Girls
ทะเลาะเพราะรัก? ผู้เชี่ยวชาญไขปริศนา”ทำไมคู่ที่ทะเลาะกันดันคบกันได้นานกว่า?”
By: PSYCAT September 10, 2020 188599
ความรัก ความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่ความหอมหวานราบรื่น ถึงตอนจีบกันใหม่ ๆ ดูจะใช่ไปหมด น่ารักไปทุกสิ่ง แต่ทันทีที่มนุษย์สองคนต้องใช้ชีวิตร่วมกัน (โดยเฉพาะเมื่อต้องย้ายมาอยู่ด้วยกัน) ความน่ารักโรมแมนติกสวยหรูที่เคยฉาบไว้ตอนต้น ก็จะค่อย ๆ หลุดร่อนเผยให้เห็นแก่นแห่งความสัมพันธ์ บางเรื่องก็ยังน่าหลงใหล แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ชวนให้เบือนหน้าหนี
จึงเป็นเรื่องปกติที่เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินไป หลายคู่เข้ากันได้ดีกว่าเดิม แต่อีกหลายคู่ที่ไปกันไม่รอด แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคู่ก็เห็นทะเลาะกันแสนจะบ่อย มีเรื่องให้ต้องถกเถียงกันก็หลายครั้ง แต่ยังไม่เลิกกันสักที? แถมบางหนคู่ที่ดูทะเลาะ ๆ กันนี่แหละดันคบกันยาวยิ่งกว่าคู่ที่ดูราบรื่นเสียอีก?
ผลสำรวจชิ้นหนึ่งระบุว่าคู่ที่ทะเลาะกันอย่างมีประสิทธิภาพมีแนวโน้มที่จะมีความสุขกับความสัมพันธ์มากกว่าคู่รักที่ไม่ทะเลาะกัน 10 เท่า! ถ้าอ่านเผิน ๆ คงรู้สึกว่าจะเป็นไปได้ไง? คนทะเลาะกันก็ต้องแปลว่ามีเรื่องคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือมีอะไรขัดแย้งกันสิ มันจะมีความสุขกว่าหรือคบกันนานกว่าได้ด้วยเหรอ?
แต่การทะเลาะกันอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราเข้าใจเสมอไป การเติบโตมาในสังคมที่ทำให้เข้าใจว่าความขัดแย้งหรือการคิดเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องไม่สงบ แต่จริง ๆ แล้วการที่เรารู้สึกไม่พอใจแล้วเลือกบอกอย่างตรงไปตรงมา หรือคิดเห็นไม่ตรงกันแล้วเลือกแลกเปลี่ยนกันให้ชัดเจนนั้น ถือเป็นการทะเลาะกันอย่างมีประสิทธิภาพที่จะทำให้เราเข้าใจกันได้มากขึ้น
ในขณะที่การเงียบ นิ่งเฉย ไม่เคยทะเลาะกันเลย (ถ้าเป็นไปเพราะเข้ากันได้ทุกเรื่องก็นับเป็นกรณีหนึ่ง) แต่จริง ๆ แล้วมีปัญหาสารพัด เรื่องไม่พอใจหลาย ๆ แบบ แล้วเลือกซุกซ่อนปัญหานั้นไว้ใต้พรม สักวันหนึ่งความไม่พอใจเล็ก ๆ เหล่านั้นก็จะสะสมจนเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ได้อีกต่อไป
คู่รักหลาย ๆ คู่ที่เลือกแสดงความคิดเห็นและบอกว่าอะไรที่โอเคหรือไม่ เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสปรับปรุง แก้ไขตัวเอง จึงรู้สึกผ่อนคลายกว่า มีความสุขกว่า และมีแนวโน้มจะอยู่ด้วยกันได้นานกว่า ส่วนคู่รักบางคู่ที่ภายนอกเรามองเข้าไปแล้วก็ดูไม่เคยเถียงกันเลย รู้ตัวอีกทีก็แยกทางกันแล้ว อาจเป็นเพราะไม่เคยได้สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการหรือไม่ต้องการอะไร กระทั่งรู้ตัวอีกทีทุกอย่างก็สายเกินกว่าจะแก้อะไรได้แล้ว
Joseph Grenny นักวิทยาศาสตร์สังคมไขความกระจ่างเพิ่มขึ้นอีกว่า “คู่รักหลายคู่มักหลีกเลี่ยงที่จะพูดกัน โดยเฉพาะในประเด็นที่ดูอ่อนไหว เพราะคิดว่าถ้าไม่พูดก็แปลว่าไม่ต้องเผชิญหน้า ไม่ต้องทะเลาะกัน จะได้คบกันได้นาน ๆ ”
“แต่ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการไม่ยอมพูดออกมานี่แหละ เรามักคิดว่าการพูดนั้นมีความเสี่ยง แต่จริง ๆ การไม่พูดก็เป็นความเสี่ยงอีกประเภทที่เราดันมองข้าม โดยมนุษย์มักเลือกประเมินความเสี่ยงแค่เฉพาะส่วนที่มันจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องระยะยาว”
การเลือกไม่พูดและเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ทางหนึ่งจึงดูคล้ายเป็นเรื่องไม่เสี่ยง เป็นเรื่องปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งก็ใช่ เพราะสถานการณ์ตรงหน้าจะดูราบรื่นดี แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับแนะนำว่าความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะหน้าเท่านั้น การจะคบกันต่อไปได้ในระยะยาวมีต้นทุนทั้งในแง่การเชื่อมโยงถึงกัน ความใกล้ชิด และความเชื่อใจ การเลือกเก็บงำสิ่งที่ไม่พอใจไว้จึงต้องแลกด้วยต้นทุนอื่น ๆ ทางความสัมพันธ์เช่นกัน
กลับไปที่ผลสำรวจที่เผยว่าคู่รักที่ทะเลาะกันนั้นมีความสัมพันธ์ที่มีความสุขมากกว่าคู่รักที่เลือกเงียบถึง 10 เท่า โดยกลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 80 ระบุว่าความสัมพันธ์ที่ผ่าน ๆ มาแล้วล้มเหลวของพวกเขา ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งเกิดขึ้นจากการไม่ได้สื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น Joseph Grenny ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าความผิดพลาดหนึ่งที่มนุษย์เรามักไม่รู้คือเราไม่เข้าใจการรับผิดชอบต่อความรู้สึกตัวเอง เราหลงคิดไปว่าเวลามีใครสักคนมาทำให้เราเจ็บปวด ไม่พอใจ คนนั้นต้องรับผิดชอบ หรือหวังให้เขารู้ตัวเสมอว่าเขาทำให้เรารู้สึกอะไร แต่จริง ๆ แล้วเราเองสามารถร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเราเองรู้สึกได้ด้วย
คิดภาพตามง่าย ๆ ว่าบางครั้งเราทำให้คนรักของเรางอน หรือไม่พอใจอะไรบางอย่าง ซึ่งบางอย่างเราไม่ได้เจตนาหรือไม่รู้ตัว แต่คนรักของเรากลับหวังให้เรารู้ตัวหรือเข้าใจได้เองว่าสิ่งนั้นมันผิด แต่ในความสัมพันธ์นั้นการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าอีกฝั่งไม่รู้ตัวว่าได้ทำร้ายความรู้สึกเรา เราก็สามารถบอกเขา สื่อสารกับเขาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นี้ร่วมกันได้
การที่ความสัมพันธ์จะไปต่อได้นั้นอาจขึ้นอยู่กับวิธีการกล้าที่ทะเลาะ ถกเถียง แลกเปลี่ยน และสื่อสารในประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากกว่าที่เราเคยเข้าใจ โดยประเด็นละเอียดอ่อนอันดับต้น ๆ สำหรับคู่รัก 3 ลำดับคือ เรื่องเพศ เรื่องเงิน และนิสัยที่น่ารำคาญเกินทนของอีกฝ่าย
Joseph Grenny กล่าวว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู็สึกดี ๆ แต่ความรักคือความเป็นจริง ดังนั้นในความสัมพันธ์ เราอาจต้องพิจารณาถึงการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาคู่กันไป นอกจากจะมัวแต่คำนึงว่าอะไรทำให้ราบรื่นหรือเงียบสงบ
อย่างไรก็ตามการทะเลาะที่หมายถึงก็ไม่ได้แปลว่าคือการทะเลาะแบบด่าทอ หยาบคาย หรือพ่นคำพูดทำร้ายจิตใจกันแต่หมายถึงการทะเลาะที่สามารถจะบอกสิ่งที่ตัวเองไม่พอใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล พร้อม ๆ กับที่เปิดจรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายด้วย
UNLOCKMEN หวังว่าการทะเลาะกันครั้งต่อไปของทุกคนจะเข้าใจมากขึ้นว่าที่เราเถียงกันนั้น เถียงกันเพื่อเข้าใจกันมากขึ้น และพึงระลึกไว้เสมอว่าความรักความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่ความรักความสัมพันธ์ที่ราบรื่น แต่เป็นความสัมพันธ์ที่กล้าจะสื่อสารกัน เพื่อปรับตัวเข้าหากันได้มากขึ้นต่างหาก
SOURCE 1