

Business
4 เทคนิคเพื่อการจัดการที่ดียิ่งขึ้น (Management Technique)
By: unlockmen February 23, 2016 26460
ว่ากันว่าความสำเร็จนั้นมีปัจจัยสำคัญอยู่หลายอย่าง อย่างหลักๆ คงเป็นเรื่องของ Management หรือการจัดการ การจัดการที่เป็นระบบก็ช่วยจัดสรรเวลา และช่วยทำให้เราปวดหัวน้อยลง ไม่ต้องว้าวุ่น หรือรู้สึกมึนงงระหว่างการทำงานมากนัก จากที่เคยใช้เวลาจนเกือบจะเดดไลน์ คุณก็มีเวลาในการพักผ่อนก่อนที่จะถึงกำหนดส่งมากขึ้น ขยันทำงานน่ะดีค่ะ แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าเราทำไปเพื่ออะไร กำลังเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อยู่หรือเปล่า วันนี้ UNLOCKMEN จึงนำ Management Technique พื้นฐานที่ใครๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้มาฝาก เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อทุกสาขาอาชีพจริงๆ ค่ะ
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งจำเป็น และแน่นอนว่ามันควรเป็นเป้าหมายที่เหมาะสม ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป ไม่ยากถึงกับต้องไปงมเข็มในมหาสมุทร แต่ก็ต้องท้าทายความสามารถที่มีของตัวเองเช่นกัน คุณต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละงาน แต่ละโปรเจ็คที่คุณต้องทำนั้นทำไปเพื่ออะไร จากนั้นให้คุณวางแผนต่อเลยว่าแล้ว Goal(เป้าหมาย) ของแต่ละงานนั้นคืออะไร ยกตัวอย่าง เช่น คุณรู้ว่าคุณต้องทำหนังสือสักหนึ่งเล่ม คุณก็ต้องรู้ก่อนว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร จากนั้นให้คุณตั้งเป้าไว้เลยว่าจะทำเพื่อให้ขายได้ หรือจะให้ได้รางวัลสักหนึ่งรางวัลงามๆ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง หรือเพื่อแค่เผยแพร่ความรู้ที่ตนเองมี ถ้าเป้าหมายที่มีมันชัดเจนแล้ว จะทำอะไรต่อจาก Goal ที่วางไว้มันก็จะง่ายขึ้น
ต่อไปเป็นขั้นตอนการพัฒนาแผนให้บรรลุไปยัง Goal ที่วางไว้ จากข้อข้างต้นคุณรู้แล้วว่าเป้าหมายของคุณคือต้องขายหนังสือให้ได้ แล้วปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่จะทำให้หนังสือเล่มนึงขายออก ภาษาที่เข้าใจง่าย หน้าปกที่สะดุดตาน่าซื้อ หรือจะต้องเป็น how to แบบที่ใครๆ ก็เสพได้ นั่นคือสิ่งที่คุณจะต้องตีมันให้แตกอีกหนึ่งเปราะ ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกำลัง หากคุณสามารถพัฒนาแผนตรงนี้ได้ชัดเจนแล้ว การจัดการก็จะดีขึ้น ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการทำงานก็จะน้อยลงด้วย
หากคุณเป็นระดับหัวหน้าคุณก็ต้องกระจายงานให้กับคนในทีม ว่าใครจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนแรก ฝ่ายขายจะต้องทำยอดเท่าไรในปีนี้ ฝ่ายครีเอทีฟจะต้องออกแบบผลงานอย่างไรให้สะดุดตา การมอบหมายงานเป็นสิ่งสำคัญ และจะทำให้คุณจัดสรรเวลาได้อย่างเป็นระบบ อีกสิบวันส่งงานเหรอ สบายมาก นั่งชิวพักผ่อนอยู่ที่ทะเลแล้วล่ะค่ะ
ก่อนที่งานจะถูกส่ง หรือก่อนที่โปรเจ็คจะเปิดตัว คุณจะต้องนำผลงานทั้งหมดมาประเมินค่าก่อนว่าสิ่งต่างๆ ที่ทำลงไปนั้นมันใกล้เคียงเป้าหมายของคุณแล้วหรือยัง มีอะไรที่ต้องแก้ไขไหม หากต้องแก้ไขมีอะไรบ้างที่ต้องแก้ คุณและทีมจำเป็นจะต้อง brain storm กันเพื่อเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้ อย่าสักแต่ว่าทำมันออกมาให้สำเร็จ แต่แทบไม่ใกล้เคียงกับภาพที่วาดไว้ในตอนแรก ถ้าเป็นแบบนั้นคุณจะไม่มีอะไรให้ชื่นชมเลยค่ะ กลับมามองผลงานของตัวเองแล้วก็อาจจะถอนหายใจยาวๆ แบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ ฉะนั้นจงแก้ไขมันให้ดีที่สุด แล้วก็เชื่อว่ามันจะต้องออกมาดีจริงๆ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความคิดที่ positive ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ อยู่ที่การใส่ใจ ลองนำสี่ข้อนี้ไปปรับใช้ในชีวิตของคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสาขาอาชีพไหน หรือกำลังวางแผนที่จะทำอะไรอยู่ ถ้านำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ข้อมูลบางส่วน entrepreneur