หลังจากที่ Donald Trump เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาเรียบร้อยไปแล้ว มันทำให้เรา Flash Back นึกย้อนกลับไปถึงวัยเด็กตอนดูหนังอเมริกันหลาย ๆ เรื่องกับพ่อ แล้วมักจะได้เห็นซีนของการหาเสียง ที่ประธานาธิบดีโบกมือให้ประชาชนออกมาจากรถสีดำคันงามอยู่เสมอ แล้วภาพที่ชินตานั้นสร้างความสงสัยในวันนี้ … “ปกติแล้วประธานาธิบดีของอเมริกาใช้รถหาเสียงยี่ห้ออะไร ?” โพสต์นี้ UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปค้นหาประวัติศาสตร์ 4 ล้อของ American Car ที่คอยเป็นทั้งพาหนะหาเสียงและเป็นทั้งเกราะป้องกันชีวิตของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1930s รถคันแรกของ Franklin D. Roosevelt ถึงรถคันล่าสุดของทรัมป์กันไปเลย Lincoln K Sunshine Special (1939) ขอเชิญทุกคนพบกับรถประจำตำแหน่งประธานาธิบดีคันแรกของสหรัฐอเมริกา (Official Presidential State Car) เป็นรถที่ถูกใช้จนถึงปี 1942 ของ Franklin D. Roosevelt ประธานาธิบดีคนที่ 32
นับตั้งแต่วินาทีที่ Honda เปิดตัว mid-engine NSX เครื่องยนต์ all-aluminium 3.0L V6 พร้อมระบบ VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) ออกมาในปี 1989 ก็กลายเป็น new iconic supercar ไปพร้อม ๆ กับ Ayrton Senna ทำตลาดมายาวนานถึง 15 ปีโดยมีรุ่นพิเศษออกมามากมาย แต่ที่พิเศษและโหดที่สุดก็คือ The RR concept ซึ่ง Honda ได้เปิดทางให้ Mugen tuner คู่บุญของ Soichiro Honda ลูกชายท่านประธานเป็นคนสร้างอย่างไร้ขีดจำกัด 2009 Mugen RR concept ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีให้กับ NSX โดยเปิดตัวออกมาสี่ปีหลังจาก NSX
ในวันที่เรามีมอเตอร์ไซต์ออโตเมติกสมรรถนะแรง ๆ ฟังก์ชันพร้อม ๆ อยู่ในชีวิตประจำวันวิ่งกันไม่ขาดสาย บางครั้งมันก็ชวนให้คิดถึง ‘สกู๊ตเตอร์’ จากยุคเรโทรที่ดีไซน์เจ๋งจนไม่สามารถมีมอเตอร์ไซต์รุ่นไหนแทนได้อยู่ไม่น้อย เราไม่รู้ว่าชาว UNLOCKMEN มีสกู๊ตเตอร์จากยุคเก่ารุ่นไหนอยู่ในใจกัน แต่ถ้าพูดถึงสกู๊ตเตอร์สำหรับเรามันต้อง HONDA แบรนด์ที่ผลิตมอเตอร์ไซต์และสกู๊ตเตอร์ดีไซน์ตราตึงคนรักดีไซน์อย่างเราสุด ๆ หลาย ๆ รุ่นกลายเป็นไอคอนิกในมังงะ และหนังญี่ปุ่นยุค City Pop มันไม่เคยเก่าจนสามารถใช้คำว่า Modern มานิยามความ Timeless ได้เลย UNLOCKMEN ขอรวม RETRO MODERN HONDA SCOOTER ที่เราหลงรัก หลาย ๆ คันก็เกิดไม่ทัน หรอก แต่ดูรูปเมื่อไหร่ก็เห็นภาพการแต่งตัวของหนุ่มสาวในยุค 80s กำลังผจญภัยขับให้ลมตีหน้า โดยมี Soundtrack ของเพลง Tatsuro Yamashita ไปทุกทีเลยสิ 𝐇𝐎𝐍𝐃𝐀 𝐒𝐏𝐀𝐂𝐘 𝟓𝟎 (𝟏𝟗𝟖𝟐) หนึ่งในที่สุดสกู๊ตเตอร์ดีไซน์ล้ำเกินยุคของฮอนด้า (ขนาดปี 2025 มันยังล้ำเกินไปอยู่เลย) ก็คือ
รถที่ขับดี ขับสนุก ไม่จำเป็นต้องเครื่องใหญ่แรงม้าเยอะเสมอไป รถ lightweight ที่แรงม้าเหมาะสมก็สร้างฟิลลิ่งการขับที่ยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้กัน และสำนัก Kamm ก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการ restomod Porsche 912c ให้ทันสมัย แรงขึ้น ในน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 800 กิโลกรัม อีกหนึ่งสำนัก restomod ที่เน้นทำรถ Porsche แต่แตกต่างจากสำนักอื่นตรงที่ Kamm จาก Hungary จะเน้นทำเฉพาะ 912 classis จากช่วงปี 1965-1969 เป็น entry-level 911 ที่ทำตลาดเพียง 4 ปี และนี่คือผลงานคันล่าสุด Lightweight Kamm 912c Targa น้ำหนักรวมทั้งคันเบาเพียงแค่ 800 กิโลกรัม เพื่อให้เห็นภาพคือมันมีน้ำหนักเทียบเท่า Smart ForTwo generation แรกเท่านั้น เป็นผลจากการอัพเกรดบอดี้ทั้งคันรวมถึง rollover hoop targa ด้วย carbon
วันครูปี 2025 หนึ่งวันของปีที่ให้เราได้เคารพถึงอาจารย์คนสำคัญในชีวิตของตัวเองอย่างลึกซึ้งไปด้วยกัน และสำหรับเหล่าผู้หลงใหลในยนตกรรม ไม่ว่าจะรักดีไซน์หรือหลงใหลฟังก์ชันสมรรถนะของแบรนด์ใหน รถเหล่านั้นล้วนมีหยาดเหงื่อและความคิดสร้างสรรค์จากมือเปื้อนน้ำมันจาก AUTOMOBILE DESIGNER อาจารย์ผู้ออกแบบอยู่เบื้องหลังเสมอ UNLOCKMEN อยากใช้โพสต์นี้พาทุกคนกลับไปอ่านเรื่องราวกว่าจะมาเป็นที่สุดของนักออกแบบยนตกรรมและรถรุ่นสำคัญของโลก ผู้กำหนดภาพลักษณ์และดีไซน์ให้กับเหล่า Iconic Car ที่เติมเต็มจินตนาการ ความเร็ว และความฝันของเด็กผู้ชายทั่วโลก Dean Moon (MOONEYES) คำว่า MOONEYES คือประวัติศาสตร์ของ American Hot Rod ของก่อนยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงทศวรรษ 1970 และชื่อของบุรุษพระจันทร์ Dean Moon ก็ยังเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดของโลโก้สีเหลืองสองตาเริ่มต้นจากตรงนี้ .. Dean Moon เกิดในปี 1927 เมือง New Richland รัฐ Minnesota พ่อของดีน Dallas เป็นเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันในฉากหน้า แต่ว่าฉากหลังนำเหล้าเถื่อนเข้ามาขาย พอขายไปขายมาก็ถูกตำรวจจับ ทำให้ต้องขายปั๊มทิ้ง และทั้งครอบครัวต้องย้ายไปที่ California ลงเอยกันที่ในเมือง Norwalk
ถ้าลองเสิร์ชคีย์เวิร์ดใน Google คำว่า “Why do car manufacturers choose a car logo with snake?” เราจะเจอเหตุผลมากมายหลายเว็บไซต์ที่อ่านรวม ๆ ได้ควาหมายไม่ต่างกันประมาณว่า นอกจากงูจะเป็นตัวแทนแสดงภาพลักษณ์อันดุดันทรงพลังของแบรนด์ งูยังเป็นศิริมงคลซิมโบลิคความหมายของการกำเนิดใหม่รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ Infinity ความเป็นนิรันดร์อีกด้วย 2025 Year Of The Serpent ! พวกเรา UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปสำรวจความหมายบนโลโก้ของเหล่าสปอร์ตคาร์ที่ใช้งูสัตว์เลือดเย็นตัวยาวนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นตัวตนของแบรนด์ ALFA ROMEO : Visconti Serpent งูแห่งผู้ปกครองมิลาน Anonima Lombarda Fabbrica Automobili / Lombard Automobile Factory, Public Company (A.L.F.A) ก่อตั้งขึ้นในปี 1910 ในเมือง Milan ประเทศ Italy ใครจะรู้ว่ารถที่มีความดุดันและมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง จะมีตราสัญลักษณ์ซึ่งรับแรงบันดาลใจมาจากความงามในสถาปัตยกรรมแลนมาร์กสำคัญของ Italy
แฟน ๆ ของ Aston Martin น่าจะคุ้นเคยกับ AM-RB 003 Concept ที่เคยเปิดตัวในปี 2019 กันดี มันคือต้นแบบที่ต้องใช้เวลาพัฒนาถึง 5 ปี กว่าจะได้ ultimate driver’s supercar ในชื่อ Valhalla ที่พึ่งเปิดตัวล่าสุดวันนี้ นับว่าเป็น mid-engine hybrid supercar คันแรกใน portfolio ของ Aston Martin อีกด้วย Aston Martin Valhalla มากับแรงม้าถึง 1,064 ตัว จากขุมพลัง twin-turbocharged 4.0-liter V8 วางอยู่หลังคนขับ พ่วงระบบ plug-in hybrid ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 3 ตัว ตัวแรกติดตั้งรวมอยู่ในชุดเกียร์ dual-clutch 8-speed ทำหน้าที่เป็น starter และปั่นไฟฟ้าชาร์จให้แบตเตอรี่
ตั้งแต่ช่วงปี 60s – 80s สำนักออกแบบ Pininfarina ทำงานคู่กับ Ferrari สร้างผลงานระดับ iconic ออกมามากมาย ทำให้ทั้งสองบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับซี้ปึ้ก และในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีของ Pininfarina ตอนนั้น Sergio Pininfarina มีความฝันที่จะทำ high-performance Ferrari 4 ประตู เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งที่กำลังมาแรงอย่าง Aston Martin Lagonda, Mercedes 450 SEL 6.9 และ Maserati Quattroporte จึงตัดสินใจสร้าง concept car ขึ้นมาเป็นของขวัญให้บริษัทตัวเอง นั่นก็คือ 1980 Ferrari Pinin เป็นครั้งแรกที่โลกได้พบกับ Ferrai ในตัวถัง 4 ประตู และถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง Mr. Battista ‘Pinin’ Farina ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ Ferrari
ช่วงเวลาแห่งความดุเดือดในโลกแห่งความเร็ว หลัง McLaren พึ่งจะเปิดตัว W1 ออกมาได้ไม่นาน ด้าน Porsche ก็เตรียมเปิดตัว hypercar รุ่นใหม่เร็ว ๆ นี้ ฝั่ง Ferrari ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาในชื่อ F80 เป็น flagship ที่จะมาสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยขุมพลัง 3.0-liter V6 turbocharge Hybrid 900 แรงม้าจากเครื่องยนต์ พ่วงพลังงานจาก Tri-motor AWD ให้กำลังรวมเกือบ 1,200 แรงม้า เคลมตำแหน่ง “The Most Powerful Ferrari” ที่เคยผลิตออกจากโรงงานจนถึงวันนี้ สามารถทำความเร็วถึง 100 km/h ได้ภายใน 2.15 วินาที และถึง 200 km/h ใน 5.75 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 350 km/h
“คุณเคยดูหนังโฆษณาน้ำมันเชื้อเพลิงมาแล้วกี่ชิ้น?” คำถามนี้คงยากจะให้คำตอบเป็นจำนวนที่แน่ชัด แต่เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อพูดถึงโฆษณาน้ำมัน ภาพในหัวของใครหลายต่อหลายคน คงหนีไม่พ้นภาพจำซ้ำ ๆ เดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพปั๊มน้ำมัน หรือภาพ CG กระบอกสูบ, เครื่องยนต์กำลังทำงาน ปิดท้ายด้วยภาพรถยนต์พุ่งทะยานไปบนท้องถนน แต่ ณ ขณะที่เรากำลังเขียนบทความนี้ น่าจะมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ได้รับชมหนังโฆษณาน้ำมันตัวใหม่ล่าสุดของ ‘บางจาก’ ที่ไม่ได้ใหม่แค่เพราะเพิ่งถูกเผยแพร่ แต่มันคือความใหม่ และแปลกตาในแง่ของงานภาพและเนื้อหา ที่น่าจะไม่เคยมีใครได้สัมผัสผ่านหนังโฆษณาน้ำมันมาก่อน ซึ่งความแปลกและแตกต่างที่เกิดขึ้น มีต้นทางมาจากแนวคิดของแบรนด์บางจากที่เชื่อมั่นในการ “สร้างสรรค์พลังไม่รู้จบ” กับเป้าหมายในการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองเทคโนโลยียานยนต์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง สู่การพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิง Bangchak Hi Premium อย่าง Bangchak Hi Premium 97 และ Bangchak Hi Premium Diesel S ยืนหนึ่งในความเป็นพลังสะอาด ที่มาพร้อมความแรง และสามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ 100% ในทุกจังหวะที่เหยียบคันเร่ง การันตีประสิทธิภาพได้จากความเชื่อมั่นของ บริษัท AAS AUTO SERVICE ตัวแทนจำหน่าย PORSCHE, BENTLEY
Aston Martin DB12 Goldfinger Edition ฉลองครบรอบ 60 ปี ให้กับสายลับ 007 Goldfinger ด้วยแรงบันดาลใจจาก iconic DB5 ที่ขับโดย Sean Connery ในปี 1964 ซึ่งเป็นครั้งแรกในซีรีส์ James Bond ที่ได้ขับ Aston Martin ในภาพยนตร์ รถคันนี้ถูกสร้างแบบ special edition บนโมเดล 2023 DB12 ผลงานการตกแต่งเป็นพิเศษโดยแผนก “built by Q” limited production จำนวน 60 คัน ด้านขุมพลังของ Aston Martin DB12 Goldfinger Edition ยังคงใช้สเปกเดิม เครื่องยนต์ 4.0-liter twin-turbo V8 ให้กำลัง 671 hp
มีเวลาอีกแค่ไม่ถึง 10 วันนะครับพี่น้อง กับโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของความซนระดับตำนาน อย่าง MONKEY Z125R SPECIAL EDITION รับประกันความแสบเกินต้าน เมื่อลิงซ่าส์กลับมาซน พร้อมโทนสีจี๊ดจ๊าดสะท้อนตัวตนความซนซ่าส์สุดคลาสสิกจากยุค 80s สู่ปรากฎการณ์ความสนุกครั้งใหม่ ที่บอกเลยว่าสาวก MONKEY ยากจะหักห้ามใจ กับงานดีไซน์จัดจ้าน พร้อมสร้างตำนานบทใหม่ ให้ได้ปล่อยจอย ปล่อยใจ ไปกับความมันส์บนรอยยาง และทางฝุ่น ฟีล Enduro เท่พร้อมลุยกับ LEGACY WIND SHIELD ดีไซน์เก๋า เร้าใจยิ่งกว่าด้วย CLASSIC GOLD WING TANK ตัวถังสีแดงสด ประทับโลโก้ Honda Classic Wing สุดโดดเด่น Limited เกินใคร และ LEGACY SIDE COVER จัดเต็มดีไซน์กราฟิกพิเศษเฉพาะ Z125R พร้อมตอกย้ำความมันส์ยิ่งกว่าด้วย LEGACY BLUE SEAT เบาะนั่งนุ่มสบาย สดใสไปกับสีน้ำเงินกระแทกใจ ขี่ไปไหนใครก็เหลียว