Business

SEAC หลักสูตรสร้างผู้นำแห่งแรกในไทย ช่วย UNLOCK ผู้บริหารระดับสูงให้เฉียบเทียบชั้นระดับโลก

By: anonymK April 19, 2018

คงไม่ผิดอะไร ถ้าเราจะบอกว่าโลกธุรกิจทุกวันนี้ “แค่รีรอก็สายไป” เพราะมันก้าวกระโดดมาไกลจากยุคที่เริ่มด้วยเลข 1.0 จน พ.ศ. นี้ “4.0” กลายเป็นตัวเลขตัดเกรดว่าเราจะอยู่รอดหรือหายไป เนื่องจากโลกเดิมที่คาดเดาได้แปลงโฉมใหม่เป็นโลกที่อัดแน่นด้วยข้อมูล เรื่องราว กับความเปลี่ยนแปลงระดับวินาที!


เจอคู่แข่งเดิมประเภทธุรกิจเดียวกันจ่อติดไม่พอ ดันไปเจอธุรกิจหน้าใหม่ที่ไม่คาดคิด cross สายมาแย่งลูกค้าหน้าตาเฉย พอสนามการค้าเลิกติดกรอบ นวัตกรรมล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าจะใช้วิธีเก่า ๆ เอาชนะได้ คำถามที่ทุกคนสงสัยรวมถึงเราเองก็ด้วยคือ “ต้องทำยังไงเราถึงจะก้าวไป ON TOP เหนือตารางให้โลกจำจนคนพูดถึงแบบดาวค้างฟ้า ท่ามกลางการจุดพลุทางธุรกิจที่สว่างชั่วพริบตาก่อนดับไปอย่างรวดเร็วในยุคนี้ ?

UNLOCKMEN มีโอกาสไปเคาะประตูศูนย์บ่มผู้นำระดับสูงที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในไทยและเอเชีย หรือ SEAC (South East Asia Center) ซึ่งปูพรมแดงไว้รอท่าพร้อมหลักสูตรใหม่สกัดความเป๊ะให้ทุกองค์กรสามารถไต่บันไดไปเทียบชั้น Google หรือ Amazon ได้แบบไม่ฝันไป เพียงใช้คีย์ไขความสำเร็จจากศูนย์กลางกระจายอำนาจเพียงหนึ่งเดียวปรับให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ “หมากธุรกิจมันเปลี่ยนแล้ว เมื่อเฟืองทุกตัวต้องเดิน ผู้นำก็ต้องเดิน!”

 

MINDSET to be TOP OF MIND

สิ่งที่น่าสนใจและสะกดใจเราระหว่างฟังคำบอกเล่าของ คุณอริญญา เถลิงศรี – กรรมการผู้จัดการ SEAC คือสูตรเรื่อง MINDSET ของความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงเอามาจัดหลักสูตรให้ผู้นำองค์กรอื่นเข้ามาศึกษาเท่านั้น แต่แนวคิดนี้มันได้ใช้และเริ่มจากความเปลี่ยนแปลงของตัวศูนย์ฯ เอง ซึ่งทำให้เราเชื่อได้สนิทใจว่าเมื่อเข้าไปใน SEAC แล้ว ที่แห่งนี้จะเป็นด้ายแดง หรือคู่แท้ที่ช่วยดึงศักยภาพสูงสุดของผู้นำองค์กรให้ลุกมา boost องค์กรตัวเองไปอยู่ในระดับหัวตารางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตามจุดมุ่งหมายที่ทาง SEAC ตั้งเป้าไว้ในปี 2020

เนื่องจากเดิม SEAC หรือศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้นำระดับสูงแห่งน้ีคือบริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด (APMGroup) บริษัทที่หลายคนคุ้นเคยและได้รับความไว้วางใจมานานในฐานะที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่ดำเนินการมายาวนานกว่า 25 ปี แต่ปรับเปลี่ยนขยายวิสัยทัศน์เดิมจากการพัฒนาเป้าหมายเฉพาะในประเทศ สร้างเจตนารมณ์ให้ใหญ่ขึ้นครอบคลุมในระดับประชาคมอาเซียน และดำเนินงานจริงให้เกิดรูปธรรม ดีลหลักสูตรล้ำ ๆ ด้วยเอกสิทธิ์ฉบับ Exclusive Partnership จากสถาบันการศึกษาเทรนนิ่งชั้นนำของโลกอย่าง Stanford Center for Professtional Development, The Arbinger Institute, Tirian ฯลฯ มาใช้ ปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัย ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในองค์กร เสิร์ฟบรรยากาศรีแลกซ์ทั่วพื้นที่เพื่อจุดประกายความสร้างสรรค์ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำธุรกิจที่เคยแนะนำผู้นำและบุคลากรมาทุกระดับ จนพบว่าการปรับ Mindset ที่ดีที่สุดอีกขั้นควรปรับจากอำนาจต้นขั้วด้วยถึงจะเห็นผล จึงเกิดเป็นหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงขึ้น

“หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและนำพาความเปลี่ยนแปลงมาพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ คือ ผู้นำองค์กรที่มีศักยภาพเท่าทันสถานการณ์ทางธุรกิจ และกล้าที่จะเปลี่ยน

 

หลักสูตรสร้างผู้นำและนวัตกรรม คว้าโอกาสกลางอากาศ

การปรับมุมให้ก้าวทันและไม่ทำตัวเป็นไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ในโลกธุรกิจแห่งอนาคตคือแกนหลักสูตรน่าสนใจที่ SEAC เสิร์ฟให้เหล่าผู้นำวิสัยทัศน์ไกลศึกษา โดยมีชื่อหลักสูตรว่า Leading in a Distruptive World (LDW) ร่วมมือกับ Stanford Center for Professtional Development พัฒนาผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจทั้งไทยและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนให้พร้อมตั้งรับและเปิดเกมรุกกลับ คว้าโอกาสต่อยอดทางธุรกิจให้ทันท่วงที ทีเด็ดอยู่ที่การจัดกลุ่มพาผู้บริหารเพียงรอบละไม่เกิน 40 คนไปตะลุยฟังบรรยาย เข้า Workshop ดูงานของบริษัทชั้นนำในซิลิคอนวัลเลย์โดยมีทีม professor คุณภาพจาก Stanford กับทีม SEAC ทำหน้าที่พี่เลี้ยงกำกับ ให้ความรู้ และอำนวยความสะดวกเป็นเวลา 5 วัน ซึ่ง 5 วันนี้จะเทียบได้กับการเบิกเนตรเปิดตาที่สามไปเจออีกด้านที่ไม่เคยเห็นแล้วนำมาเสริมปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบ้านเราโซนอาเซียน ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาไม่เพียงเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้พร้อมก้าวสู่เวทีในระดับโลกเท่านั้นแต่การเดินทางไปแชร์ความคิดและประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้บริหารยังถือเป็นแหล่งสร้างฐานคอนเนคชั่นที่ดีแก่กันอีกด้วย

ที่สำคัญการรวมตัวของกลุ่มผู้บริหารระดับสูงต่างองค์กรสาขาก็ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องความลับทางการค้าอย่างที่หลายคนกังวล เพราะคุณอริญญาออกมาการันตีว่า การแชร์ความล้มเหลวและความสำเร็จคือสิ่งที่ยิ่งแบ่งปันยิ่งได้ ขนาดพี่ใหญ่ซิลิคอนวัลเลย์ยังไม่คิดจะปิด เปิดให้คนอื่นเข้าไปศึกษาดูงาน แล้วคุณจะกลัวอะไรล่ะ จริงไหม? แต่ถ้าเป็นเรื่องทางเทคนิกทั้งหลายก็ไม่ต้องห่วง เพราะที่ศูนย์ฯ แห่งนี้เขาเก็บความลับไว้ไม่ให้รั่วไหลไปไหนอย่างแน่นอน

 

นี่หรือคือสถานปั้น “ยอดมนุษย์” ?

พักเรื่องของสมองกับวิสัยทัศน์ พิสูจน์บรรยากาศจากสองตาก็ต้องยอมรับว่า “ล้ำ” ทะลุกรอบที่เคยคิด เพราะทั้งดีไซน์การตกแต่งภายในรวมถึงเทคโนโลยีภายในมันชวนให้ฝังตัวอยู่นี้นาน ๆ ตั้งแต่ที่มาคอนเซ็ปต์ “Unfolding Paper หรือ การคลี่คลายกระดาษ” ซึ่งได้แนวคิดจากเรื่องการคิดค้นไอเดียแและนวัตกรรมใหม่ เปรียบเทียบพฤติกรรมว่าทุกครั้งเราจะเริ่มจากการเขียนไอเดียลงไป ลงมือทำ ไม่ได้ผลก็ขยำทิ้ง เขียนบนกระดาษแผ่นใหม่ ทดลองใหม่ ทิ้ง ทำวนซ้ำไปมาจนกว่าจะเกิดกระดาษแผ่นเรียบที่ใช้ได้ดีและไม่ต้องขยำอีกต่อไป เช่นเดียวกับคนที่ลงมือทำ ยิ่งพลาดยิ่งล้ม แต่ทุกครั้งที่ล้มสิ่งที่เราได้กลับมามันมากกว่ารอยแผลแต่คือการเรียนรู้ทำให้ผิดพลาดลดลงเรื่อย ๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดนำไปสู่ความสำเร็จหรือได้มาซึ่งนวัตกรรมใหม่

เรื่องความยับถูกเอามาเล่นแบ่งเป็นลำดับชั้นตามสเตป ด้านล่างจะยับสูงสุด จากนั้นจะค่อย ๆ คลี่คลายจนถึงชั้น 3 ที่เป็นชั้นสูงสุดสำหรับผู้บริหารระดับสูงกระดาษจะเรียบ เนี๊ยบพร้อมใช้ ตกแต่งหรูหราเสมือนโรงแรมระดับห้าดาว

ชั้นที่ 3 กระดาษคลี่คลาย

แต่ทีเด็ดกว่านั้นอยู่ที่บรรยากาศภายในศูนย์ที่เป็น Learning Ecosystem (สังคมแห่งการเรียนรู้) & Learning Experience (ประสบการณ์การเรียนรู้) ให้กับผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นผนังที่พร้อมให้ปักหมุดด้วยกระดาษเขียนไอเดียได้ตามกำแพงทุกจุด หรืออยากจะแปะ post-it ก็ทำได้ตามสะดวก

โต๊ะเรียนรูปสี่เหลี่ยมคางหมูซึ่งสามารถโยกจัดวางได้สะดวกเป็นทรงต่าง ๆ เหมาะกับการเรียนรู้ที่จะไม่ทำให้ใครต้องหันหลังให้อาจารย์ผู้สอน เก้าอี้ที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถนั่งเอนได้ยาวทั้งวันไม่เมื่อยหลัง รวมถึงการใส่รายละเอียดให้ทุกห้องมีหน้าต่าง กระตุ้นให้ตื่นตัวพร้อมเรียนด้วยแสง daylight ไม่อุดอู้ และเมื่อเดินออกมาด้านนอกยังมีมุมนั่งทอดตัวพร้อมของว่าง

คนที่สงสัยว่าแล้วชั้น 1 กับชั้น 2 ไว้ใช้ทำอะไร เมื่อผู้บริหารระดับสูงอยู่ชั้น 3 ก็ต้องบอกว่าที่นี่เขาก็ยังไม่ทิ้ง Line เดิมเรื่องการเทรนคนที่อยากพัฒนาศักยภาพ ดังนั้น ชั้น 1 จะใช้เป็น Innovation Hub & Registration Center หรือพื้นที่เปิดให้พบปะสังสรรค์ไอเดียกัน ส่วนชั้น 2 เป็น Center for Innovation and Leadership ที่เป็นห้องประชุมและห้องเรียนต่างขนาดกัน มีพื้นที่รับประทานอาหารว่างสำหรับผู้นำและผู้บริหารให้ได้สังสรรค์ อุปกรณ์การเรียนก็ล้ำและนำสมัยตามระบบ Learning Ecosystem (สังคมแห่งการเรียนรู้) & Learning Experience เช่นกัน ติดกิมมิกอีกเล็กน้อยด้วยชื่อห้องที่บ่งบอกความเป็น SEAC ด้วยการตั้งชื่อห้องเป็น capital city ของอาเซียน หรือในส่วนชั้น 3 เองก็ใช้กิมมิกตั้งชื่อเป็นสกุลเงินในอาเซียนเช่นกัน

ชั้น 2 มีชื่อห้องเป็นเมืองหลวงของประเทศในอาเซียน เช่น ห้องนี้คือห้องเนปีดอของพม่า

ภาพบรรยากาศห้องจัดประชุมและกิจกรรม

ชั้น 3 มีชื่อห้องเป็นสกุลเงินในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ห้องเปโซ

บรรยากาศในห้องเปโซ

ห้องอาหารที่สามารถประชุมได้ มีโดมครอบแก้วด้านบนป้องกันเสียงสร้างความเป็นส่วนตัว

จบการเจาะอาณาจักรความรู้ล้ำ ๆ แบบนี้สำหรับคนที่อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน บอกได้เลยว่าไม่ใกล้ไม่ไกลใจกลางกรุงฯ อาคาร FYI Center อาคาร 2 ชั้น 2 เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ขึ้นสถานีมา ใครอยากไปเห็นหน้าค่าตาของจริงก็ลองโฉบไปดูกันได้ไม่เสียหาย หรืออยากจะลองสอบถามข้อมูลก่อนเดินทางจริงไปแวะใช้งานก็สามารถติดต่อเข้าไปได้ที่
Website: http://www.seasiacenter.com/
Facebook: https://www.facebook.com/seasiacenter/
โทร. : 02-028-9759

สำหรับใครที่ยังไม่จุใจลองสามารถคลิกดูภาพเพิ่มเติมจากแกลอรี่ด้านล่างที่เราเก็บมาฝากกันได้

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line