FASHION

ดีวันดีคืนสำหรับห้องเสื้อ BURBERRY พร้อมการก้าวกระโดดของแบรนด์หลังการมาของ RICCARDO TISCI

By: Thada July 11, 2018

ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 5-6 ปี ก่อนนี้ หากเรากำลังพูดถึงแบรนด์ชื่อว่า Burberry ภาพจำในอดีตคือความไอคอนิกพร้อมซิกเนเจอร์ของตัวเองที่ชัดเจน ไม่ต่างจากแบรนด์ไฮเอนด์อื่น ๆ  ทว่าในขณะที่คู่แข่งกำลังรุดหน้าวิ่งลงมาจับตลาดสตรีทแวร์ พร้อมขยายฐานตัวเองลงมาสู่ E-commerce แต่ Burberry ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิมยึดมั่นในความคลาสสิคจนดูไม่ร่วมสมัย เกิดช่องระหว่างวัยของผู้บริโภค เมื่อเด็กรุ่นใหม่ ๆ ไม่รู้จัก Burberry อีกต่อไป ส่งผลให้ยอดขายของแบรนด์ตกลงพอสมควร

ซึ่งเมื่อพวกเขาเริ่มขยับตัวในตลาด E-commerce ช้ากว่าแบรนด์อื่น ๆ  จึงเหมือนกับการเดินตามคู่แข่งคนอื่น ๆ ในตลาด แต่ที่แย่ที่สุดคือยอดขายในสหรัฐอเมริกา ตามบรรดาห้างร้านค้าต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้ว่าจะพยายามออกคอลเลคชั่นพิเศษออกมากระตุ้นช่วยแล้วก็ตาม

ทำให้ Burberry ต้องมานั่งขบคิดปรับกลยุทธ์กันอย่างจริงจังขยายฐานลูกค้าตัวเองไปสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แต่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยการเพิ่มพันธมิตรที่ชำนาญในเรื่องออนไลน์โดยตรง จากนั้น Burberry ค่อย ๆ ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ที่ดูจะเน้นกับตลาดในประเทศจีนเสียเหลือเกิน ถึงขนาดเปิดโอกาสให้ คริส วู (Kris Wu) นักแสดงชาวจีนมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมกับร่วมออกแบบคอลเลคชั่นเสื้อผ้าเป็นของตนเอง จนสามารถตีตลาดในเอเชียได้อย่างดีเยี่ยม

Kris Wu และ Christopher Bailey

แต่แล้วหลังจากการโบกมือลาของ คริสโตเฟอร์ เบลีย์ (Christopher Bailey) นายใหญ่ที่ควบตำแหน่งทั้งหัวหน้าครีเอทีฟ และ CEO ของแบรนด์ ประกาศลงจากตำแหน่ง ก็ดูเหมือนว่า Burberry จะเจอมรสุมเข้าอย่างจังอีกครั้ง ทว่ามันกลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดกว่าเดิม เมื่อ ริคคาร์โด ทิชชี่ (Riccardo Tisci) เลือกที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

Riccardo Tisci

ทิชชี่เข้ามาพร้อมทิศทางใหม่ ๆ ของแบรนด์ แถมปล่อยของดีอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การคอลแลปส์กับสตรีทแบรนด์สุดฮอตจากรัสเซียอย่าง โกชา รุบชินสกี (Gosha Rubchinskiy) หรือการนำเอาไอเทมสุดคลาสสิคหลาย ๆ ชิ้นไม่ว่าจะเป็นจำพวกเสื้อโค้ตชนิดต่าง ๆ อย่าง Trenchcoat, Carcoat และพวกลาย Check เหล่านี้กลับเข้ามา ไอเท็มหลักในชื่อว่า “B Classic”

ปัจจุบันยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 3 % หลังจากจบไตรมาสแรก โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทที่ดีดตัวขึ้นถึง 17 % หลังจากการเข้ามาของริคคาร์โด ทิชชี่ (Riccardo Tisci) จึงนับได้ว่าชายคนนี้คือตัวเปลี่ยนเกม เป็นอีกก้าวสำคัญยิ่งใหญ่ของแบรนด์ Burberry อย่างแท้จริง ด้วยการดึงเอาจุดเด่นของ ทิชชี่ อย่างสตรีทคัลเจอร์ มาผสมผสานกับความคลาสสิคเหนือกาลเวลาของแบรนด์ ทำให้ในตอนนี้ Burberry ดูมีคุณค่าและกลิ่นอายเหมาะจะเป็นเครื่องแต่งกายสำหรับทุกเพศ ทุกวัย

ล่าสุดเตรียมพบกับการคอลแลปส์ที่เชื่อว่าทุกคนรอคอยด้วยการจับมือของสองแบรนด์ระดับไฮเอนด์ชนิดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนระหว่าง Burberry x Vivienne Westwood ในช่วงปลายปีนี้ ที่เด็ดคือคอลเลคชั่นดังกล่าวทำออกมาเพื่อการกุศลอีกด้วย ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าชื่อของดีไซเนอร์ในปัจจุบันมีผลต่อทิศทางของโลกแฟชั่นอย่างแท้จริง

source , source2

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line