ULM PLAYLIST : เมื่อศิลปินรุ่นใหญ่ COLLAB กับศิลปินรุ่นใหม่ แรงบันดาลใจจึงเป็นอะไรที่มากกว่าบทเพลง

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีเทรนด์ของดนตรีเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือการจับมือกันระหว่างศิลปินรุ่นเก๋าในตำนาน กับศิลปินรุ่นใหม่ที่อยู่ในกระแสนิยม จนเกิดเป็นบทเพลงที่เชื่อมต่อคน 2 ยุค เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งปรากฏการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เรามาดูกันว่า ศิลปินทั้ง 2 รุ่นนั้นมีใครบ้าง และเพราะอะไรทั้ง 2 รุ่นถึงได้โคจรมาเจอกัน

“How Not to Drown”
CHVRCHES X Robert Smith (The Cure)
ศิลปินที่ชี้ทางสว่างในยามที่วงถึงคราวตีบตัน

เริ่มต้นกันด้วย CHVRCHES วง Synthpop รุ่นใหม่ที่ออกอัลบั้มมาได้ 3 ชุด กับ Robert Smith แห่งวง The Cure ศิลปินในตำนานที่ออกอัลบั้มมาแล้วกว่า 4 ทศวรรษ แม้ภาพลักษณ์ของศิลปินทั้ง 2 จะดูไม่น่าไปด้วยกันได้ แต่ในความเป็นจริง CHVRCHES นั้นบูชา The Cure ราชาโกธิคร็อคที่รุ่งเรืองสุดในยุค 80s โดยที่วงนั้นไม่คาดคิดเลยว่าฝันของเขาและเธอที่จะได้ร่วมงานกับศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้านั้นจะเป็นจริง

“คือเราปาร์ตี้พักเบรคกันระหว่างที่ทำอัลบั้มชุดที่ 4 เราคุยกันถึงบทเพลง ๆ หนึ่งที่มันจบไม่ลงเสียที ตอนนั้นเราก็ท้อแท้มาก ระหว่างที่เรากำลังกึ่ม ๆ แอลกอฮอลล์ด้วยความเมา บรรยากาศช่วงนั้นมันตรงกับเทศกาลฮัลโลวีนพอดี Martin Doherty สมาชิกในวงก็เสนอชื่อของ Robert Smith ให้ลองมาร่วม Featuring ดีมั๊ย ทุกคนก็แบบเลิ่กลั่ก เพราะ Robert Smith เลยนะเว้ย ตำนาน Post-Punk / Gothic Rock เลยนะ แต่สุดท้ายพวกเราก็ลองติดต่อไป เพราะคืนนั้นเราเมาเละ และถ้าไม่เขาไม่สนใจ ก็แค่เซย์ไฮศิลปินในตำนานก็คงพอ แต่ผิดคาด Robert ตอบรับร่วมงานกับพวกเรา” 

Lauren Mayberry ฟรอนต์เกิร์ลของวงพูดถึงที่มาที่เหลือเชื่อของการได้ร่วมงานกับรุ่นใหญ่ระดับตำนานยุค 80s

“คือมันเหลือเชื่อมาก ผมนึกถึงช่วงเวลาประมาณปี 2012 ตอนนั้นพวกเราตกอับกันมาก ๆ สู้ชีวิตกันอย่างสาหัสพอสมควร วงเพิ่งก่อตั้ง แถมยังไม่รู้ว่าอนาคตพวกเราจะไปกันรอดมั้ย แต่วันหนึ่ง เราไปงาน Glastonbury แล้วได้ไปดูโชว์ของ Robert Smith ที่เล่นก่อนโชว์ของ New Order เห็นพลังของเขาแล้ว มันส่งกลับมาหาเราทันที จนเราสัญญากับตัวเองว่า ต้องเจ๋งให้เท่า Robert Smith ให้ได้”

Martin Doherty สมาชิกในวงที่เสนอชื่อของ Robert Smith เล่าถึงความหลังของศิลปินในดวงใจ โดยอัลบั้มที่วงโปรดปรานอย่างมากของ The Cure ก็คือ Disintegration และ Pornography

จนสุดท้าย Robert ก็ส่งเสียงร้องตัวอย่างมาให้กับวงทางอีเมล์ และเข้าใจเลือกวันในการส่งเสียด้วย เพราะเขาเลือกส่งอีเมล์ให้ในวันฮาโลวีนพอดี วงดีใจอย่างมากที่ Robert เสมือนพระมาโปรดในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังสับสน หดหู่ และไม่รู้ว่าทางออกของวงจะไปทางไหนพอดิบพอดี

How Not to Drown คือบทเพลงบทนั้น ที่กล่าวถึงการประคับประคองสติในขณะที่กำลังจมน้ำ คือการตั้งสมาธิในวันที่รู้สึกทุกอย่างมืดแปดด้าน และได้เสียงของ Robert Smith มาเพื่อสอดรับและให้กำลังใจ เพลงนี้จึงกลายเป็นเพลงที่สมบูรณ์แบบที่เติมเต็มความรู้สึกโหยหาใครสักคนมาช่วย แต่ที่วิเศษเหนือสิ่งอื่นใด คือการได้ศิลปินที่แอบปลื้มมาร่วมแจมนั่นเอง

“Dustland”
The Killers X Bruce Springsteen
แรงบันดาลใจที่ส่งต่อให้แก่กัน

The Killers อาจจะมีอายุอานามวงที่เกินกว่าคำว่า “วงรุ่นใหม่” แต่อัลบั้มชุดล่าสุดของพวกเขา Imploding the Mirage (2020) ก็ถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่และสมศักดิ์ศรี หลังจากที่วงเผชิญปัญหาทั้งทางคุณภาพการทำงานที่ถดถอย และเพลงฮิตที่เหือดหายจากชาร์ทไปนานเหลือเกิน แต่อัลบั้มล่าสุดที่ออกเมื่อปีที่แล้ว กลับสร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับผู้ฟังที่เคยหันหลังให้กับวงได้กลับมาหวนคืนดีกันดังเดิมอีกครั้ง

โดยส่วนใหญ่ จะมองว่าวงกลับมาทำงาน Stadium Rock ที่ยิ่งใหญ่ ฮึกเหิม และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ให้ความรู้สึกเดียวกันกับที่เราได้ฟังเพลงของ “The Boss” Bruce Springsteen ในยุครุ่งเรือง ซึ่ง Brandon Flowers ฟรอนท์แมนของวงก็ไม่ปิดบังเลยว่า Springsteen นั้นคือแรงบันดาลใจ และเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่พวกเขานั้นยึดถือเป็นแบบอย่าง จน Bruce Springsteen ได้ชมการแสดงของ The Killers ที่เทศกาลดนตรี Glastonbury แล้วรู้สึกประทับใจในวงรุ่นน้องที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงพลัง ถึงขั้นเขาได้ส่งข้อความถึง The Killers ว่า “พวกนายแสดงได้เจ๋งมาก เราน่าจะร่วมงานกันสักครั้งนะ” ซึ่ง Brandon แทบจะเก็บกลั้นอารมณ์ความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ จนในที่สุด ทั้ง 2 ก็ได้ร่วมงานจริง ๆ ในเพลง Dustland

จริง ๆ แล้ว Dustland ไม่ใช่เพลงใหม่ มันคือเพลง A Dustland Fairytale ซิงเกิ้ลจากอัลบั้ม Days & Age ที่ปล่อยมาตั้งแต่ปี 2008 โดยที่มาของเพลงนี้นั้น Brandon Flowers ได้แต่งเพลงนี้ให้กับแม่ของเขาเองที่กำลังต่อสู้กับมะเร็งสมอง และได้เสียชีวิตหลังจากนั้นในอีกหลายปีต่อมา

Brandon เขียนเพลงโดยเล่าถึงช่วงเวลาที่พ่อและแม่ของเขาตกหลุมรักและออกเดทกันในช่วงปี 1961 นั่นเอง ซึ่งเพลงหวานที่เนื้อหาประทับใจและชวนเศร้าใจนี้ มีเนื้อหาใกล้เคียงกับเพลง The River เพลงมาสเตอร์พีซของ Bruce Springsteen ที่เล่าเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่อยู่ในสภาวะขัดสนเงินทองเช่นกัน A Dustland Fairytale จึงกลายร่างมาเป็น Dustland เพลงที่นำพาให้ผุ้ยิ่งใหญ่แห่งโลกดนตรี 2 ยุค 2 สมัย ได้ร่วมงานกัน ซึ่ง Brandon ได้เผยความรู้สึกนี้ว่า “ความรู้สึกนี้มันเป็นยิ่งกว่าความสุข เมื่อบทเพลงส่งผ่านแรงบันดาลใจจนได้มาบรรจบกัน”

Paul McCartney – McCartney III Imagined
ปล่อยเพลงให้รุ่นใหม่ ตีความใหม่ได้ตามชอบใจ

อีกหนึ่งศิลปินรุ่นใหญ่ ที่เลือกจะเชื่อมต่อศิลปินรุ่นใหม่ด้วยการนำอัลบั้ม McCartney III ของตน ให้เหล่าศิลปินรุ่นใหม่ นำไปตีความใหม่เป็นสไตล์ของตนตามสบาย จึงกลายเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของแนวดนตรีที่มีตั้งแต่งานของศิลปินอย่าง Beck / Damon Albarn แห่ง Blur และ Gorillaz / Ed O’Brien แห่ง Radiohead ไปจนถึงศิลปินรุ่นใหม่ Phoebe Bridgers, Khruangbin, Anderson .Paak, ที่ช่วยคืนความเยาว์วัยให้อัลบั้มได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน นับเป็นการเปิดกว้างและเชื่อมต่อคน 2 ยุค ด้วยดนตรีได้อย่างยอดเยี่ยม

ทั้ง 2 เพลง กับอีก 1 อัลบั้ม สะท้อนได้ว่า “ช่องว่างระหว่างวัยนั้น สามารถเติมเต็มได้ เมื่อทั้ง 2 รุ่น ต่างเปิดใจซึ่งกันและกัน” รุ่นใหม่คือตัวแทนของปัจจุบันและวันพรุ่งนี้ ที่พร้อมนำความรู้ความสามารถจากศิลปินรุ่นใหญ่มาดัดแปลงให้เข้ายุคเข้าสมัย ในขณะเดียวกัน ศิลปินรุ่นใหญ่เอง ก็สามารถสื่อสารกับคนรุ่นนี้ได้ หากเปิดใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่พร้อมหมุนไปข้างหน้า

ศิลปินทั้ง 3 ไม่ว่าจะเป็น Robert Smith / Bruce Springsteen และ Paul McCartney นั้น อันที่จริงล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินขึ้นหิ้ง ที่ไม่จำเป็นต้องมาร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ก็ได้ หากแต่หิ้งที่อยู่เหนือหัวนั้น นับวันก็จะถูกลืมและหยากไย่แห่งความสำเร็จในอดีตเกาะจนไม่หลุดพ้นไปไหน แต่เมื่อพวกเขาได้ร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ นอกจากจะได้รีเฟรชตัวเองแล้ว ยังพิสูจน์ได้ว่า “ดนตรีนั้นไม่มีกำแพงของวัยมาเกี่ยวข้อง”

ดังนั้นลองใช้กรณีนี้ ดัดแปลงประยุกต์เข้ากันกับการทำงานของตนเอง ไม่ว่าวงการไหน เรามั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องราบรื่นได้อย่างแน่นอน