ยิ่งรวย ยิ่งมีความสุข? ไม่จริงเสมอไป

ถ้าไปถามคนร้อยคนที่กำลังทำงานอยู่ คงไม่มีใครไม่อยากเป็นคนรวย แน่นอน ตัวผู้เขียนเองก็อยากเป็นคนรวยครับ ซึ่งเราเองก็พยายามมาอย่างหนัก ถ้าเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ฐานะของผมพัฒนาขึ้นตามตำแหน่งและความรับผิดชอบ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ตอนนี้ความสุขของผมนั้นลดลงไปเยอะมาก ทำให้นึกย้อนไปถึงวันที่ต้องเลือกว่า เราจะไปทางไหนดี จะทำธุรกิจขนาดเล็ก มีคนไม่กี่คน เรื่อย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องเน้นกำไรเยอะมาก หรือจะเลือกทางที่โตไว กลายเป็นบริษัทจริงจัง มีผู้ถือหุ้นร่วมทุน มีโอกาสขยายธุรกิจไปอย่างไม่รู้จบ ซึ่งที่ผมบอกว่าความสุขลดลง เพราะผมเลือกทางหลังนั่นเอง

ไม่ใช่แค่ผม แต่มีตัวอย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ รวยระดับพันล้านมากมาย ที่มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ตัวอย่างที่เราอยากยกขึ้นมาในบทความนี้ก็คือสุดยอดอภิมหาเศรษฐี เจ้าของเว็บขายส่ง Alibaba ที่หลายคนอาจรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ “Jack Ma”

Jack Ma – Alibaba Founder

Jack Ma เป็นผู้ชายที่เหมาะกับคำว่า UNLOCKMEN มากจริง ฟ เพราะตัวเค้านั้นเคยผ่านความลำบากและความพยายามอย่างเต็มกลืน ในปี 1988 Ma มีรายได้แค่ $20 หรือ 600 บาทต่อเดือนจากการเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษในเมือง Hangzhou ฟังแล้วอาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่เจ้าตัวบอกว่า “เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกว่าปัจจุบัน”

อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งด่า นั่นไม่ได้แปลว่าให้ทุกคนพอใจกับรายได้ที่น้อยจนไม่พอค่าใช้จ่าย และค่ารางวัลชีวิตและรสนิยมต่าง ๆ เพราะช่วงเวลาสมัยนั้นกับสมัยนี้ อะไรหลายๆอย่างได้เปลี่ยนไปเยอะ รวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่แพงขึ้นกว่ารายได้ ถ้าเงินไม่พอ ยังไงก็เป็นทุกข์แน่นอน และเราก็ไม่ได้ชวนทุกคนให้ทิ้งการงานไปทำนา ปลูกข้าว ต่างจังหวัดกันแน่นอน

ประเด็นของ Ma คือ การไม่มีเงินเลย ไม่มีทางมีความสุข แต่การมีเงินในปริมาณที่ไม่น้อยเกินไป แต่ไม่มากเกินไป คือจุดของความสุขที่พีคที่สุด ใช่แล้ว มันคล้ายกับหลักการพอเพียงของพวกเรานั่นเอง เพระนั่นจะทำให้เรารู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร อยากทำอะไร รู้ว่าจะใช้จ่ายเงินไปกับอะไร  ที่สำคัญที่สุดคือการได้ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อตัวเองในเวลาที่ต้องการ

เทียบกับตอนนี้ ที่ Ma กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าตัวกลับไม่มีเวลาใช้เงินในสิ่งที่อยากได้ ไม่ได้ไปในที่ที่อยากไป เพราะคุณไม่มีเวลาว่างแม้แต่จะพักผ่อน ต้องทำงาน ต้องดูแลคน ต้องออกสัมภาษณ์ในรายการต่างๆตลอดเวลา ต้องทำงานใน scale ที่ใหญ่โต ค่าใช้จ่าย เงินหมุน ผลกำไร  และเหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องใช้เงินทำให้ตัวเองเป็นอย่างที่สังคมอยากให้เป็น ความคาดหวังจากคนรอบข้างสูงมาก สมมติคุณเกิดอยากจะบริจาคเงิน จะบริจาคหนึ่งหมื่นบาทก็ไม่ได้ เพราะสังคมคาดหวังให้คุณบริจาคเป็นล้าน ๆ ดราม่าเกิดทันทีทันใด จะทำบุญกลายเป็นซวยไปซะฉิบ โดยที่จริง ๆ แล้วตัวคุณอาจจะเป็นหนี้มากมาย หรือมีค่าใช้จ่ายที่คนอื่นไม่ได้รับรู้อยู่มากมายก็ได้

สุดท้ายนี้เราอยากฝากคำพูดของ Jack Ma ว่า “มีเงิน 1 ล้าน คุณจะเป็นคนที่มีความสุข แต่ถ้ามีเงิน 10 ล้าน นั่นแปลว่าคุณต้องมีความรับผิดชอบมากขนาดไหน กว่าจะทำเงินได้ขนาดนั้น และนั่นแปลว่าคุณอาจจะไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีความสุขเท่ากับตอนที่คุณมี 1 ล้านบาทก็ได้”

แน่นอน ถ้าถามผมว่า ย้อนเวลากลับไปได้ผมจะเลือกทางไหน บอกได้เลยว่าผมจะเลือกทางที่มีเวลามากกว่านี้ แม้จะมีเงินน้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไรครับ

ข้อมูล Jack Ma บางส่วนจาก : CNNmoney