อัปเดต APPLE SPECIAL EVENT 2018 สำหรับหนุ่มที่พลาดการเปิดตัว iPhone XS , iPhone XS MAX และ iPhone XR

ผ่านไปแล้วสำหรับ Apple Special Event 2018 หรืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้าประจำปีของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple Inc ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ Steve Jobs Theater แคลิฟอร์เนียโดยปีนี้ทาง CEO ของแบรนด์อย่าง Tim Cook ก็นำนวัตกรรมแห่งอนาคตมาเปิดตัวมากมายแต่แน่นอนที่ผู้ชายสายอัปเดตอย่างเราน่าจะติดตามมากที่สุดคงจะไม่พ้น iPhone XS, iPhone XS Max ที่เป็นตัวพัฒนามาจาก iPhone X และ iPhone XR ซึ่งจะมาเป็นทางเลือกให้สาวกสายประหยัดงบ โดยเราจะสรุปให้หนุ่ม ๆ ได้เข้าใจง่าย ๆ ตามเลยนี้ จะได้มีข้อมูลพร้อมก่อนตัดสินใจคว้า gadgets ที่เปิดตัวได้อย่างน่าดึงดูดใจไม่เบา ไม่ก็เตรียมใจซื้อให้สาว (อันนี้ตัวใครตัวมันนะ)

IAUMReview

iPhone XS และ iPhone XS Max รุ่นอัพเกรดของ iPhone X

iPhone XS มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว และ iPhone XS MAX มากับจอ 6.5 นิ้ว โดยทั้งสองจะใช้เป็นแบบ OLED แบบไร้ขอบและปุ่ม Home ที่ถ่ายทอดสีได้แม่นยำพร้อมทั้งรองรับ 3D Touch และ Tap to Wake ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับ iPhone X ใช้ก่อนหน้านี้ เพิ่มเติมคือ iPhone XS Max แม้จะขนาดเครื่องจะเท่ากับ iPhone 8 แต่ขนาดจะเป็นจอ Super Retina ไร้ขอบซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุดตั้ง iPhone เคยผลิตมา ซึ่งตัวเครื่องทำจากกระจกแบบใหม่ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟนขณะนี้ พร้อมขอบจากสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือศัลยกรรม ให้ผู้ใช้มั่นใจด้านความแข็งแรง

howlDb

ด้านระบบประมวลผล iPhone XS และ iPhone XS MAX มาพร้อมชิพล้ำสมัยล้าสุดอย่าง A12 Bionic ซึ่งรวดเร็วทรงพลังเพราะเป็นชิพระดับ 7 นาโนเมตรครั้งแรกในสมาร์ตโฟนเพิ่มประสิทธิภาพด้านประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้น 50% รวมทั้งใช้พลังงานน้อยลง 50% มาพร้อม Neural Engine ของเจเนอเรชั่นถัดไปซึ่งจะคอยส่งเสริมประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การประมวลผล Face-ID 2 ที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม รวมไปถึงสนับสนุนการด้านการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในสวยงามสมจริงมากขึ้น

IAUMReview

ตัวกล้องยกชุดใหม่ โดยจะทำงานแบบกล้องคู่ความละเอียด 12 MP กล้องตัวแรกเป็นเลนส์มุมกว้างรูรับแสง  f/1.8 ส่วนอีกตัวเป็นเลนส์เทเลโฟโต้  f/2.4 ซึ่งทำงานร่วมกันด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ISP ที่ทำงานร่วมกับ Neural Engine ก็จะให้การสร้างสรรค์ภาพซึ่งสวยงามมากกว่าเดิมทั้งเรื่องการชัดลึกตื้นพร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 1080p 60 fps ส่วนกล้องหน้าจะเป็นแบบ TrueDepth รูรับแสง f/2.2 พร้อมแฟลช True Tone คล้ายกันกับ iPhone X แต่มีระบบ Smart HDR ที่ล้ำสมัยพร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Dual-Sim ช่องใส่ซิม 2 แบบคือแบบซิมธรรมดาและแบบ eSIM ยกเว้นรุ่นที่วางขายในจีนจะเป็นแบบซิมปกติทั้งสองช่อง และการชาร์จแบบไร้สายที่รวดเร็วมากขึ้น

Macthai

iPhone XS กับ iPhone XS Max มาพร้อมตัวเครื่อง 3 สีด้วยกันได้แต่ Gold, Silver และ Space Gray
พร้อมเทคโนโลยีกันน้ำ IP68 (2 เมตร) พัฒนาจาก iPhone X ซึ่งเป็น IP67 ( 1เมตร ) มาพร้อมความจุตั้งแต่ 64 GB , 256 GB และอัปเดตล่าสุด 512 GB มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ราคาเริ่มต้นของ iPhone XS และ iPhone XS Max อยู่ที่ 999 ดอลล่าร์กับ 1,099 ดอลล่าร์ตามลำดับ โดยจะเปิดให้ฟังจองล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 14 กันยายนนี้ ส่วนการวางขายในกลุ่มแรกจะเริ่มเมื่อ 21 กันยายนส่วนในไทยคาดว่าหน้าจะเป็นช่วงต้น-กลางเดือนตุลาคมปีเดียวกัน

iPhone XR ทางเลือกใหม่ที่มีให้เลือกมากกว่า 6 สี

TechXcite

 ต่อมาคือการเปิดตัวสมาร์ตโฟนทางเลือกที่ราคาถูกกว่า เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เป็น iPhone SE แต่มาในชื่อใหม่อย่าง iPhone XR ซึ่งเลือกใช้วัสดุภายนอกเป็น Alumiun Series 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้กันในอุตสาหกรรมยานอวกาศ ซึ่งโดดเด่นด้วยการเพิ่มสีสันให้เลือกมากกว่า 6 สี คือ Blue , White , Black , Yellow , Coral และ Product RED เรียกได้ว่าจุใจกันเลยที่เดียว

Apple

iPhone XR  มาในขนาดเท่ากับ iPhone 7 และ 8 หน้าจอเป็นแบบ LCD 6.1 นิ้วแบบไร้ขอบหน้าตาออกมาเหมือน iPhone X แต่ขุมพลังด้านการประมวลผลไม่ได้ถูกลดลงด้วย ชิพ A12 Bionic และ Neural Engine แบบเดียวกันกับเครื่องเรือธงของค่าย 2 รุ่นก่อนหน้านี้ แต่กล้องหลังจะใช้เป็นระบบกล้องเดียวตามคาดเป็นเลนส์มุมกว้าง f/1.8 พร้อมระบบใหม่ที่ประมวลผลการโฟกัสได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าจะเป็นแบบ TrueDepth ซึ่งรองรับการถ่ายภาพโหมด Portarit และ Face ID ที่รวดเร็ว พร้อมระบบน้ำลึก 1 เมตรและการชาร์จแบบไร้สาย iPhone XR จะมาในความจุตั้งแต่ 64 GB , 128 GB , และ 256 GB โดยราคาเริ่มต้นที่ 749 ดอลล่าร์สหรัฐ สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่ 19 ตุลาคมนี้ พร้อมเริ่มวางขายได้ตั้งแต่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป

สำหรับหนุ่มสาวก iPhone ก็สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจกันได้หากกำลังต้องการมองหาเครื่องใหม่กันอยู่ หรือถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เตรียมสั่งจองกันแล้ว Tim Cook เองก็ถึงกับเอ่ยปากว่าเป็น The New Era ยังไงก็เตรียมตัวเตรียมเงินกันเอาไว้ดี  ๆ หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/th