นับตั้งแต่วินาทีที่ Honda เปิดตัว mid-engine NSX เครื่องยนต์ all-aluminium 3.0L V6 พร้อมระบบ VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) ออกมาในปี 1989 ก็กลายเป็น new iconic supercar ไปพร้อม ๆ กับ Ayrton Senna ทำตลาดมายาวนานถึง 15 ปีโดยมีรุ่นพิเศษออกมามากมาย แต่ที่พิเศษและโหดที่สุดก็คือ The RR concept ซึ่ง Honda ได้เปิดทางให้ Mugen tuner คู่บุญของ Soichiro Honda ลูกชายท่านประธานเป็นคนสร้างอย่างไร้ขีดจำกัด 2009 Mugen RR concept ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีให้กับ NSX โดยเปิดตัวออกมาสี่ปีหลังจาก NSX
เรานำเสนอ 911 restomod มาเยอะแล้ว เยอะจนหลายคนเข้าใจว่าโลกนี้มีแต่ Porsche เท่านั้นหรือที่ทำ restomod วันนี้ขอฉีกมาดูผลงาน restomod เลือดซามูไรกันบ้าง เดิมทีรถคันนี้คือ 1975 Nissan Skyline 2000GT coupe รหัส KGC110 ที่ทำตลาดอยู่ในช่วงปี 1972 – 1977 เป็นรถรุ่นธรรมดาตัวเริ่มต้นที่มากับเครื่องยนต์ L20 2000cc OHC มีแรงม้าเพียง 128 hp ผ่านการสร้างใหม่ทั้งคันจากสำนัก JDM Legends คนคลั่ง JDM ในอเมริกา ที่ตามหารถในญี่ปุ่นและส่งกลับมาทำใหม่ใน Utah ติดตั้งชุดบอดี้ใหม่หมดจนดูคล้าย hyper-rare Kenmeri Skyline GT-R พร้อมเสริม front / rear spoilers ขยายซุ้มล้อ ท่อซิ่ง ระบบขับเคลื่อนรวมถึงช่วงล่างล้วนถูก custom ขึ้นมาใหม่ ใต้ฝากระโปรงวางเครื่องยนต์จาก Rebello
รถที่ขับดี ขับสนุก ไม่จำเป็นต้องเครื่องใหญ่แรงม้าเยอะเสมอไป รถ lightweight ที่แรงม้าเหมาะสมก็สร้างฟิลลิ่งการขับที่ยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้กัน และสำนัก Kamm ก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการ restomod Porsche 912c ให้ทันสมัย แรงขึ้น ในน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 800 กิโลกรัม อีกหนึ่งสำนัก restomod ที่เน้นทำรถ Porsche แต่แตกต่างจากสำนักอื่นตรงที่ Kamm จาก Hungary จะเน้นทำเฉพาะ 912 classis จากช่วงปี 1965-1969 เป็น entry-level 911 ที่ทำตลาดเพียง 4 ปี และนี่คือผลงานคันล่าสุด Lightweight Kamm 912c Targa น้ำหนักรวมทั้งคันเบาเพียงแค่ 800 กิโลกรัม เพื่อให้เห็นภาพคือมันมีน้ำหนักเทียบเท่า Smart ForTwo generation แรกเท่านั้น เป็นผลจากการอัพเกรดบอดี้ทั้งคันรวมถึง rollover hoop targa ด้วย carbon
Long-term review MacBook Pro M4 รุ่นเริ่มต้น จอ 14 นิ้ว Ram 16GB SSD ความจุ 512GB หลังใช้งานมาครบ 1 เดือนพอดี การใช้งานเน้นด้าน Photoshop และ Lightroom ขั้น advance รวมถึง Final Cut Pro ขั้นปกติ สรุปได้ว่า ถ้าไม่ถึงขั้นตัดต่อหนังระดับภาพยนตร์ เขียนโปรแกรม หรือ render 3D โหดจริง ๆ ซื้อแค่ตัวเริ่มต้นราคาห้าหมื่นต้นก็เกินพอแล้วสำหรับเรา เร็วแรงแบตทน แถมได้อัพเกรดจาก M3 ทั้ง Ram และ CPU 2 cores + Thunderbolt port เพิ่มในราคาเท่าเดิม สิ่งที่ประทับใจมากคือ – Chip ทั้ง CPU,
เข้าสู่ช่วงปลายปีทีไร บรรยากาศแห่งความสุข ความสนุกจากเทศกาลเฉลิมฉลองก็หวนกลับมาอีกครั้ง และสำหรับช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ แน่นอนว่าเสียงดนตรีคือสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาปาร์ตี้ หรือระหว่างออกเดินทางทริปท่องเที่ยวปลายปี การได้มีเพลงเพราะ ๆ ขับกล่อมในทุกโมเมนต์มันเป็นอะไรที่ลงตัวแบบสุด ๆ และเราเองก็อยากให้ Festive Season ของชาว UNLOCKMEN ทุกคนในปีนี้ เต็มไปด้วยจังหวะแห่งความสุขที่สนุกยิ่งกว่า จึงรับอาสาชี้เป้าไอเทมโดน ๆ จาก Marshall คัดเน้น ๆ มา 3 รุ่น 3 สไตล์ ซึ่งเป็นได้ทั้งของขวัญที่ใครได้รับเป็นต้องฟิน และยังเป็นอุปกรณ์สำคัญในการอัพฟีล Festive ให้มันส์ขั้นสุด พร้อมเติมเต็มช่วงเวลาดี ๆ ต้อนรับปีใหม่แบบแฮปปี้ในทุกสถานการณ์ งานนี้จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันได้เลย ขอเริ่มต้นไอเทมเร่งจังหวะแห่งความสุข กับหูฟังไร้สาย Marshall Major V ให้ทริปปีใหม่นี้เพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีแบบไม่ขาดช่วง โดดเด่นด้วยสุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งย่านเบสที่ลงลึก เสียงกลางที่นุ่มนวล และเสียงแหลมที่ชัดเจน พร้อมงานดีไซน์คลาสสิกในสไตล์ Marshall แค่คล้องคอเฉย ๆ ก็เพิ่มความเท่ลงตัวให้กับ Total
แฟน ๆ ของ Aston Martin น่าจะคุ้นเคยกับ AM-RB 003 Concept ที่เคยเปิดตัวในปี 2019 กันดี มันคือต้นแบบที่ต้องใช้เวลาพัฒนาถึง 5 ปี กว่าจะได้ ultimate driver’s supercar ในชื่อ Valhalla ที่พึ่งเปิดตัวล่าสุดวันนี้ นับว่าเป็น mid-engine hybrid supercar คันแรกใน portfolio ของ Aston Martin อีกด้วย Aston Martin Valhalla มากับแรงม้าถึง 1,064 ตัว จากขุมพลัง twin-turbocharged 4.0-liter V8 วางอยู่หลังคนขับ พ่วงระบบ plug-in hybrid ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 3 ตัว ตัวแรกติดตั้งรวมอยู่ในชุดเกียร์ dual-clutch 8-speed ทำหน้าที่เป็น starter และปั่นไฟฟ้าชาร์จให้แบตเตอรี่
ตั้งแต่ช่วงปี 60s – 80s สำนักออกแบบ Pininfarina ทำงานคู่กับ Ferrari สร้างผลงานระดับ iconic ออกมามากมาย ทำให้ทั้งสองบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับซี้ปึ้ก และในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีของ Pininfarina ตอนนั้น Sergio Pininfarina มีความฝันที่จะทำ high-performance Ferrari 4 ประตู เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งที่กำลังมาแรงอย่าง Aston Martin Lagonda, Mercedes 450 SEL 6.9 และ Maserati Quattroporte จึงตัดสินใจสร้าง concept car ขึ้นมาเป็นของขวัญให้บริษัทตัวเอง นั่นก็คือ 1980 Ferrari Pinin เป็นครั้งแรกที่โลกได้พบกับ Ferrai ในตัวถัง 4 ประตู และถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง Mr. Battista ‘Pinin’ Farina ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ Ferrari
Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE สดุดีแต่โลกและดวงจันทร์ ซึ่งรุ่นนี้ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์เท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมาพร้อม ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการการประดิษฐ์เรือนเวลาอีกด้วย ทำให้ Swatch พลิกแพลงวาทะอันโด่งดังของกาสิเลโอ “แต่โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” (And yet it moves!”) และเย้าหยอกว่า “แต่โลกและดวงจันทร์ก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” ส่วนฟังก์ชันบอกดิถีของโลก หากคุณดูตรงหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่งสิบนาฬิกา ก็จะได้ดื่มด่ำกับการโคจรของโลกเราเมื่อมองจากดวงจันทร์ มีการแต่งแต้มสีสันให้กับฟังก์ชันบอกดิถีของโลกที่จดสิทธิบัตรแล้วเพื่อสดุดีแด่ความหลากหลายและความงดงามของโลกสีครามของเรา คุณจะมองเห็นก้อนเมฆ รวมถึงสีสันที่ตัดกันของมหาสมุทร ป่าไม้และผืนทะเลทราย นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบหมึกพิมพ์ยูวี (เปล่งแสงสีฟ้า) ที่มองเห็นเมื่อโดนแสงยูวีเท่านั้นตรงมหาสมุทรเพื่อเพิ่มความล้ำทะลุจักรวาลเข้าไปอีก รุ่น Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE จะวางจำหน่ายทั่วโลกที่ร้านค้าของ Swatch ที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และเช่นเดียวกับนาฬิกาทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ก็จำกัดสิทธิ์ในการซื้อ 1 เรือน/ 1 สาขา/ 1 คน/ 1 วันเท่านั้น
MacBook Pro M4 ความทรงพลังล่าสุดจาก Apple ด้วยชิปตระกูล M4 ทั้ง M4, M4 Pro และ M4 Max ขุมพลังขับเคลื่อนประสิทธิภาพให้ทำทุกอย่างได้เร็วยิ่งขึ้น มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงขึ้น เมื่อรวมเข้ากับตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบใน CPU, GPU ที่ล้ำสมัย และ Neural Engine ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย พร้อมเสริมความสามารถให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย Apple Intelligence ช่วยให้โมเดลการเรียนรู้ภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่อื่นๆ ทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ทุกรุ่นยังมาพร้อมจอภาพ Liquid Retina XDR ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมตัวเลือกจอภาพ Nano-texture แบบใหม่หมดที่ลดแสงสะท้อนและภาพสะท้อนรบกวนสายตาลงได้มาก และในสภาพแสงที่สว่าง MacBook Pro ใหม่ยังสามารถแสดงคอนเทนต์ SDR ที่ความสว่างสุงสุด 1,000 นิต และยังคงแสดงคอนเทนต์ HDR ที่ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดสูงถึง 1,600 นิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะพลิกโฉมประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงกล้อง 12MP
ช่วงเวลาแห่งความดุเดือดในโลกแห่งความเร็ว หลัง McLaren พึ่งจะเปิดตัว W1 ออกมาได้ไม่นาน ด้าน Porsche ก็เตรียมเปิดตัว hypercar รุ่นใหม่เร็ว ๆ นี้ ฝั่ง Ferrari ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาในชื่อ F80 เป็น flagship ที่จะมาสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยขุมพลัง 3.0-liter V6 turbocharge Hybrid 900 แรงม้าจากเครื่องยนต์ พ่วงพลังงานจาก Tri-motor AWD ให้กำลังรวมเกือบ 1,200 แรงม้า เคลมตำแหน่ง “The Most Powerful Ferrari” ที่เคยผลิตออกจากโรงงานจนถึงวันนี้ สามารถทำความเร็วถึง 100 km/h ได้ภายใน 2.15 วินาที และถึง 200 km/h ใน 5.75 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 350 km/h