ว แต่ก็ไม่แนะนำว่าให้คุณย้ายตัวเองไปนั่งในคาเฟ่ทุกวันเพื่อเรียกพลังการทำงาน เนื่องจากมันมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร เอาเงินเดือนไปแลกหมดคงไม่ดี ดังนั้น แนะนำว่าลองใช้วิธี Back to Basic กลับมาสร้างความกระชุ่มกระชวยให้พื้นที่เดิมน่าทำงานขึ้นคงดีที่สุด ลองปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยกับการทำงานแทน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพลงหรือเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่นั่ง รับรองว่าจะต้องค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แต่สำหรับนาน ๆ ครั้ง…ไปเจอกันในร้านกาแฟก็ดีนะ