“BLOOD SWEAT AND BEERS” ศิลปะถ่ายทอดมุมมองของ 7 ศิลปินที่มีต่อสังคมคนเมือง

เมื่อศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในช่วงเย็นที่การจราจรแออัด ผู้คนต่างแย่งชิงกันกลับบ้านอยู่ตามท้องถนน แน่นอนว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเบื่อหน่าย เหนื่อยล้า และอยากจะปลดปล่อย ซึ่งเป็นผลกระทบจากความบ้าคลั่งในการทำงานอย่างเต็มที่จนแทบไม่มีเวลาจะหายใจ แต่ยังมีอยู่สถานที่นึง ที่เป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของการปลดปล่อย และถ่ายทอดความรู้สึกที่ถูกกักเก็บเอาไว้ของพวกเราประชาชนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองทุกวี่วัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หาเงิน ความสุข ความเศร้า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ชีวิตคนเมืองเป็นกัน ผ่านออกมาเป็นผลงานศิลปะ กับนิทรรศการเจ๋งๆ ที่มีชื่อว่า   “BLOOD SWEAT & BEERS” 

นิทรรศการ “BLOOD SWEAT & BEERS” เป็นนิทรรศการที่ถ่ายทอดมุมมองของ 7 ศิลปินที่มีต่อขนบธรรมเนียม การใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนไทยแท้ๆ ซึ่งมักจะทำทุกสิ่งอย่าเพื่อให้ได้มาด้วยความสุขแม้เพียงชั่วขณะ ให้ออกมาเป็นงานศิลปะ ในมุมมองที่หลากหลาย และให้ผู้ที่เข้ามาเดินชมงานได้วิเคราะห์ถึงความเป็นมาและสิ่งที่จะยังคงดำเนินต่อไปในสังคมไทย

ยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน และเป็นส่ิงใกล้ตัวพวกเรามากๆ แต่หลายคนอาจจะมองข้ามมันไป เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจนเราเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้วอย่างเช่น  “การดื่ม” คนไทยอย่างเราไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน ก็มักจะใช้สุรา-เบียร์ เป็นคำตอบ-ข้ออ้าง เพื่อทำให้พบกับจุดจบของทุกๆ คำถาม อีกทั้งในทุกๆ เทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลอง หรือการตอกย้ำความทุกข์ก็ตามแต่ ที่เป็นเช่นนั้นอาจจะเพื่อให้เวลาวิ่งผ่านเร็วขึ้นในแต่ละคืน จนแนวความคิดดังที่ว่านี้ ได้ถูกซึมซับเข้าไปในจิตใจของเหล่าผู้แสวงหาคำตอบของความสุขหลังจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อย สิ่งเหล่านี้เองจึงกลายมาเป็นหัวข้อที่ศิลปินทั้ง 7 คนสนใจ และต้องการที่จะนำออกมาตีความสู่รูปธรรมในงานศิลปะ

วันนี้ทางทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพบรรยากาศภายในงาน เดินชมผลงานศิลปะ รวมไปถึงพูดคุยกับศิลปินเจ้าของผลงานบางส่วน ถึงที่มาที่ไปไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ป แรงบันดาลใจของงานที่ได้นำมาแสดงในวันนี้กันด้วย

เริ่มกันที่ “พี่เอก”  วันประชา  ธิติไพศาล เจ้าของนามปากกา (W DOT)  กันก่อนเลย

“จริงๆ แล้วคอนเซปของงาน  Blood Sweat And Beers ที่จัดขึ้นมันคือ การใช้ชีวิตของคนเมืองหลวง ทำงานหาเงิน อยากจะพักผ่อน ใช้ชีวิตปกติตามวิถีชีวิตของคนเมือง”

“ชื่องานที่จัดขึ้นชื่อว่า  Blood Sweat And Beers  พี่ก็ตีความเช่น  Blood  มันคือความเจ็บปวดที่หอมหวาน Sweat คือความเหนื่อยยาก ความลำบากทำงานหนัก ส่วนคำว่า  Beer  นี่ก็ เวลาพูดถึงเบียร์เราก็จะนึกถึงการพักผ่อน สบายๆ ก็เลยตีความออกมาเป็น  3  ประเภทคือ เบียร์  wheat beer  ส่วน  Sweat  นี่ก็จะเป็น  IPA  ขมปลายอะไรอย่างเนี้ย wheat ก็จะหวานๆ หน่อย Lager นี่ก็จะกินง่ายๆ อย่างเช่นเบียร์ไทยอะไรอย่างนี้”

เมื่อเราถามว่าทำไมชื่องานที่จัดขึ้นนนี้ถึงใช้ชื่อว่า  “Blood Sweat And Beers”  พี่เอกอธิบายว่า

“ทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการกิน  BBQ  กันเว้ย แล้วก็แบบ ชื่องานอะไรดีวะ พอดีกินเบียร์อยู่ด้วยก็เลย เอ้ยนี่ไงก็ชื่อ  Blood sweat and beers  เหตุผลมันงี่เง่ามากเลย จริงๆเหมือนเราเล่นคำพ้องเสียง  Blood Sweat And Tears  แต่เราอยากให้มีคำว่า  Beer  ผสมอยู่ในงานด้วย เหตุผลก็เพราะว่าไม่ว่าเราจะดีใจ เสียใจ อกหัก เป็น…ไรมา ก็กินเบียร์ ก็กินเหล้า ก็ต้องเมามาย เป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นไอสิ่งเหล่านี้มันก็มีส่วนสำคัญกับชีวิตอยู่ตลอดเวลา”

ให้ พี่เอก ช่วยเล่าถึงถึงคอนเซป และที่มาที่ไปของพี่เอกที่นำมาแสดงในวันนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม?

“งานนี้ชื่อว่า  Drunken Nirvana  คือ เมาแล้วกูรู้ทุกเรื่อง เมาแล้วตรัสรู้ได้  เมาแล้วแยกเขี้ยว  เมาแล้วหาเรื่อง  เมาแล้วไฟลุกอะไรอย่างเนี้ย  คอนเซปของพี่มันจะง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก สามารถเข้าใจได้”

โกวุฒิ สุภวาณิชย์ลีลา (KOWUTS) 

“คอนเซปงานหลักเนี่ยเค้าพูดว่าคนทั่วๆ ไปที่มีความสุขเนี่ย คือมีความสุขเพราะการ  Hangout  ศุกร์-เสาร์ -อาทิตย์ แต่ผมมองว่าถ้าความสุขมันควรจะอยู่ในปัจจุบันของทุกๆ วัน ภาพวาดที่สื่อออกมาก็สื่อออกมาในทางที่  Dark  หน่อยอ่ะครับ   เพราะว่าถ้าคนเราคิดว่าถ้าความสุขอยู่ในอนาคต   ปัจจุบันก็จะไม่มีความสุข เลยอยากให้ทุกๆ คนหันมามองว่าความสุขอยู่ในปัจจุบัน ทุกๆ วัน ส่วนงานนี้ที่ใช้สัตว์เป็นตัวหลักก็เพราะว่าผมชอบสัตว์ป่าอยู่แล้ว ก็เลยใช้สัตว์เป็นตัวแทนคนด้วย อะไรประมาณนี้ครับ”

พีระพันธ์  นันทะชัย (RZS)

“คือ ‘Blood Sweat And Beers’ มันเป็นเหมือนวลีของฝรั่ง คือ ‘Blood Sweat And Tears’ เลือด หยาดเหงื่อ และ น้ำตา แต่เรามาแปลงเป็นวัฒนธรรมของทั่วโลกคือ ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์ อะไรก็แล้วแต่ เหล้าตอบโจทย์ทุกอย่าง ภาพนี้ก็เหมือนกันคือมองว่า ภาพชื่อ  5AM in Bangkok”

“ความหมายว่า ผู้หญิงคนในภาพนี้คือเค้าดื่มเพื่อลืมความเจ็บปวดในชีวิตแต่จริงๆ คือเลือกผู้หญิงเพราะความสวยงามมากกว่า  ไม่ว่าคนอกหักก็ดื่ม  คนจนก็ดื่ม  อะไรก็ดื่ม  ภาพมันจะเหมือนคนเมา  ดูดีๆ จะมี  Texture  อยู่ ตั้งใจให้ภาพออกมาดูเมาๆ ตา  3  ชั้น  4  ชั้นซ้อนกัน   แต่ความจริงก็คือผู้หญิงคนเดียวกัน  

มาอีกงานนึง อันนี้พูดถึงความตาย  เมื่อกี้เราพูดถึงเรื่องความเจ็บปวดการดื่มแล้ว   อันนี้คือมาพูดถึงเรื่องชีวิตภาพนี้ชื่อ  Goal Of Life   หลายคนมอง   Goal Of Life   ก็คือต้องมีบ้าน  มีรถ  แต่เป้าหมายชีวิตของแต่ละคนก็คือความตาย   ทุกคนไม่สามารถฝืนได้   คอนเซปมันคือ    Everyone Die    ทุกคนต้องตาย   ไม่มีเหตุผลที่จะต้องต่อสู้กับมัน   เราจะต่อสู้ยังไงไม่ว่าจะรวยล้นฟ้า   คนจน   หรือไม่ว่าจะเป็นเทพเข้าสิงอะไรก็แล้วแต่   ทุกคนตายหมด  หนีไม่พ้น  ก็ประมาณนี้ครับ”

นเรนทร์ เรืองวงศ์  (MAMACUP711)

” ‘Blood Sweat And Beers’ คือจากที่เราได้รับโจทย์มาก็รู้สึกถึงเรื่องแบบความสุขของคนเมือง  ก็คือก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่สัมผัสกับชีวิตในเมืองค่อนข้างประมาณนึง  กับการทำงานกับสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาตั้งแต่วันจันทร์ ถึง ศุกร์   แล้วพอถึงวันศุกร์ผมก็รู้สึกว่าผมต้องออกไประบายอะไรกันซักอย่างนึง  อันนี้เป็น   Inside   ของผมน่ะเดี๋ยวเข้าเรื่องงานเลย

งานที่เห็นเนี่ย  ผมเอาหน้ากากกระต่าย  เพราะผมแทนความสนุกข้างหลังแบลคกราวของคนเนี่ยมันคือความทุกข์   ความไม่สบายใจ   คือผมมองคนเมืองว่าทุกคนมันมีอยู่แล้วกับการทำงาน   แต่แค่ความสนุกมันคือ   เบื้องหน้า   1   อาทิตย์กับการที่เราต้องระบาย   ส่วนขวามือของภาพเป็นเมือง   ซึ่งจริงๆ   แล้วมันก็คือการทำงานของมนุษย์คนเมืองนั่นแหละ   มันเป็นคำถามของผมอ่ะ   ว่าเห้ย    คุณมีความสุขจริงๆ   รึเปล่า    คุณสุขกับสิ่งที่คุณมีอยู่ในทุกวันนี้จริงๆ  รึเปล่า    ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมประสบความสำเร็จอะไรน่ะ    ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องกลับไปอยู่ใน    วัฎจักรคนเมืองอีกรึเปล่า   ผมเลยถ่ายทอดออกมาเป็นงานของผม”

พงษ์เพชร เขียวอ่อน (PETCH PMP)

‘Blood Sweat And Beers’   เนี่ยคือพูดถึงเรื่อง   Loop   ของการทำงาน   พอทำงานเสร็จเราก็อยากจะพักผ่อน   เพื่อที่ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคในวันต่อๆ  ไป   แต่ของผมก็มองว่า ทำยังไงเราถึงจะหลุดพ้น   Loop   ของการทำงาน   หรือว่าความหนักหนาสาหัสของการทำงานอย่างเช่นภาพนี้ก็เหมือนกับว่าความสุขชั่วคราว    คือแน่นอนเวลาผู้ชายมี    Sex    พอเสร็จแล้วมันก็เหมือนกับเหวี่ยงๆ    เพราะว่ามันก็เป็นเหมือนความสุขแค่ช่วงสั้นๆ  เท่านั้น    แต่บางทีเราอาจจะต้องมองหาความสุขที่แบบ   เห้ย  จริงๆ แล้วจบเลย   อะไรอย่างเนี้ย    แต่ว่าในมุมมองของเรามันเป็นเหมือนกับว่า    การหาทางออก   แบบว่าการฆ่าตัวตายอะไรแบบนั้นไป   การทำร้ายตัวเอง   แบบนั้นอะครับ”

“คืออย่างงานผ้ามันเหมือนกับว่าเรามองว่าแต่ละคนแตกต่างกัน   บางคนเติบโตมากับความสุขหลายๆ  ชิ้นรวมกันเป็นผืนใหญ่อาจจะเป็นผ้าที่สมบูรณ์มาก   แต่ของเรามันเป็นผ้าที่เกิดจากความทุกข์ยากหลายๆ อย่างจนรวมมาเป็นผืนเดียวกัน   แล้วคนที่ทำขึ้นก็ผ่านความทุกข์มาเหมือนกัน   ชื่องานมันคือ  Hard Time  หมายถึงช่วงเวลาหนักหนาหลากหลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า   มันก็เลยออกมาเป็นงานนี้”

นิทรรศการ   “BLOOD SWEAT & BEERS”   ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการงานศิลปะที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว   ด้วยเนื้อหา   และคอนเซปที่ใกล้ตัวคนที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างพวกเรา   ทำให้งานที่มีความหลากหลาย   จากมุมมองของ   7   ศิลปิน   เข้าถึงได้ไม่ยากเกินไปนัก

ใครที่สนไปงานเจ๋งๆ   แบบนี้ตอนนี้ก็ยังสามารถไปได้อยู่เพราะว่า   นิทรรศการ   “BLOOD SWEAT & BEERS”   เปิดให้ชมตั้งแต่   29   July  –  31  Aug  2016  Gallery  Opening  Hours:  10:00am – 6:00pm,  Tuesday to Saturday (Closed on Sunday and Monday)  ที่  KALWIT STUDIO&GALLERY  ซอย  ร่วมฤดี 2  หรือสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ  ของงานได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ  #BLOODSSWEATANDBEERS

KALWIT SUTUDIO&GALLERRY